เราเห็น ความเคลื่อนไหวจากฝั่งยุโรปที่ต้องการสร้างที่ชาร์จมือถือมาตรฐานเดียว มาได้สักพักใหญ่ๆ แต่ยังไม่เห็นผลมากนัก เพราะเป็นการเรียกร้องให้ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ "สมัครใจ" ใช้งาน
ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission เทียบได้กับรัฐบาลกลางของยุโรป) เตรียมเสนอมาตรการที่เข้มขึ้นในการบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม สถานะของโครงการนี้เพิ่งเริ่มหารือกันในที่ประชุมรัฐสภา และต้องรอโหวตจากรัฐสภายุโรปที่ยังไม่ระบุวันชัดเจน
ทิศทางของรัฐสภายุโรปคือบังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์พกพาทุกชนิด ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟน แต่ยังรวมถึงแท็บเล็ต เครื่องอ่านอีบุ๊ก และอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย ซึ่งจะมีผลกับทั้งแอปเปิล (Lightning) และกลุ่มผู้ผลิตสมาร์ทโฟนราคาถูก ที่ยังใช้พอร์ต Micro USB กันอยู่
เหตุผลของรัฐสภายุโรปคือต้องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยให้ชีวิตของผู้บริโภคง่ายขึ้นจากการมีที่ชาร์จมาตรฐานเดียว
ภาพจาก Apple
Comments
ทิมคุกไม่ชื่นชอบสิ่งนี้
ผมเคืองมากที่ให้สายชาร์จ Airpods Pro เป็น Lighting+USB C
อยากเข้าไปช่วยโหวตเห็นด้วยรัว ๆ
ถ้าออกมาประมาณว่าอุปกรณ์อย่างน้อยต้องรองรับ Charge ด้วย USB-C จะน่าสนใจมาก ๆ
คิดซะว่า Apple and the rest of the world ก็ได้ครับ เหมือนระบบอิมพีเรียล
อยากใช้พอร์ททรงนี้ไปถึง usb 20.0 :D
แล้วคงไม่ไปฟ้องผู้ผลิต USB-C ว่าผูกขาดหรอกนะ
มันไม่ได้มีบริษัท usb type c จำกัด ผลิตพอร์ตขายที่ไหนล่ะครับ
คุณอยากตั้งบริษัทผลิตก็ได้ครับ ผลิตได้ทั้งโลก มันจะผูกขาดยังไง
USB-C มันเป็นมาตราฐานกลางออกโดย USB-IF มีสมาชิกมากมายในนั้น Apple ก็อยู่ในนั้นด้วย
ใครอยากผลิตก็ได้ ขอให้ได้มาตราฐานตาม USB-IF ก็ใช้ด้วยกันได้ ราคาจะถูกจะแพงผ่านมาตราฐานก็จบ
Ref: https://www.usb.org/members
หักมุมตรงที่ชาร์จโน้นไฟไม่พอชาร์จอันนี้ไม่ได้ อันนี้ไม่มีโหมดนี้ชาร์จอันนั้นไม่ได้
ความแรงอยู่ที่อแดปเตอร์ไม่ใช่หัว
ไม่งั้นปลั๊กบ้านก็คงต้องทำเป็นหลายๆ แบบ เพราะบ้านแต่ละหลังก็จ่ายไฟ กำลังไม่เท่ากันนะครับ
DC Jack Socket ก็ไม่ได้ระบุเหมือนกันนะ จะเสียบก็ต้องดู Volt ดู Amp ก่อนใช้เหมือนกันครับ แต่ USB-C พยายามแก้ไขจุดเสี่ยงส่วนของไฟเกิน หากใช้ไม่ถูกต้อง (ถ้าผลิตได้มาตราฐาน) ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ปลอดภัยกว่า DC Jack เสียอีก
ซึ่งเค้าพยายามทำให้มันเป็นมาตราฐานน่ะ ผลดีก็ตกกับคนใช้งานเองซื้อมือถือใหม่ ก็มีสายสำรองให้ใช้ไม่เสียเงินหลายรอบ
คุยกันเรื่อง usb ทีไร ไอ้นี่แว่บเข้ามาในหัวก่อนเลย
https://xkcd.com/927/
ใครว่าฝรั่งไม่รำคาญเรื่องสายชาร์จ เหอ ๆ ๆ
ดูจะรำคาญเหมือนกันหมดแหละ
Lightning เปลี่ยนสักทีเถอะ เบื่อมากขั้วทองแดงช็อดเป็นสีดำๆ เปลี่ยนไปหลายเส้นแล้ว
เรื่อง Lightning Port เป็นอะไรที่ผมคิดว่า Apple น่าเกลียดมาก
That is the way things are.
