The Verge เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีชื่อดังได้รวบรวมความล้มเหลวของสิ่งประดิษฐ์และเรื่องราวต่างๆ ในโลกเทคโนโลยีในรอบทศวรรษนี้ไว้ 84 อย่าง ผมเห็นว่าน่าสนใจดีเลยเอา 10 อันดับแรกมาให้อ่านกัน ดังนี้
เรียกว่าเป็นความล้มเหลวชิ้นใหญ่ของแอปเปิลได้เลย โดยคีย์บอร์ด Butterfly ถูกเปิดตัวและนำมาใช้กับ MacBook รุ่น 12 นิ้วในปี 2015 ตามมาด้วย MacBook Pro และ Air ก็ใช้คีย์บอร์ดแบบนี้ทั้งสิ้น ซึ่งแอปเปิลต้องการให้ยัดคีย์บอร์ดเข้าไปในบอดี้โน้ตบุ๊กบางๆ ได้ ทำให้ระยะลึกของปุ่มกดอยู่ที่เพียง 1 มม.
หายนะเริ่มเกิดในปี 2016 ที่ผู้ใช้รายงานว่าปุ่มเริ่มกดไม่ติด หรือบางครั้งก็กดเบิ้ล ซึ่งในตอนแรกแอปเปิลได้ปฏิเสธปัญหาดังกล่าวและแนะนำให้เอาลมมาเป่าไล่ฝุ่นออก อย่างไรก็ตาม แอปเปิลได้พัฒนาคีย์บอร์ด Butterfly มาอีกถึง 4 รุ่นเพื่อแก้ปัญหานี้ และออกโปรแกรมยืดระยะเวลารับประกันคีย์บอร์ดให้เป็น 4 ปี แต่ใน MacBook Pro รุ่น 16 นิ้วที่เพิ่งเปิดตัวก็ได้กลับไปใช้คีย์บอร์ดแบบ scissor ดั้งเดิมแล้ว
รูปโดย Scott Webb จาก Pexels
The Verge ระบุว่าการตีความและความเข้าใจเรื่องความเป็นส่วนตัวนั้นล้มเหลว เริ่มจากที่ Mark Zuckerberg ระบุในปี 2010 ว่า “ความเป็นส่วนตัวนั้นล้าหลัง” (ต่อมาเขาบอกว่าเข้าใจผิด) ไปจนถึงการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มดักฟังโทรศัพท์หลังเหตุการณ์ 9/11 และเหตุการณ์ที่ NSA สอดแนมประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงการที่บริษัทบัตรเครดิตก็ขายข้อมูลลูกค้า
หลายคนคงทราบว่ากูเกิลออกแอพแชทมาเยอะมาก ตั้งแต่ Hangouts เมื่อหลายปีก่อน (ตอนนี้ตายไปแล้ว) และต่อมาก็เปิดตัวแอพแชท Allo ที่ให้ใช้งานอยู่ไม่กี่ปีแล้วก็ปิดบริการไป คงเหลือแต่ Duo แอพวิดีโอคอลที่ดูจะไปได้ดี
รูปโดย Mitsubishi
อันนี้ก็เคยเป็นกระแสหนักมากของวงการทีวี เพราะคนทั่วไปก็สามารถดูทีวีสามมิติที่บ้านได้ แต่เอาเข้าจริงแล้วภาพก็ยังไม่ได้ทะลุจอเหมือนดูที่โรงหนัง แถมไม่มีใครอยากใส่แว่นให้เกะกะตอนอยู่บ้านด้วย ซึ่งบริษัททีวีพยายามดันอยู่หลายปีแต่ก็จุดกระแสไม่ติดและล้มเลิกกันไปในที่สุด
สมาร์ทโฟนจาก Amazon ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะซอฟต์แวร์ห่วย แต่ใส่ลูกเล่นมาเต็ม ซึ่งท้ายสุดแล้วจุดประสงค์ของโทรศัพท์รุ่นนี้ก็คือการเพิ่มยอดขายสินค้าอื่นๆ ของ Amazon ด้วยนั่นเอง แถม Jeff Bezos ก็เป็นคนริเริ่มโปรเจ็คนี้เองตั้งแต่แรกด้วย
Amazon Fire Phone ทำบริษัทขาดทุนไป 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เป็นหนึ่งในไตรมาสที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัทเลยทีเดียว
