เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ หรือ UN ประกาศร่วมกับ Tencent ใช้แพลตฟอร์มเป็นสื่อในการส่งสารให้เข้าถึงคนหมู่มากโดยเฉพาะคนจีน รวมถึงจะส่งสารเรื่องความร่วมมือระดับนานาชาติในการจัดการวิกฤตโรคระบาดด้วย โดย UN ประกาศความร่วมมือนี้ผ่านทาง video conference ซึ่งเป็นโอกาสครบรอบ 75 ปี
แต่ความร่วมมือดังกล่าวสร้างความกังวลในประเด็นความเป็นส่วนตัว ทั้งความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งานแพลตฟอร์ม Tencent ที่ไม่ได้เข้ารหัส และนโยบายการเซนเซอร์คำอ่อนไหวตามแนวทางรัฐบาลจีน รวมถึงนโยบายจีนในการสอดส่องประชาชนโดยใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ซึ่งล่าสุด UN เปลี่ยนท่าที และมีความเป็นไปได้ที่จะหยุดความร่วมมือกับ Tencent
ภาพประกอบจาก UN
Financial Times ยังรายงานด้วยว่า ช่วงแรกๆที่โรค COVID-19 ระบาดในจีน Tencent ได้เซนเซอร์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับไวรัสบน WeChat รวมถึงเนื้อหาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลจีน ถือเป็นการปิดช่องทางการรับรู้ของสังคมที่จะเข้าถึงวิธีปกป้องตัวเองจากโรคระบาด
Louis Charbonneau ผู้อำนวยการสหประชาชาติแห่ง Human Rights Watch แสดงความเห็นว่า หวังว่าการหยุดความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ UN ตระหนักได้ว่า Tencent ไม่ใช่พาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม จีนพยายามใช้ UN เป็นเครื่องมืออำพรางข้อเท็จจริงที่จีนละเมิดสิทธิมนุษยชน และ UN ก็ไม่ควรพาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมกับการอำพรางนี้ และหวังว่า UN จะหาช่องทางอื่นในการส่งสารถึงคนจีนในวิธีที่จะไม่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการกดขี่ของรัฐบาลจีน
Excited to partner with @UN @JoinUN75 to drive conversations across the globe about the future. Our online platforms and tools, VooV Meeting and WeChat Work, enable seamless communications to take place online. #UN75 #WeUnited Make your voice heard on https://t.co/QELip3vgVP pic.twitter.com/b6TAprUJDy
— Tencent 腾讯 (@TencentGlobal) March 31, 2020
ที่มา - Foreign Policy, Financial Times
Comments
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
แปลกนะถ้าเป็นจีนหรือแบรนด์จีน ก็กลายเป็นผู้ร้ายซะงั้น แต่ถ้า USA เป็นคนทำ กลายเป็นพระเอกเฉยเลย
รัฐบาลจีนทำตัวเองครับเคสนี้ และพูดตรง ๆ ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ก็ทำตัวเองเหมือนกัน ภาพพระเอกที่เคยมีนั้นมันไม่หลงเหลือให้เห็นอีกต่อไปแล้ว และเป็นเหตุที่ทำให้หลายชาติไปพึ่งพาจีนเช่นกัน รวมถึงรัสเซียด้วย
บริษัทในสหรัฐฯ เองก็เข้าไปทำธุรกิจในจีนเยอะ ทั้งทางตรงและผ่านความร่วมมือกับบริษัทในจีน เพราะตลาดที่ใหญ่โตมหาศาล กำลังซื้อที่สูง ต้นทุนและค่าแรงน้อยกว่าในประเทศตัวเองและที่อื่น และทรัพยากรในจีนก็มีเยอะด้วย
แต่ถ้าพูดถึงการตรวจสอบของรัฐและประชาชน ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ นั้น ยังไงสหรัฐฯ ก็ยังดีกว่าหลายเท่าอยู่ ในเรื่องความโปร่งใส และการตรวจสอบต่าง ๆ
