KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย จัดงานเปิดตัว 6 เทคโนโลยีที่ช่วยให้คนสามารถปรับสู่วิถีชีวิตใหม่หรือ New Normal เน้นลดการสัมผัสระหว่างมือและอุปกรณ์ หรือ Contactless Technology
ความน่าสนใจคือ ทั้ง 6 เทคโนโลยี ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำธุรกรรมการเงินเท่านั้น แต่รวมไปถึงการดำรงชีวิตทั่วไปอย่างการซื้อเครื่องดื่ม, การเข้าออกสำนักงาน, การใช้งานล็อกเกอร์เก็บของที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้มือกดหรือสัมผัสอุปกรณ์ใดๆ
คุณกระทิง หรือ เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน บริษัท KBTG ให้มุมมองต่อยุค New Normal หรือชีวิตหลัง COVID-19 ไว้อย่างน่าสนใจว่า ผู้ใช้งานที่เปิดบัญชีด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชั่น K PLUS โตขึ้น 16 เท่าภายในสองเดือน สิ่งนี้สะท้อนพฤติกรรมช่วงโรคระบาดได้เป็นอย่างดี เพราะโรคระบาด ปรับพฤติกรรมคนที่อาจใช้เวลาเป็นปีให้เหลือเพียงสองเดือนได้
นั่นจึงเป็นที่มาของการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ 6 อย่างของ KBTG หรือ KBTG Contactless Technology หรือการที่เราไม่ต้องสัมผัสอุปกรณ์ และมันจะเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกันระหว่างผู้ใช้งานและผู้ให้บริการการเงินไปอย่างสิ้นเชิง
ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ นักวิจัยและวิศวกร KBTG ได้พูดถึงความสามารถของ computer vision ว่า การที่คอมพิวเตอร์รับรู้ใบหน้าคนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมาตั้งแต่ 1990 แล้ว และปัญญาประดิษฐ์ก็ช่วยให้ตรวจจับได้แม่นยำถูกต้องมากขึ้น
ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ไปได้ไกลกว่านั้น คือสามารถรับรู้ gesture หรือการนำทางจากมือมนุษย์ได้ ในอดีตเราต้องติดเซนเซอร์มากมายที่มือเพื่อให้คอมพิวเตอร์ตรวจจับท่าทาง แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก สามารถใช้มือเปล่าไม่ต้องติดเซนเซอร์ควบคุมหน้าจอโดยไม่ต้องแตะมันได้
1 Face Check-in
สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับ New Normal คือใส่หน้ากากอนามัยจนเป็นเรื่องปกติ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องใช้ใบหน้าในการยืนยันตัวตนเข้าสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะด้วยการแลกบัตร สแกนหน้าเข้างาน เข้าที่พักอาศัย Face Check-in จึงช่วยตอบโจทย์คือสามารถสแกนตรวจสอบใบหน้าที่สามารถระบุตัวตนได้ แม้สวมหน้ากากอนามัยอยู่ ไม่ต้องคอยถอดหน้ากากหรือใช้มือจับคีย์การ์ดเพื่อเข้าตึก
ซึ่ง KBTG ได้ใช้งานระบบนี้แล้วที่ตึกสำนักงาน ตัวเทคโนโลยียังเน้นไปที่การใช้งานในการเข้า-ออกคอนโดที่พักอาศัย, เข้าตึกสำนักงาน ก่อนในระยะแรก นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอีกด้วย เพื่อรองรับวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เรียกว่า New Normal ของสังคมไทยในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
2 KLox หรือ Face Locker ตู้ล็อกเกอร์ที่ฉลาดและรู้จักตัวตนของผู้ใช้
KLox คือ บริการตู้ล็อกเกอร์เก็บของที่มีความพิเศษตรงที่สแกนใบหน้าผู้ใช้งาน ไม่ต้องใช้กุญแจล็อกเกอร์หรือจดจำรหัสผ่าน นอกจากนี้ยังรองรับการเรียนรู้ท่าทางของผู้ใช้งาน ทำให้เข้าใช้งานได้โดยไม่ต้องจับล็อกเกอร์เลย ซึ่งตอนนี้เปิดให้ใช้งานจริงแล้วที่อาคาร K+ สามย่าน ชั้น 1