กดเลิฟรัว ๆ คิดถึงสมัยโนเกียยังเป็นเจ้าตลาด หัวชาร์จมั่วไปหมด ซักพักเริ่มมี mini usb ก็เริ่มดีขึ้น ต่อมาก็เป็น micro usb ก็ดีขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่หมดซักที ตอนนี้ไป usb-c ขอให้ไปแล้วยาว ๆ ทีเท้อออออ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ไม่อยากคาดหวังมากนัก
ลองมองดูอีกด้านของสายชาร์ตสิ แม้แต่ด้านเต้าเสียบก็ยังมีตั้ง 15-16 แบบ ถึงแม้ยุโรปจะใช้คล้ายๆกันซะส่วนใหญ่ และสามารถใช้ข้ามแทนกันได้ก็ตาม แต่ก็ยังมีที่ที่แตกต่าง จะไปต่างประเทศทีซื้อที่แปลงกันวุ่นวายไปหมด ทั้งที่ผมว่าด้านเทคนิคแล้วเปลี่ยนง่ายกว่าด้านชาร์ตเสียอีก
คนเรามันก็ไมไ่ด้ย้ายประเทศบ่อยขนาดเปลี่ยนมือถือมั้งครับ?
15-16 แบบผมก็ว่าเวอร์ไปหน่อย เพราะเต้ารับบางตัวก็รับปลั๊กได้หลายแบบอยู่แล้ว
ใช่ครับคนเราไม่ได้ย้ายประเทศบ่อย อันนี้เห็นด้วย แต่พูดถึง "มาตรฐานที่ออกมาเพื่อให้ทุกคนยอมทำตาม" น่ะครับ
ผมไม่ได้บอกว่าไม่อยากให้ทำ(และจริงๆผมเห็นว่าสมควรทำที่สุด)
แต่ผมบอกว่าไม่อยากคาดหวัง คือไม่อยากคาดหวังว่าผู้ผลิตจะยอมทำตาม
เพราะ ขนาดอันนี้ใช้กว้างขวางกว่า ก็ยังไม่ยอมลดมาตรฐานมาใช้ร่วมกันเลย ทำไปคนละทิศละทาง
และสำหรับเต้าเสียบมันมี 15 แบบจริงๆครับแต่ผมก็บอกแล้วว่าหลายๆแบบใช้รวมกันได้ และจริงๆยุโรปก็ใช้อยู่ไม่กี่แบบซึ่งใช้ข้ามกันได้ แต่ก็มีคำถามย้อนกลับ ว่าทำไมในเมื่อมันใช้ร่วมกันได้ แล้วไม่ทำให้มันเหลือแบบเดียว
เข้าใจว่า อาจจะแยกประเภท จากการใช้ แรงดัน กระแส หรือรายละเอียดอื่นๆต่างกัน
แต่ถ้าใช้ข้ออ้างนี้ ของสายอีกฝั่งก็ใช้ข้ออ้างคล้ายๆนี้ได้เช่นกัน
ต้นทุนการเปลี่ยนต่างกันเยอะมากครับ อุปกรณ์แนว ๆ นี้อายุไม่นานมากถ้าเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และถ้าเปลี่ยน socket ก็ต้องเปลี่ยนให้ใช้กันได้หมดทุกเครื่อง ถ้าเปลี่ยน wall socket ขั้นต่ำก็จุดละ 200 ครับ ซึ่งในบ้านทั่ว ๆ ไปก็ราว ๆ 20 จุด ไม่รวมค่าช่าง แล้วยังว่าของที่ยังไม่พังจะต้องเปลี่ยนทั้ง ๆ ที่ยังใช้ได้ปกติอีก ทั้ง ๆ ที่เปลี่ยนแล้วไม่มีฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้น (ยกเว้นปลั๊ก UK)
ซื่งอุปกรณ์บางชิ้นมันเปลี่ยนแค่สายได้แต่บางชิ้นมันไม่ได้ ต้องตัดสายต่อใหม่ก็น่ะสิครับ