ส่วนจีนที่เป็นเผด็จการในคราบคอมมิวนิสต์ ก็เห็นอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูจากฮ่องกง และไต้หวัน ปัญหาทะเลอินโดจีน และเขื่อนสามผากั้นน้ำลงแม่น้ำโขง และอีกหลายเรื่อง ที่ตรวจสอบไม่ได้ และพยายามปกปิด
สามารถดูได้จากการ Censored และแบนอะไรที่เป็นฝั่งตรงข้ามรัฐบาลจีน แม้แต่หมีพู เกม เทียนอันเหมิน อุยกูร์ และล่าสุดก็ COVID-19 ในช่วงแรก ๆ จนลุกลามอย่างที่เห็น ซึ่งคนส่วนนอกจีนจะรู้แต่คนในจีนไม่รู้หรือรู้น้อยมาก ๆ และพอมีการวิจารณ์หรือแสดงความเห็น จะโดนลบออกจากระบบ จับกุม หรือหายตัวไปก็มี นั่นคือปัญหา
และอีกอย่าง แบรนด์จีนส่วนใหญ่ ทั้งเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาลจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมรู้สึกตลก ปนเห็นใจ กับคนที่เชื่อว่ารัฐบาลจีนปิดข่าวจนทำให้ไวรัสลุกลาม
ผมนั่งดูคน คนไทยก็นั่งดูข่าว ก็รู้ว่ามีโรคระบาดเกิดขึ้น มีการเตรียมกันคัดกรองป้องกัน
แต่คนอังกฤษยังจัดคอนเสิร์ต
อิตาลียังเตะฟุตบอล
อเมริกายังปล่อยให้นักศึกษาไปปาร์ตี้สปริงเบรค
ขอโทษนะ คนพวกนี้ (และบางคนแถวนี้?) ไม่ได้ดูข่าวสารบ้านเมือง แล้วมาหาว่าจีนปิดข่าวเนี่ยนะ...
?
?
ปิดข่าว ไม่ปิดข่าว ก็เคยมีการจับคุณหมอที่ปล่อยข่าวนี้สิครับ ถึงแม้กรมตำรวจจะขอโทษแล้วก็เถอะ
เป็น Wumao เหรอครับ เห็นเลียจีนตั้งแต่โคนจรดปลายขนาดนี้
https://www.youtube.com/watch?v=Z_8LnnHMeG4
ไอ้โพสละ 5 บาทนี่ได้จริงๆใช่ไหมครับ?
มีหลักฐานหลายประการที่นำไปสู่การสรุปว่ารัฐบาลจีนปิดข้อมูลเรื่องโรคระบาดครับ เค้าไม่บอก WHO ทั้งหมด ทำให้ข้อมูลไม่สมบูรณ์ แต่ WHO ก็เชื่อตามนั้น และนานาชาติก็เชื่อ WHO
คุณมีอะไรพิสูจน์ว่าการพยายามเอาผิด Li Wenliang ที่พยายามแจ้งว่ามีการระบาดในอู่ฮั่น เป็นเรื่องโกหก รัฐยอมรับเองนะว่าคาดโทษ Li จริง และต้องบากหน้าขอโทษครอบครัวของเขามาแล้ว (ส่วนตัวคิดว่าขอโทษเพราะไม่อยากเสียหน้าเท่านั้น)
แค่ปิดข่าวยังไม่พอ ยังไปให้ WHO ส่งการเตือนแบบผิดๆ ไปทั่วโลกอีก
รู้สึกตลก ปนเห็นใจจริงๆครับ ข่าวออกทั่วโลก แต่มีคนไม่รู้เรื่อง
https://www.bbc.com/news/world-asia-china-51409801
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/865424
https://www.xinhuathai.com/high/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5_20200319
ไวรัสเริ่มตั้งแต่ Nov 19 จีนบอกเอาอยู่ WHO บอกไม่ต้องห่วง
จน pandemic เกิดตั้งแต่มกรา มาเตือนเอาตอนกุมภาฯ
ว่าไงดีล่ะ
ไอ้ที่บอกว่ารู้ทั่วโลกนั่น ปัญหาคือกว่าโลกจะรู้ความจริงไงครับ มันกี่วันกี่เดือนมาแล้ว ปั๊ดโธ่
ผมก็แปลกครับ
อะไรที่เป็นของ USA หรือ ทรัมป์ มีแต่คนซ้ำเติม แถมให้เป็นผู้ร้ายตลอดเลย ส่วนจีนมีแต่คนอวย ให้กำลังใจ
ในทวีฟแอฟริกา จีนไปช่วยรัฐบาลสร้างอะไรต่อมิอะไร จากนนั้นก็บั๊กทั้งตึก รัฐบาลประชุมอะไร จีนได้ยินทุกคำ
น่าไว้ใจดี เหมือนที่เขาว่าพี่น้องซ้องปีบ
องค์กรนี้รับเงินบริจาค จากประเทศต่างๆหรือเปล่า
หรืออาจกลัว USA ตัดเงินช่วยเหลือแบบ WHO
สำนักงานใหญ่ UN อยู่ที่ US