Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

ในภาวะโรค COVID-19 ระบาด ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องปรับตัวให้พนักงานแทบทั้งหมดทำงานจากที่บ้านโดยที่ไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า เมื่อระบบการทำงานต่างๆ ไม่มีความพร้อม ธุรกิจจึงติดขัดอยู่บ้าง ปัญหานี้ทำให้บริษัทโทรคมนาคมอย่าง AIS กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนเข้าสู่การ Work from Home อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น การออกแพ็กเกจเน็ต Work From Home ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของวิกฤติครั้งนี้

แต่บริการอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว คงไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าองค์กร ที่มีปัจจัยอื่นๆ ให้ต้องคำนึงถึง เช่น การตั้งสำนักงานสำรอง (BCP office), ระบบการประชุมออนไลน์ ไปจนถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ประเด็นเหล่านี้ถือเป็นโอกาสที่ AIS Business จะเข้ามาช่วยสนับสนุนลูกค้ากลุ่มนี้ได้

คุณยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล Chief Enterprise Business Office (CEBO) ของ AIS Business เล่าว่าแต่ละองค์กรมีความจำเป็นที่แตกต่างกัน ทำให้โซลูชันที่ AIS Business เข้าไปช่วยจึงต้องหลากหลายครอบคลุม

No Description

ประชุมออนไลน์ โซลูชันหลากหลายตั้งแต่ SME จนถึง Enterprise

เมื่อพูดถึงการทำงานจากที่บ้าน สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงคือการประชุมออนไลน์ แต่เอาเข้าจริง การประชุมออนไลน์ก็มีรูปแบบหลากหลาย มีตั้งแต่การประชุมที่มีคนเข้าร่วมเพียง 3-4 คนไปจนถึงหลักร้อย การประชุมบางอย่างต้องมีการนำเสนอ การแชร์หน้าจอ การบันทึกวิดีโอไว้ใช้อ้างอิงในภายหลัง

บางงานที่เป็นประชุมเล็ก ทุกคนอยู่นอกสถานที่ ประชุมผ่านสมาร์ทโฟนที่มีอยู่แล้วก็พอ ในขณะที่บางองค์กรอาจจำเป็นต้องใช้โซลูชันฮาร์ดแวร์เต็มรูปแบบ ทั้งลำโพง ไมโครโฟนลดเสียงสะท้อน กล้องวิดีโอความละเอียดสูงที่หมุนได้ เป็นต้น

ส่วนองค์กรที่มีแพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์ และคุ้นชินกับการใช้งานระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องการขยาย หรือปรับเปลี่ยนตามความต้องการใหม่ AIS Business ก็ได้เตรียมโซลูชันการประชุมที่หลากหลาย เช่น CISCO Webex, Polycom เพื่อให้ยืดหยุ่นต่อลูกค้าในการเลือกใช้ และยังอำนวยความสะดวกให้องค์กรด้วยการเป็น single provider ที่ให้บริการได้ตั้งแต่ชุดอุปกรณ์, โครงสร้าง Network, Conference platform และ License รวมถึงบริการติดต้ังและให้คำปรึกษาการใช้งาน

ปรับปรุงเครือข่ายให้พร้อม แม้ไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับ Work from Home

อีกประเด็นที่คนไม่ค่อยคิดถึงกันมากนัก คือ ระบบหลังบ้าน โดยเฉพาะระบบเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานทางไอที ที่อาจกลายเป็นข้อจำกัดของการทำ Work from Home ได้เช่นกัน องค์กรขนาดใหญ่อาจคุ้นเคยกับการใช้โซลูชัน VPN หรือ VDI อยู่แล้ว แต่แบนด์วิดท์ที่เคยออกแบบไว้ เป็นสถานการณ์สำหรับการมาทำงานในออฟฟิศตอนกลางวันเท่านั้น พอทุกคนต้องทำงานจากที่บ้าน เชื่อมต่อเข้ามายังเครือข่ายในสำนักงานก็ไม่พอใช้งาน

การปรับระบบโครงสร้างพื้นฐานคงไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะความต้องการของแต่ละองค์กรต่างกัน บางองค์กรอาจต้องการใช้แค่ web application ที่ใช้ทราฟฟิกไม่เยอะ แต่บางองค์กรต้องโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ตลอดเวลาก็จะต่างไป รวมถึงประเด็นเรื่องการใช้งานพร้อมๆ กัน (concurrent users) ที่มักเป็นสาเหตุของระบบเครือข่ายภายในที่ช้าจนทำให้งานสะดุด