แว่นสุดเท่ที่เป็นกระแสไปทั่วโลก จัดงานเปิดตัวยิ่งใหญ่ขนาดที่ว่าให้นักโดดร่มสวม Google Glass ลงมากลางเมืองซานฟรานซิสโก ถ่ายทอดสดทาง Hangouts มาในหอประชุม แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีร้านอาหารแบน Google Glass เพราะห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวจากกล้องที่ชี้เข้าหน้าคนอื่นตลอดเวลา
สุดท้ายแล้ว Google Glass ก็มีใช้เฉพาะในกลุ่มลูกค้าองค์กรเท่านั้น เพราะเพิ่งออกอัพเดตสุดท้ายให้ลูกค้าทั่วไปเพื่อตัดการเชื่อมต่อกับกูเกิลหลังประกาศปิดโครงการเมื่อปี 2015
อีกหนึ่งความล้มเหลวที่โด่งดังที่สุดในโลกสมาร์ทโฟน โดยไมโครซอฟท์เคยหวังไว้ว่า Windows Phone จะเป็นขั้วที่สาม นอกเหนือจาก iOS และ Android ด้วยการซื้อกิจการสมาร์ทโฟนของ Nokia มาในราคา 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และต่อมาก็ลงบัญชีเป็นหนี้สูญ (write-off) โดยบอกว่าเป็นการทดลองที่ล้มเหลว ซึ่งตอนนี้ Windows 10 Mobile ก็ได้ตายลงอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา เพราะไมโครซอฟท์หยุดการออกแพตช์ทุกชนิดแล้ว
รูปจาก Sundance.org
มหกรรมปาหี่ระดับโลกในร่างของเครื่องตรวจเลือดที่อ้างว่าใช้ตัวอย่างเลือดไม่กี่หยดก็ได้ผลการตรวจอย่างรวดเร็ว และจะมาปฏิวัติวงการตรวจเลือดใหม่หมด ซีอีโอหญิง Elizabeth Holmes ได้หลอกลวงผู้ให้เงินลงทุนหลายราย, ผู้บริหารบริษัทต่างๆ รวมถึงลูกค้าด้วยการใช้ผลการทดสอบจากห้องแล็บ แทนที่จะเป็นผลจากเครื่องตรวจเลือดดังกล่าว ทำให้บริษัท Theranos มีมูลค่าสูงสุดถึง 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ต่อมา Holmes ถูกฟ้องในข้อหาฉ้อโกง และแม้แต่ทีมทนายของเธอเองก็ออกมาบอกเมื่อตอนต้นปีนี้ว่าไม่ได้รับค่าจ้างมาหลายเดือนแล้ว
มือถือสุดอื้อฉาวที่มีข่าวระเบิดหลายครั้ง โดยตอนที่ Note 7 ออกมาแรกๆ นั้นมีเสียงตอบรับเป็นบวก เพราะการออกแบบสวยงามและใข้งานได้ดี แต่จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นหายนะ เพราะมีรายงานการระเบิดของมือถือรุ่นดังกล่าวออกมาอย่างน้อย 35 ครั้ง โดย Samsung ต้องเรียกคืนและออกรุ่นปรับปรุงที่บอกว่าปลอดภัยแล้วแต่กลายเป็นว่ายังระเบิดอยู่
สุดท้ายแล้ว Samsung ต้องหยุดจำหน่าย Note 7 ทั่วโลก และนำชิ้นส่วนที่รีไซเคิลมาจาก Note 7 กลับมาประกอบเป็น Note FE (Fan Edition) และขายในบางประเทศ (มีขายในไทยด้วย)
Ajit Pai คนใส่เนคไท | รูปจาก @AjitPaiFCC
อันดับหนึ่งไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคน คือโครงการความเป็นกลางของอินเทอร์เน็ต หรือ Net Neutrality ที่ให้อำนาจกับ FCC หรือกสทช.