ปี 2005 ได้เกิดเหตุการณ์ที่เหมือนกับโรคระบาดในเกม World of Warcraft ที่เกิดมาจากบั๊กของสถานะ Corrupted Blood หรือสถานะติดเชื้อในกระแสเลือด ที่เป็น debuff ติดจากการตีบอสใน raid ที่มีชื่อว่า Zul'Gurub หลุดออกมาในเมือง และสามารถติดต่อจากผูุ้เล่นหรือสัตว์เลี้ยงไปยังผู้เล่นคนอื่นได้ ทำให้เชื้อนี้แพร่ระบาดไปในวงกว้างและทำให้ผู้เล่นเลเวลน้อยๆ ตายได้อย่างรวดเร็ว จนมีซากกระดูกกองเต็มเมืองไปหมด
ที่น่าสนใจจากเหตุการณ์นั้นคือก่อนที่ GM จะแก้บั๊ก ได้มีการกักกันตัวผู้เล่นที่ติดสถานะ Corrupted Blood ออกจากผู้เล่นคนอื่น (quarantine) แต่ก็ไม่แคล้วมีคนที่ไม่แคร์โลก ออกมาจากสถานกักกันและเดินแพร่เชื้อหรือสถานะผิดปกติจนทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถหยุดการระบาดได้ จนเป็นเหตุผลในท้ายที่สุดต้องมีการรีเซ็ตเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด สถานการณ์ถึงจะกลับสู่ปกติ
ภาพจาก Blizzard
พฤติกรรมในช่วงที่เกิดโรคระบาดข้างต้นถูกนำไปศึกษาต่อเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ Dr. Eric Lofgren และ Dr. Nina Fefferman นักวิจัยโรคระบาดได้เขียนงานวิจัยเปรียบเทียบพฤติกรรมระบาดในเกม และโลกความจริง เพื่อศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมมนุษย์และนำมาปรับใช้ในการรับมือกับโรคระบาดในอนาคต
ปัจจุบัน Dr. Eric Lofgren ทำงานอยู่ที่ Washington State University หนึ่งในรัฐที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 หนักที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเขากล่าวว่าประสบการณ์ในการวิจัยเหตุการณ์ Corrupted Blood เป็นประโยชน์ต่อการจัดการกับ COVID-19 เป็นอย่างมาก ทั้งในด้านการทำความเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ อาทิพฤติกรรม ‘griefing’ หรือการตั้งใจป่วนเกม ที่มีผู้เล่นตั้งใจนำโรคนี้ไปติดคนในเมืองอื่นๆ และนำมาเทียบกับพฤติกรรมของมนุษย์ ที่อาจมีทั้งการตั้งใจให้โรคไปติดคนอื่น หรือเพียงแค่ไม่สนใจเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตตัวเอง และรับมือกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้ดีขึ้น
ส่วน Dr. Nina Fefferman ผู้เขียนร่วมของงานวิจัย ที่ทำงานอยู่ ณ University of Tennessee ในปัจจุบันก็กล่าวว่างานวิจัยที่เธอเคยร่วมทำ มีส่วนสำคัญมากในการช่วยทำความเข้าใจในด้านผลกระทบต่อสังคมที่เกิดต่อการระบาดเช่นเดียวกัน จากการศึกษาการพูดคุยในช่องแชท ในช่วงเหตุการณ์ Corrupted Blood และนำมาเปรียบเทียบกับการกระจ่ายข่าวสารทางโซเชียลมีเดีย และการตัดสินใจของคนหมู่มาก ในเหตุการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน
Dr. Eric Lofgren ภาพจาก Washington State University | Dr. Nina Fefferman ภาพจาก The University of Tennessee
World of Warcraft Classic จะนำภารกิจ Raid ที่มีชื่อว่า Zul'Gurub ต้นตอของการระบาด Corrupted Blood กลับมาให้เล่นกันในอัปเดตใหม่เดือนเมษายนนี้
ที่มา - PC Gamer
Comments
ตายในเกมส์ แต่ไม่ตายในชีวิตจริงนี่นา มันต่างกันเยอะนะ
เค้าใช้ในการศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ครับ ไม่ได้ใช้ในการศึกษาไวรัสโดยตรง
ยิ่งตายในเกมยิ่งน่าสนใจ
เพราะการตายในเกมทำให้คนไม่แคร์เลยป่วนกันเยอะ ตรงนี้นี่เองที่เอามาศึกษาพฤติกรรม "griefing หรือการตั้งใจป่วนเกม ที่มีผู้เล่นตั้งใจนำโรคนี้ไปติดคนในเมืองอื่นๆ"(อ้างอิงจากในข่าว) ยกตัวอย่างพฤติกรรมแบบนี้ก็พวก ชาวต่างชาติที่เอาน้ำลายไปเช็ดลูกบิดประตูหรือปุ่มลิฟท์ หรือกลุ่มผีน้อยที่กลับมาแต่ไม่สนใจจะกักตัวเอง
เหมือนว่าจะเห็นคลิปนี้ https://www.youtube.com/watch?v=mjFJ41T_StI พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกม ถ้าใครไม่รู้จักเหตุการณ์นั้นลองกดเข้าไปดูได้
ผูุ้เล่น > ผู้เล่น
เว็บ sbobetฝากขั้นต่ำ100 แทงบอลออนไลน์ได้ทันที กับเว็บพนันของ sbobet เว็บแทงบอล ที่มีผู้แทงบอลออนไลน์มากที่สุดในตอนนี้