เว็บไซต์ XDA-Developers เขียนบทความเกี่ยวกับสถานการณ์เชิงบังคับของการใช้งาน 5G บนสมาร์ทโฟน ที่ทำให้มือราคาเรือธงราคาแพงขึ้นกว่าเดิม แถมอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มือถือนักฆ่าเรือธงไปไม่รุ่งในปีนี้
ในบทความยกตัวอย่าง OnePlus One ที่วางจำหน่ายในราคา 299 เหรียญ หรือเพียงครึ่งเดียวของ Galaxy S5 มือถือเรือธงของค่ายแอนดรอยด์ในปีนั้นที่วางจำหน่ายในราคา 500 เหรียญ เป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า “นักฆ่าเรือธง”
คำนี้กลายเป็นชื่อเรียกของโทรศัพท์ที่มีสเปกสูสีกับมือถือเรือธง แต่มีราคาถูกกว่า และตัดหรือลดคุณภาพบางอย่าง เช่นคุณภาพหน้าจอ กล้อง หรือวัสดุลงไป และหลังจากนั้น แม้ OnePlus จะมีราคาสูงขึ้น แต่ก็ยังมีโทรศัพท์จากค่ายจีนบางบริษัท เช่น POCO F1 ที่ยังได้ชื่อว่าเป็นนักฆ่าเรือธงอยู่
แต่ราคาของเรือธงในปี 2020 กลับแพงขึ้นมากในแบบปีต่อปี โดยเว็บไซต์ ArsTechinca เปิดเผยว่าชิป Snapdragon 865 ไม่มีโมเด็มทั้ง 4G และ 5G พ่วงมาบนชิปด้วย ผู้ผลิตจำต้องซื้อชิปโมเด็ม X55 เพิ่ม แถมถ้าอยากรองรับ 5G ให้ครอบคลุมทุกคลื่น ก็ต้องซื้อเสาสัญญาณเพิ่มเพื่อให้รับ 5G คลื่น mmWave ได้อีก ทำให้มือถือที่ต้องมีทั้งชิปเซ็ตหลักและชิปโมเด็มแยก มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้หน้าจอและแบตเตอรี่ ก็ต้องใหญ่ขึ้นตามไปด้วย และอาจมีราคาแพงขึ้นถึง 200-300 เหรียญสหรัฐ
เว็บไซต์ TechInsight แยกราคาส่วนประกอบของ Xiaomi Mi 10 5G พบว่าตัว Snapdragon 865 ราคา 81 เหรียญสหรัฐ โมเด็ม X55 ราคา 26.50 และตัวเสาสัญญาณอีก 33.50 รวมต้นทุนถึง 141 เหรียญ
มีเพียงรุ่น iQOO 3 ในอินเดียเท่านั้น ที่ยังเป็นมือถือชิป Snapdragon 865 ที่มีราคาในระดับกลางอยู่ คือ 38,990 รูปี (ประมาณ 16,600 บาท) แถมยังเอาชนะ Realme X50 Pro ที่มีราคา 39,999 รูปี (ประมาณ 17,000 บาท) ได้ แต่ก็เฉพาะในรุ่น 4G เท่านั้น (ซึ่ง XDA Developers ก็ไม่ทราบว่าทำรุ่นที่ตัด 5G ออกไป และตัดราคาขนาดนี้ได้อย่างไร) ส่วนรุ่นที่รองรับ 5G ก็เปิดตัวที่ราคา 46,990 รูปี (ประมาณ 19,990 บาท) ซึ่งถือว่ามีราคาแพงพอสมควรสำหรับตลาดประเทศอินเดีย
ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าปี 2020 อาจเป็นปีเดียวที่นักฆ่าเรือธงมีราคาแพงขึ้นก็ได้ เพราะเป็นปีแรกที่มีการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี 5G อย่างจริงจัง และต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสมาร์ทโฟนที่รองรับเทคโนโลยีนี้ อาจลดลงในปีหน้า แต่ผู้ผลิตก็อาจใช้ต้นทุนที่ลดลงในด้านชิป ไปลงทุนกับหน้าจอ วัสดุ การผลิต หรือด้านอื่นๆ ที่ดีขึ้นต่อไป และคงราคาไว้เท่าเดิมก็เป็นได้
