ในที่สุดหัวเว่ย ก็เปิดตัว HUAWEI P40 Pro+ สมาร์ทโฟนตัวท็อปของ HUAWEI P40 Series ที่ต่อยอดจาก HUAWEI P40 และ HUAWEI P40 Pro ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
วันนี้ผู้เขียนขอรวบรวมจุดเด่นของสมาร์ทโฟนในซีรีส์ HUAWEI P40 Series ทั้ง 3 รุ่น มาสรุปให้ฟัง เผื่อใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่ใช้ได้หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน จะได้เลือกถูกว่า P40, P40 Pro และ P40 Pro+ รุ่นไหนที่เหมาะกับเราที่สุด
มือถือที่บล็อกเกอร์หลายคนให้สมญานามว่า “กล้องที่โทรได้”
สมาร์ทโฟนตระกูล P Series ของหัวเว่ยเป็นที่ยอมรับเรื่องนวัตกรรมการถ่ายภาพ ทั้งระบบกล้องและเลนส์ที่ร่วมพัฒนาโดย Leica ผสานกับอุปกรณ์ภายในและระบบ AI ของหัวเว่ย ส่งผลให้ HUAWEI P40 Series กลับมาทวงบังลังก์ผู้นำด้านการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนอีกครั้ง โดย HUAWEI P40 Pro กลับมาครองอันดับหนึ่งด้านกล้องถ่ายภาพของเว็บไซต์ DxOMark ได้คะแนนสูงทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและเคลื่อนไหว ส่วน HUAWEI P40 ที่เปิดตัวพร้อมกันก็ติดอันดับ Top 10 เช่นเดียวกัน
สมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Series โดดเด่นเรื่องระบบกล้องหลังที่แข็งแกร่ง Ultra Vision Leica Camera โดย HUAWEI P40 มีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว, HUAWEI P40 Pro มีกล้องหลัง 4 ตัว และ HUAWEI P40 Pro+ มีกล้องหลังสูงสุดถึง 5 ตัว ทุกรุ่นมีกล้องครบทุกระยะ ทั้งเลนส์กว้าง (wide-angle) เลนส์กว้างพิเศษ (ultrawide-angle) และกล้อง Telephoto เลนส์ซูมที่ทรงพลัง
HUAWEI P40 มีเลนส์ซูมออพติคัล 3 เท่า, HUAWEI P40 Pro มีเลนส์ซูมออพติคัล 5 เท่า และดิจิทัลได้สูงถึง 50 เท่า แถมมาพร้อมกล้อง ToF ที่สามารถเก็บระยะของภาพได้อย่างแม่นยำ
HUAWEI P40 Pro+ ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการรวมเอากล้อง Telephoto สองระยะเข้าไว้ด้วยกัน สามารถซูมแบบออพติคัลได้สูงสุดถึง 10 เท่า และแบบดิจิทัลไปไกลถึง 100 เท่า มาพร้อมระบบกันสั่น ทั้งแบบออพติคัล (OIS) และแบบควบคุมด้วย AI (AIS) เมื่อมีคนนำมาทดลองถ่ายภาพดวงจันทร์ด้วยการซูม ก็ทำได้ดีเทียบเท่ากล้องดิจิทัลเลยทีเดียว
นอกจากนวัตกรรมกล้องและเลนส์สุดล้ำจาก Leica มือถือหัวเว่ยยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ประเภท RYYB ขนาดใหญ่ที่เก็บแสงได้มากกว่ากล้องมือถือทั่วไป เมื่อทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์อุณหภูมิสีและระบบการปรับแสงขาวอัตโนมัติ (white-balance) ช่วยให้สมาร์ทโฟนของ HUAWEI P40 Series ทุกรุ่น สามารถถ่ายภาพได้สวยคมชัดทุกสภาพแสง ทุกที่ ทุกเวลา
ฟีเจอร์กล้อง AI Golden Snap ช่วยให้เก็บภาพความประทับใจได้ทุกจังหวะ ไม่มีพลาด แก้ปัญหาการถ่ายภาพที่พบได้บ่อย เช่น หากมีคนเดินติดเข้ามาในเฟรม ก็สามารถลบได้อัตโนมัติด้วย AI Remove Passerby หรือการลบแสงสะท้อนจากกระจกด้วย AI Remove Reflection เป็นต้น