ต้นทุนการเปลี่ยนของปลั๊กไฟบ้านเองนี่ จุดนึงตีขำๆ ในประเทศพัฒนาแล้ว น่าจะหลักพัน คิดขำๆพันนึงบ้านนึงมี 8-10 จุด ถ้าจะบังคับเปลี่ยนมาตรฐานนี้ มันก็ทีละหมื่น มูลค่าค่าเปลี่ยนรวมน่าจะแตะ 12-13 หลักเอาได้ง่ายๆ มันเป็นงานไฟฟ้าแรงสูง และงานโครงสร้างนะครับ ช่วงเปลี่ยนผ่านต้องทำปลั๊กสองแบบ หรือทุกคนต้องซื้อหัวแปลงกันหมด ดูไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
ถ้าว่ากันในด้านเทคนิคแล้ว Backward Compatible ในมือถือมันไม่ต้องมีก็ได้ อายุการใช้งานมันสั้นหลักสองสามปีเอง ออกมาก็แค่เปลี่ยนสายอีกด้าน แต่ของบ้านที่อยู่อาศัยมันต่างกัน
ลองคิดภาพตึกออฟฟิซ 100 ชั้น 2000 ห้อง ต้องเปลี่ยนปลั๊กไฟดูสิ
ทำไมถึงคิดว่าเปลี่ยนง่ายกว่าอ่ะครับ มองยังไงเต้าเสียบก็เป็นของใหญ่ ติดตั้งแล้วใช้เป็น 10 ปี ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็แทบไม่มีใครเปลี่ยน แล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กันอยู่ในประเทศนี่ก็เป็นเต้าเสียบแบบนี้ทั้งนั้น
ถ้าวันนึงประกาศออกมาว่าให้เปลี่ยนมาใช้แบบกลางเหมือนกันทุกประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองนี่ก็วุ่นวายมากอยู่นะ
โน คุณตีความผมผิดนะครับ
คำว่าเปลี่ยนของผม อ้างอิงกับในข่าวครับ คือเปลี่ยน Standard แล้วบังคับใช้ให้ต่อจากนี้ไป โดยใช้กันเป็น standard เดียว แบบนั้นครับ ไม่ได้บอกให้ไปเปลี่ยนเต้ารับที่บ้าน แบบเดียวกันกับที่เมื่อออก standard ของโทรศัพท์ก็ไม่ได้ให้เราเอามือถือไปแกะเปลี่ยน Port ที่ร้านนี่ครับ
ออกแสตนดาร์ดแล้วให้เครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆ เปลี่ยนเต้าเสียบเป็นแบบเดียวกัน ในอนาคตก็จะค่อยๆรวมเป็น standard เดียว
แต่ถ้ารุ่นใหม่ออก "ตัวปลั๊ก" เป็นมาตรฐานกลางก็เอาไปเสียบใช้ที่บ้านไม่ได้อยู่ดีนี่ครับ ไม่เปลี่ยนเต้ารับใหม่ก็ต้องหาปลั๊กพ่วงมาต่อ ผมว่ามันมีเหตุผลที่ชัดเจนอยู่แล้วนะว่าทำไมเค้าถึงไม่ทำมาตรฐานกลางกัน กฎหมายเรื่องพวกนี้แต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกันด้วยมั้ง
ผมเคยเชื่อนะว่า Apple เนี่ยเปลี่ยนอะไรสักอย่างก็เพื่อผู้ใช้หรือเพื่ออุตสาหกรรมโดยรวม ตอนพูดบนเวทีสวยๆหรูๆว่าอย่างนั้นอย่างนู้นก็คล้อยตามไปหมด
จนกระทั่ง Apple ยังไม่เปลี่ยนจาก Lightning ไป USB-C นี่แหละ
หลังจากนั้น Apple พูดอะไรมา ผมกลายเป็นอคติ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งตลอดเลย คิดว่ามันต้องปั้นคำสวยหรูเพื่อขายของแน่ๆ 55+
ตอบ คห. บน
ขนาด Apple ทำสายต่อเพิ่มความยาว USB ออกมา
ยังพยายามเพิ่ม"ติ่ง"เข้าไป เพื่อไม่ให้หัว USB ทั่วไปใส่ได้เลยครับ