ผู้พัฒนาตั้งเป้าว่าจะใช้ KLox ต่อยอดไปยังการใช้งานประเภทอื่น เช่น เป็นจุดรับสินค้าอีคอมเมิร์ซ, ใช้งานตามคอนโด และอีเว้นท์ต่างๆ
3 Eat by Black Canyon
KBTG ร่วมกับ Black Canyon สร้างประสบการณ์ใหม่ในการออกไปรับประทานอาหารหรือเข้าคาเฟ่ข้างนอกโดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารและชำระเงินผ่านตู้อัตโนมัติโดยไม่ต้องสื่อสารกับพนักงาน ซึ่งตู้ดังกล่าวถูกออกแบบให้ใช้ระบบ Contactless Menu ที่อาศัยความเคลื่อนไหวของมือในการสั่งการ จึงไม่จำเป็นต้องสัมผัสโดนหน้าจอ
4 Contactless Menu ระบบสั่งอาหารผ่านหน้าจอแทบเล็ตที่สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวของมือให้ลูกค้าทำรายการได้โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ
5 Face Pay รูปแบบการชำระเงินค่าสินค้าและบริการผ่านการตรวจสอบสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้ใช้งาน
6 ReKeep บริการใบเสร็จรับเงินในรูปแบบดิจิทัลสำหรับร้านค้า ที่ให้ลูกค้าสามารถรับใบเสร็จในรูปแบบดิจิทัลผ่านการสแกน QR Code ช่วยลดการสัมผัส ลดการใช้กระดาษ เพราะกระดาษใบเสร็จส่วนใหญ่มักลงเอยด้วยการเป็นขยะอยู่แล้ว
ซึ่งทั้งหมดนี้เปิดใช้งานจริงแล้วที่ร้าน Black Canyon สาขา KBTG และเตรียมทดสอบการใช้งานที่สาขาสุขาภิบาล 2
ในงาน KBTG Contactless Technology ได้ ทำให้เห็นถึงสถานการณ์ที่คนทั่วไปจะต้องเจอในยุคหลัง COVID-19 ทั้งการสแกนหน้าเข้าตึกไม่ต้องถอดหน้ากากอนามัย หรือการใช้ใบหน้ายืนยันตัวตนและจ่ายเงิน
นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวยังถูกพัฒนาในระยะเวลาไม่กี่เดือน KBTG จึงถือเป็นองค์กรเทคโนโลยีที่ปรับตัวได้เร็ว สะท้อนวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อและสนับสนุนให้นักพัฒนาผลิต product ใหม่ออกได้เร็ว และใช้งานได้จริงโดยเริ่มใช้งานกันภายในองค์กรก่อน สอดคล้องกับ คอนเซปต์ Eat your own dog food หรือการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ปละใช้กันเองในกลุ่มพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ KBTG ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
Comments
งานหลักเค้าคือ PR หรอครับ บ่อยเหลือเกิน ไม่เห็นอะไรออกมาเลย
55555
อื้อหือ 555
เอาแค่โอนเงินแล้ว เงินเข้าทันที ไม่ต้องรอถึงเช้า แบบเมื่อคืนนี้ ก็พอล่ะ
ทำคนอื่นเดือนร้อนบ่อยๆ ไม่ดีนะ
อ่านแล้วไม่รู้สึกถึงความ Accessibility ใดๆ
เน้นการใช้ท่าทาง ไม่มีมือก็จบแล้ว
หรือต่อให้มีมือ มองไม่เห็นก็โต้ตอบกับระบบไม่ได้อยู่ดี
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
แบบนี้คือโดนเอาbiometricหน้าไปเก็บที่เซิร์ฟเวอร์เขางั้นเหรอ
Face Locker , Face Pay กับ Face Check-in มีข้อเสียตรงที่ฐานข้อมูล Biometric ไปอยู่ที่เขา / ถ้าจะให้ดีทำผ่าน App มือถือดีกว่า ให้ระบบ Authentication อยู่ที่เรา แล้วค่อยส่ง Permissions ผ่าน QR code ไปดีกว่ามั้ย
ระบบ Face Pay ปรกติก็ใช้กันอยู่แล้วกับ Mobile banking บนมือถือเราเอง ไม่ต้องเอาหน้าเราไปฝากที่คนอื่น
ส่วน Contactless Menu สุดท้ายก็เสียเงินกับ ตัว Monitor และ controller ทั้งๆที่สั่งผ่านมือถือตัวเองก็ได้
ReKeep ส่งผ่าน email สมาชิกก็สะดวกดีนะครับ เช่น Apple , Dot life ก็ส่งใบเสร็จทาง email กันหมดแล้ว
Solution นี้เหมาะกับยุคที่คนไม่มีมือถือส่วนตัวกัน แต่สมัยนี้ ถ้าไปตั้งในเมืองใหญ่ๆ น่าจะไม่ใช่คำตอบแล้วละ