เรื่องนี้ AIS ในฐานะบริษัทโทรคมนาคม มีความเชี่ยวชาญเรื่องการบริหารเครือข่าย สามารถเข้าไปช่วยแนะนำเรื่องการปรับปรุงเครือข่ายให้เหมาะสำหรับการทำงานช่วงนี้ ตั้งแต่การปรับโครงสร้าง ปรับแบนด์วิดท์ ไปจนถึงการจัดความสำคัญของแอปพลิเคชันให้เหมาะสม เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานของพนักงานจำนวนมากที่ทำงานจากที่บ้าน อีกทั้งมีบริการ Corporate Internet Bandwidth on Demand โซลูชั่นที่เปิดให้สามารถปรับสปีดการใช้งานอินเทอร์เน็ตองค์กร หรือเครือข่ายส่วนตัวขององค์กร (DDC MPLS) ได้ตามความต้องการ

ส่วนทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งานในช่วงนี้ AIS มีมาตรการเฝ้าระวังการใช้งานเครือข่ายทั้งหมดในช่วงสถานการณ์พิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายแบบมีสาย (Fibre) และไร้สาย (4G/5G/Wi-Fi) ให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าทั้งหมด

No Description

บทบาทของคลาวด์ในยุค Work from Home ถ้าใช้คลาวด์อยู่แล้วปรับตัวได้เร็วกว่า

เราพบว่าองค์กรที่ใช้บริการคลาวด์อยู่แล้ว หรืออย่างน้อยๆ คือใช้งานศูนย์ข้อมูลของเราอยู่ก่อนหน้า สามารถปรับตัวให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้สะดวกกว่า เพราะข้อมูลที่จำเป็นอยู่บนคลาวด์เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องแก้ปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อกลับไปยังเครือข่ายในสำนักงานอีก

ตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นของคลาวด์ เพราะหากแบนด์วิดท์ไม่พอก็แค่แจ้งขอเพิ่มแบนด์วิดท์ได้ทันที สถานการณ์นี้น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้องค์กรในประเทศไทยเริ่มทำ digital transformation ย้ายระบบขึ้นคลาวด์ได้เร็วขึ้น เพราะได้สัมผัสกับปัญหาจริงๆ ด้วยตัวเอง

AIS เตรียมความพร้อมเรื่องคลาวด์ โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการ public cloud ต่างๆ อย่าง AWS และ Microsoft Azure โดยมีการเชื่อมต่อเครือข่ายโดยตรง (Express Route) เพื่อให้ลูกค้าของเราเข้าถึงเครือข่ายคลาวด์เหล่านี้ได้สะดวกรวดเร็วที่สุด

Single Provider มาที่เดียวครบ จัดการให้ได้ทุกอย่าง

จุดเด่นอีกประการของ AIS Business คือการเป็น single provider ที่ให้บริการได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ชุดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ประชุม โครงข่ายอินเทอร์เน็ต พื้นที่เช่าศูนย์ข้อมูล การเชื่อมต่อกับคลาวด์ ไลเซนส์ซอฟต์แวร์ ไปจนถึงบริการติดตั้ง ให้คำปรึกษา บริการหลังการขาย 24 ชั่วโมง

แม้ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เราสามารถจัดการเรื่องจดทะเบียนซื้อแพ็กเกจ ส่งซิมใหม่ไปให้พนักงานที่กระจายตัวกันตามที่ต่างๆ ได้ โดยมีแพ็กเกจ on-top หลากหลายทั้งค่าเน็ต และค่าโทร องค์กรสามารถเลือกสมัครให้เบอร์มือถือ AIS ที่จดทะเบียนในนามองค์กร เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างไม่ติดขัด อีกทั้งในกรณีเบอร์มือถือ AIS ที่จดทะเบียนในนามพนักงานเอง AIS Business ก็มีระบบที่ช่วยให้องค์กรสามารถส่งแพ็กเกจ on-top เหล่านี้ไปให้เบอร์พนักงานได้ด้วยเช่นกัน (พนักงานไม่ต้องจ่ายเงินเอง, องค์กรออกค่าใช้จ่ายให้)

นอกจากนี้เรายังมี campaign อื่นๆ เช่น SME ยิ้มสู้ ที่นอกจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตแล้ว ยังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ในยุคที่ธุรกิจกำลังปรับตัวด้วย

รายละเอียดของโซลูชันจาก AIS Business สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ https://business.ais.co.th/workingfromhome
และดูรายละเอียดความพร้อมในการให้บริการหลังการขายได้ที่ https://business.ais.co.th/customercare

Get latest news from Blognone