ของสหรัฐฯ เข้ามากำกับดูแลผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น เช่นห้ามการปิดกั้นเนื้อหา (internet censorship), การบีบความเร็ว หรือพูดง่ายๆ ว่าหาก Net Neutrality ถูกบังคับใช้ เนื้อหาทุกชนิดบนอินเทอร์เน็ตต้องถูกเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมจากผู้ใช้ทุกคน ด้วยความเร็วที่เท่ากัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากการเข้ามาของประธานาธิบดี Donald Trump ที่แต่งตั้งให้ Ajit Pai เป็นหัวหน้าบอร์ดของ FCC คนใหม่ เขาก็พยายามจะยกเลิกการบังคับใช้ Net Neutrality อย่างมาก (Ajit Pai เคยทำงานให้ Verizon) ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จเสียด้วย
เว็บไซต์ The Verge จึงยกให้ Ajit Pai เป็นความล้มเหลวอันดับหนึ่งในวงการเทคโนโลยีแห่งทศวรรษนี้ไปเลย
นอกจากนี้ใน 84 รายการ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น
ใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการรวบรวมนี้อย่างไร หรืออยากเพิ่มอะไรเข้าไป คุยกันได้ในคอมเมนต์ด้านล่างครับ
ที่มา – The Verge
Comments
ผมมี 1 ในนัั้น นั่นคือ Note FE
ปลดระเบิดแล้วไม่นับครับ :D
ตอนนั้น Hype กับ Project ARA มาก ๆ เลย จนกระทั่งมันหายไปกับกลีบบเมฆ 555+
โดนเทรนมือถือบางๆกลบหมดครับทำมาก็ขายไม่ออก
ผมว่ามันขายไม่ได้ด้วยตัวมันเองนั่นแหละครับเลยหายไปจากตลาด คาดว่าไม่เวิร์คจากการเอามาใช้งานจริง และในแง่ของต้นทุนรวมถึงความคุ้มค่า
ผมก็ Windows Phone ไง เจอ MS ทำตัวเอง จุกเลยเหมือนกัน ทำให้เกลียด MS ตั้งแต่ตอนนั้น ยกเว้น Windows PC
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
+1
ผมก็มี Lumia 720 ใช้เครื่องนึง คือว้าวมากเพราะพึ่งย้ายมาจาก Android ความเร็วความเสถียรตอนนั้น Android นับว่าเป็นรองมากๆ แถมไม่พอไปถอยรุ่นถูก 435 ให้แม่อีกเครื่องนึง
เสียดาย Project Google Glass จังแต่น่าจะกลับมาในอนาคตแหละเมื่อพร้อมกว่านี้ ดูอย่างจอทัสสกรีนสิ จริงๆมีมานานแล้วจน Apple มาทำให้ใช้งานได้จริง
น่าจะมีคนรวบรวมของไทยบ้างนะครับ ?
มี chatbot ด้วย
ฟังแนวคิดของ Ajit Pai มันตอแหลมาก
ทำเพื่อผลประโยชน์ทุนชัดๆ แต่ดันบอกว่าทำเพื่อประชาชนท่องจำสิ่งที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลกัน
เปรียบเทียบประมาณ "เพื่อความการแข่งขันขายเกมที่เสรี เราจึงเอาเงินฟาด Dev เพื่อให้เป็น exclusive ของเราแต่ผู้เดียว"
ทำไมประโยคแลดูคุ้นๆ เหมือน Game Store ไหนซักเจ้าหนึ่งเลยล่ะ
ร้านยายปริกแน่นอน
ส่วนตัวผมคิดว่าในลิสต์ขาดอย่างหนึ่งนะ Cortana...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Cortana ยังไม่ตายครับ (ผมคิดว่า กำลังต่อท่อหายใจอยู่ 5555)
ผมว่าใกล้แล้วครับ น่าจะต่อไม่นานนัก สังเกตได้จาก Move หลัง ๆ ที่เริ่ม decouple จาก Cortana มาแล้ว
อันนี้พูดในฐานะคนทีเคยใช้ Windows Phone มาก่อนนะครับ (เรียกว่าเป็นคนท้าย ๆ ในกลุ่มที่ใช้ ก่อนย้ายออกมาใช้ iOS กับ Android เต็มตัว)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Google Glass มันดีมากเลยนะ