สุดท้ายแล้วเทคโนโลยีก็ต้องใช้เงินทุนในการพัฒนา และราคาที่สูงขึ้น ก็อาจทำให้นักฆ่าเรือธง สุดท้ายก็กลายเป็นเรือธงไปซะเอง
ในบทความก่อนหน้า ของผู้เขียน ให้ความเห็นไว้ว่าในช่วงปีถึงสองปีนี้ สมาร์ทโฟนรุ่นกลาง อาจจะมีส่วนแบ่งของตลาดที่สูงขึ้น และหลายๆ ค่าย อาจหันไปใช้ชิปรุ่นรองเช่น Snapdragon 765G หรือ Snapdragon 768G ที่เพิ่งเปิดตัวไป เพื่อลดต้นทุน และรักษายอดขายในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ ทำให้มือถือรุ่นกลาง อาจมาแทนที่ “นักฆ่าเรือธง” ในตลาดต่อไป
ที่มา XDA-Developers, ArsTechinica, TechInsights
Comments
สงสัยจะเรื่องแต่ iPhone SE ที่เป็น killer ได้
ผมใช้ SE รุ่นแรก ยกเว้นหน้าจอเล็กแล้ว
ดีกว่า Android ในราคาระดับเดียวกันมาก
งั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ iPhone 12 จะยังไม่มี 5G
ทุนอาจจะยังไม่ได้ แอปเปิ้ลเลยดึงไว้ก่อน
แต่ 12 Pro ไม่มี 5G ไม่ได้แล้ว
อาจจะ 12 Pro Plus Max 5G ไรก็ว่าไป แถมด้วยราคาแพงพิเศษ 555+
Snapdragon 865 ทำให้นึกถึง Snapdragon 810 เจ้าปัญหา ที่เป็นรุ่นแรกของ Qualcomm ที่ทำ 64-bit ซึ่งตัว Snapdragon 865 ก็เป็นรุ่นแรกที่บังคับให้มี 5G (855 รองรับ 5G แต่ก็ไม่ได้บังคับ) ซึ่งสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติในรุ่นถัดไป ส่วนปีนี้นักฆ่าเรือธง Snapdragon series 7xx จองรวด Pixel 4a ที่ใช้ Snapdragon 730 ที่จะเปิดตัวในอาทิตย์นี้น่าจะสร้างกระแสได้ไม่น้อย แม้ว่าหลายสายตาจะมองทะลุไปถึง Pixel 5 ที่จะใช้ 76?G แล้วก็ตาม
คิดถึงสมัยนั้นที่มือถือบางตัวใช้ SD808
มีใครจะตั้งชื่อลูกว่า หน้าจอ บ้างครับ ;P
เช่นคุณหน้าจอ > เช่นคุณภาพหน้าจอ
เชิญเสนอเลยครับ https://www.blognone.com/node/9731
ผมขอทวดครับ ผมเผียดไปเลี้ยว แก้ให้แล้วครับ 55555
เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ง่ายเลยของ5G ทั้งอุปกรณ์กระแสหลักราคาสูง ความต้องการในวงกว้างที่ยังเป็นคำถาม วิกฤติโควิดที่อาจทำให้คนไม่ค่อยมาที่พลุกพล่านอีก สิ่งที่กระตุ้นได้คือต้องสร้างdemand และทำราคาอุปกรณ์ให้ถูกกว่านี้
น่าจะขายยากทั้งเรือธง ทั้งนักฆ่าเรือธงแหละ เศรษฐกิจโลกเป็นแบบนี้ ทำออกมาเยอะ มีเจ๊งให้เห็นแน่