รูปประกอบ ในลิงค์นี้
https://www.reddit.com/r/assholedesign/comments/8lkadx/this_apple_usb_extension_cable_that_is/
ในลิงก์ก็มี Top Comment อยู่นะครับว่าเขาตั้งใจทำติ่งเอาไว้เพื่อไม่ให้คนคิดว่ามันคือ USB เพราะมันไม่ใช่
/u/ThickAsABrickJT
มันใช่ครับ แต่ USB type A male to type A female หรือที่เรียกกันว่า extension cable มันผิด spec USB-IF เพราะ USB-IF กลัวเอามาต่อสายชาร์ต
สายประเภท extension cable นี่เห็นบ่อยมากครับ พวก headset พวกคีย์บอร์ดหรือเมาส์ทั้งมีสายและไร้สาย และอุปกรณ์พวกนี้หลายๆยี่ห้อที่เป็นไร้สายก็แถม extension cable กันเป็นปกติครับ
การอ้างว่าทำเพื่อให้ถูก USB-IF นั้นผมว่าค่อนข้างแถครับ ไม่จำเป็นเลยที่ผู้ผลิตจะต้องใช้ตรามาตรฐาน USB-IF บนอุปกรณ์แบบนี้ ยิ่งเป็น Apple ที่ไม่ค่อยยึดมาตรฐานชาวบ้านยิ่งไม่จำเป็นเข้าไปใหญ่ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ USB-IF แล้วจะแถมหรือขายสายพวกนี้ไม่ได้ซักหน่อย(อย่างที่บอกว่าหลายเจ้าแถมหรือขายเป็นปกติ)
อย่าง Lightning เองที่เป็น USB type A male to Lightning male ก็ไม่ได้ comply กับ USB-IF ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
appleจะเปลี่ยนมาใช้usb type-c
อย่างจริงจังก็คงใส่วงจรเพิ่มเข้าไปก่อนเพื่อไม่ให้iphone,ipad,macbookใช้สายชาร์จusb type-cยี่ห้ออื่นได้นั้นแหละ
ผมใช้ 3rd party ทั้งสายชาร์จทั้งอแดปเตอร์เสียบกับแมคบุ๊คก็ใช้งานได้ปกตินะครับ
Macbook และ iPad pro ใช้ชาร์จ usb type c นะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ครั้งก่อนให้แถม dongle ได้นี่นะ
Apple อยากเปลี่ยนเป็น USB-C อยู่แล้ว ดูจาก Macbook, iPad ที่เริ่มใช้ USB-C
แต่กับ iPhone ถ้าจะให้เปลี่ยนเลย ลูกค้าที่เคยซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วงแต่ละอย่างที่เป็น Lighting คงโวยวาย
ถ้าสหภาพยุโรปเป็นคนเริ่มบังคับ แล้ว Apple ต้องเปลี่ยนตาม ลูกค้าคงไม่โวยวายเท่ากับ Apple เริ่มเปลี่ยนเอง
ดูๆแล้วสหภาพยุโรปช่วย Apple หาทางเปลี่ยนจาก Lighting เป็น USB-C ได้อย่างสวยๆ
ผมคิดว่ามันจะลดขยะได้จริงๆนะถ้าเปลี่ยนมา Type-C กันหมดที่บ้านผมในระยะเวลา 2 ปีเปลี่ยน lighting ไปแล้ว 3 เส้นในขณะที่ Type-C ยังปกติดีอยู่
ล่าสุดเห็นว่าสภายุโรปโหวตชนะ 582-40 เสียง
https://www.reddit.com/r/europe/comments/ewkyd1/european_parliament_has_voted_in_favour_of_a/