Sumsung ระเบิด ตู้มมมมมมม โทรศัพท์ที่จะกลายเป็นตำนานวงการ มือถือไปอีกหลายสิบ หลายร้อยปี คนรุ่นหลังนี่น่าจะคิดว่ามันต้องเอาไว้ลอบสังหารท่านประธานาธิบดีแน่ๆ
macbook pro ก็ระเบิดจนโดนห้ามขึ้นเครื่องบินเหมือนกันทำไม the verge ไม่สนใจบ้างหนอ
ไม่เคยได้ยินข่าวว่าระเบิดนะครับ มีแต่แบตอาจจะมีความเสี่ยงที่จะระเบิดให้เข้าไปเปลี่ยนแบตก็หาย ไม่ได้มีการเรียกคืน ทั้งลอตทุกเครื่องแบบ Note 7
ก็มีข่าวลงนะครับ
Mac book ระเบิดนี่มันไม่ได้ cat-as(s)-trophy แบบ Note 7 ครับ
TV 3 มิติมีที่บ้านเครื่องนึง แตาไม่เคยใช้เพราะหา Content ยาก
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
มีเหมือนกัน แต่ไม่มี content ผมว่ามันตายเพราะไม่มี content มากกว่าเรื่องแว่นหรืออะไรอย่างอื่นอีกนะ
+1
ผมว่าไม่ยากนะ หนัง Blu-Ray 3D ก็มีเยอะ แต่ปัญหาคือดูนานๆ ไม่ไหวมากกว่า
ผมชอบ Windows Phone ซื้อตั้งแต่ 920 ละก็มา 1520 เสียดายเหมือนกันนะ
ผมชอบดูหนัง 3D กับจอทีวีที่บ้านนะ แต่ก็คงเป็นส่วนน้อยของคนส่วนใหญ่
ผมมี BB Priv อยู่เครื่อง ชอบตรง physical keyboard slide นี่แหละ โคตรเท่ห์ อยากได้แบบนี้อีก
ไม่ชอบดูหนัง 3D ในโรงก็ไม่ชอบ ต้องใส่แว่นดูซับ แล้วต้องใส่แว่น 3D แทน ลำบาก
ผมมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 3 อย่างแน่ะ Windows Phone/ทีวี 3 มิติ/Note FE
แอบเสียดาย WP อยู่นะ เคยยืมเครื่องมาใช้ 1 week มันก็ลื่นดีเสถียรด้วยถ้าเทียบกับมือถือในยุคเดียวกันตอนนั้น
เสียตรงการตลาดไม่ได้ App ดังๆแทบไม่มี เหมือนโดนโดดเดี่ยวจนตายไปในที่สุด
แอบเสียดาย Windows phone ที่สุดแล้ว
ตามจริงทุกอย่างมันดีมากเลยนะ แค่ไม่ค่อยมี app เอง ?
ทีวี 3 มิตินี่ ... ผมดู VR เอาปลอดภัยกว่า :P
ไม่แบ่งกันดูเลยหรอครับท่าน...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ลืมแท่นชาร์จไร้สายของ Apple เหรอที่เปิดตัวแล้ว ทำไม่สำเร็จ พับโปรเจ็คต์
มันยังไม่ทำสำเร็จนะครับ คงไม่เข้าข่าย
มีอยู่ในรายชือของ The Verge ครับ
จริงๆ ฝรั่งทำพลาดก็เยอะ แต่ถ้าพอเป็นบริษัทไทยดูคนไทยจะมองแย่กว่าฝรั่งซะอีก
ผมว่าคนที่ด่าหรือมองแย่ๆ ไม่คาดหวังไว้สูง ก็สักแต่จะด่าท่าเดียวมากกว่า
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ต้องแยกให้ออกระหว่างด่ากับวิจารณ์ครับ
วิจารย์ดีๆ ก็โอเคนะครับ แต่ทั้งนี้มันก็เหมือนฝัง mindset ไปแล้วว่าสินค้าคนไทยไม่ค่อยเวิร์ค ทั้งๆ ที่ของต่างประเทศทำของไม่เวิร์คก็มีเหมือนกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะให้โอกาสแก้ตัวกับสินค้าต่างประเทศมากกว่าคนไทยซะอีก
ในนี้มีหลายตัวที่มีรุ่นใหม่ออกมาดีกว่าอยู่
ของมันก็ต้องพลาดกันบ้าง 555+