HUAWEI P40 Series ยังแสดงศักยภาพอีกขั้นด้วยการจับมือกับ Vogue สื่อแฟชั่นชั้นนำระดับโลก ถ่ายทำคอลเล็คชันพิเศษ Salute To Classic รวมถึงวิดีโอเบื้องหลังการถ่ายแฟชั่นด้วยสมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Pro ซึ่งทำให้ช่างภาพ บรรณาธิการแฟชั่นและผู้ชมตื่นตะลึงกับผลลัพธ์-คุณภาพภาพที่เทียบเคียงได้กับกล้อง DSLR อย่างแท้จริง
เชื่อมต่อฉับไว เต็มประสิทธิภาพ บนความเร็วระดับ 5G ที่สมบูรณ์แบบ
HUAWEI P40 Series รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ความเร็วระดับ 5G ในทุกโมเดล ทั้ง 3 โมเดลใช้ชิปเซ็ตเรือธง Kirin 990 5G ที่รวมเอาโมเด็ม 5G ไว้กับโปรเซสเซอร์เลย ลดระยะการสื่อสารระหว่างโมเด็มและโปรเซสเซอร์ ประหยัดพลังงาน ไม่เปลืองแบตเตอรี่ เครื่องร้อนช้าแม้จะสตรีมข้อมูลออนไลน์ด้วยความเร็วสูงระดับ 5G
ระบบ 5G ของสมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Series รองรับทุกย่านความถี่ 5G ที่มีให้บริการในประเทศไทย และครอบคลุมทุกเครือข่าย
การออกแบบที่ชาญฉลาด ตอบรับการใช้งานจริงตามคอนเซ็ปท์ Visionary
แนวคิดเบื้องหลังการดีไซน์สมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Series ไปไกลกว่าเรื่องความสวยงามและหรูหรา แต่ยังมองถึงการแก้ไขปัญหาการใช้งานที่ผู้บริโภคพบเจอ เช่น การจับมือถือที่ไม่ถนัดมือ หรือไม่สามารถดูหน้าจอได้อย่างเต็มตา
สมาร์ทโฟนของ HUAWEI P40 Series ถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่เหมาะสม จับได้ถนัดมือ หน้าจอเป็นแบบ FullView Display เสมือนไร้ขอบจอ ในรุ่น HUAWEI P40 Pro และ HUAWEI P40 Pro+ มาพร้อมหน้าจอดีไซน์ Quad-curve Overflow Display ที่โค้งมนทั้ง 4 มุม เหมือนหยดน้ำที่กำลังไหลริน แสดงภาพได้เต็มตาและใช้งานได้ลื่นไหล
ตัวบอดี้ยังมีสีและวัสดุหลายแบบ สะท้อนตัวตนของผู้ใช้ HUAWEI P40 และ HUAWEI P40 Pro มีให้เลือก 3 สี คือ Silver Frost, Blush Gold และ Deep Sea Blue ส่วน HUAWEI P40 Pro+ มีแบบสีขาว Ceramic White ทำจากวัสดุเซรามิกเคลือบเทคโนโลยีนาโน
HUAWEI P40 และ HUAWEI P40 Pro วางจำหน่ายแล้วในราคา 22,990 บาท และ 31,990 บาทตามลำดับ สำหรับ HUAWEI P40 Pro+ ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดนี้ ราคา 40,990 บาท เปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 4-26 มิถุนายน 2563 โดยผู้ที่สั่งจองจะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวม 12,200 บาท และจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ณ หัวเว่ย แบรนด์ช้อปและร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สามารถคลิกดูได้ที่เว็บไซต์ของ Huawei
Comments
The one and only question is—do they support Google services, including Google apps and the Play Store?
ทั้งสามรุ่นจะรันบน EMUI 10.1 ใช้ Huawei Mobile Services แทน Google Mobile Services ไม่มีแอปจาก Google และต้องโหลดแอปจาก Huawei AppGallery เท่านั้น
รองรับแอพธนาคารไทย 100% ไหม
ไม่มี GMS ก็ไม่รอดอยู่ดี
ถ้าไม่มี GMS ถ้า Google Maps Go ที่เป็น Progressive Web App มันจะใช้ได้มั้ยครับ
ไม่มี offline maps
อันนั้นก็หวังพึ่ง HERE Maps ไปดีกว่านะครับถึงจะมี Google Maps ตัวเต็มติดเครื่องไว้ก็เถอะ
รอ 2-3 ปี ค่อยซื้อ
กล้องดีมาก เสียดายไม่มี Google เลยตัดสินใจไปซื้อ oneplus 8 Pro รู้สึกเสียดายเงินเรื่องกล้อง