Android ก็ฆ่ากันเองเลือดสาดมานานแล้วนิ จะย้ายไปไหนก้ได้เพราะอยู่ภายใต้ google ต่างกันที่คุณภาพ Hardware ล้วนๆ
อยากเล่าให้ฟังว่าจากการใช้มือถือเรือธงแอนดรอยด์มานาน(แต่ไม่ค่อยเล่นเกม) มั่นใจใน Snapdragon มาตลอด พอลองเปิดใจให้หัวเว่ยที่ทำชิป Kirin เอง ครอบด้วย UI ของตัวเอง พบว่าประสบการณ์ใช้หัวเว่ย P20 Pro กับ P30 Pro มันดีกว่าในราคาที่คุ้มกว่าจริงๆ เรื่องการจัดการแบตเตอรี่กับความร้อนทำได้ดีกว่ามาก จนคิดว่าจะใช้หัวเว่ยไปตลอด แต่ติดตรงที่โดนแบน ใช้ Google service ในรุ่นใหม่ไม่ได้แล้ว เลยยังไม่ได้เปลี่ยนมือถือใหม่ เพราะไม่กล้ากลับไปใช้ Snapdragon แล้ว
ในราคาที่คุ้มกว่าเมื่อเทียบกับอะไรหรอครับ เพราะมือถือที่ใช้ Snapdragon รุ่นท็อปก็ไล่ราคาตั้งแต่พอๆกันกะ Huawei รุ่นท็อปไปจนถึงราคาครึ่งเดียวเช่น Xiaomi Pocophone
P40 Pro รุ่นท็อปหัวเว่ยตอนนี้ ราคาถูกกว่าตังท็อปๆ ที่ใช้ 5G แบรนด์อื่นอยู่หลายพันนะครับ
Kirin รอดูว่าเป็นไง..ในจีนก็ได้แล้ว คงรอนอกจีน
Samsung+AMD ก็น่าสน
งานนี้ยกให้ iPhone SE มาถูกทาง
เจอราคาผมคงถอยไปเล่น 855+ ก่อน
รอจนกว่า 8xx จะนิ่งกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่
ผมไม่เชื่อว่า 5G จะเปลี่ยนอะไรได้มากเหมือน 3/4G
พอใส่ ชิบห้า จี มา แพงขึ้น ทุกรุ่นจริงๆ
จากกระแสฝั่ง Android ปีนี้ดูสะเปะสะปะมากเลย iPhone SE มาแรงแน่ๆ ซึ่งจริงๆมันก็แรงอยู่แล้วแหละ
แต่ผมเห็นโดนดูถูกเหยียดหยามมากๆ ใน Droidsan ตลอดเลยครับ หรือเป็นเรื่อ่งปกติของเพจนี้และลูกเพจ ?
จริงๆน่าจะตั้งแต่ คนเขียนบทความเลย บางอันปั่นตั้งแต่หัวข้อ
เป็นการกระทำปกติของเจ้าของเพจมาตั้งนานแล้ว ลูกหาบก็ด้วย
แต่เดี๋ยวนี้ ต้องเกาะกระแสไอโฟนตลอด ไม่กระแนะกระแหน
เหน็บแนมมากอย่างเมื่อก่อน ผันตัวมาทำคลิปไอโฟน ถี่ขึ้น รัวๆ
เพราะ content และ กระแส ไอโฟน ที่ผันมาเป็นยอดเงิน ยอดวิว
กัดเขาไปไม่ได้ตังค์ งั้นหากินจากเขาเลยละกัน 5555
อันนี้ถามจริงจังหรือล่อเป้าอ่ะครับ รายนั้นเค้าเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
อย่าว่าแต่เว็บรวมแฟนพันธุ์แท้แอนดรอยด์เลย เว็บข่าวไอทีอย่าง blognone ก็เกทับกันไปกันมาเหมือนกัน มันเรื่องปกติมั้งครับ
เมื่อก่อนไม่ค่อยได้ตามมือถือครับ เลยไม่ได้เอะใจเท่าไหร่ ส่วนมากอ่านพันทิป ซึ่งเมื่อก่อนเห็นเถียงกันบ่อยนะ หลังๆ เบาลงมากๆ จนแทบไม่มี นี่อยู่ทั้งกลุ่ม iphonemod กับ droidsan อันแรกจะลงแต่ข่าวของแอปเปิ้ล แต่อันหลังคือทั้ง android และ apple
X55 นี่รองรับ 5G SA ยังครับ