This War of Mine เกมจำลองการเอาตัวรอดของชาวเมืองในช่วงสงคราม ที่เต็มไปด้วยการตัดสินใจที่ยากลำบากและบรรยากาศที่มืดหม่นตลอดทั้งเกม แสดงให้เห็นภาพความโหดร้ายที่คนทั่วไปต้องเผชิญ ถูกบรรจุเป็นสื่อการเรียนนอกเวลา (recommend reading) สำหรับนักเรียนมัธยมปลายในโปแลนด์แล้ว
11 Bit Studio ผู้พัฒนาเกมนี้ ได้โพสต์เฟสบุ๊กว่านี่เป็นอีกก้าวสำคัญของวิดีโอเกม ในแง่ของงานศิลปะวัฒนธรรม โดยได้รับการอนุมัติจาก Mateusz Morawiecki นายกรัฐมนตรีของโปแลนด์ให้ถูกบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมัธยมปลายในปี 2020/2021 สำหรับนักเรียนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป (เพราะเกมมีเนื้อหาค่อนข้างรุนแรง) โดยจะอยู่ในวิชาเกี่ยวกับมนุษยศาสตร์, จิตวิทยา, วิชาจริยธรรม, ปรัชญา และประวัติศาสตร์ และจะมีการจัดส่งให้กับโรงเรียนมัธยมทั่วโปแลนด์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ที่มา - Facebook Post 11 Bit Studio
Comments
เหมือนอาทิตย์ที่แล้วมีข่าวว่า FDA อนุมัติให้เกมๆนึงเป็นยารักษา ADHD ด้วย เป็นเกมแรกและเกมเดียวของโลก
เกมนี้ดีจริง เชื่อว่าคนเล่นทุกคนจะได้มุมมองใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ หลังจากเล่นเกมนี้
พวกบ้าสงคราม บ้าชาตินิยมสมควรลองเล่นดู
อ่านข่าวนี้แล้วนึกถึงตอนไปเยี่ยมชมค่ายเอาท์วิช ไกด์บอกว่าคนโปแลนด์ให้อภัยชาติที่เคยกระทำต่อโปแลนด์หลังมีการออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ ผมเลยถามว่าทำอย่างไรคนโปแลนด์จึงอภัยและก้าวข้ามได้ ดูอย่างประเทศในเอเชียหลายๆ ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ทับซ้อนกันยังหยิบยกเอาเหตุการณ์ในอดีตมาฟาดฟันกันทุกปี
ไกด์บอกว่า "การศึกษาค่ะ เราปลูกฝังเยาวชนของเราว่าคนรุ่นนี้ไม่ใช่คนที่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่คนในอดีตทำ สิ่งสำคัญไม่ใช่การกล่าวโทษกัน แต่ต้องป้องกันการส่งเสริมเหตุที่จะนำไปสู่โศกนาฏกรรมเช่นนั้นอีก แน่นอนว่าทุกชาติที่เกี่ยวข้องต้องจริงใจในการหน้าเข้าหากันเพื่อวางหลักสูตรและประวัติศาสตร์ให้ตรงกันด้วย" เป็นแนวความคิดที่ทั้งน่าประทับใจและน่านับถือมากครับ.
ไกด์เค้าคงไม่เล่าอะไรแย่ๆให้คุณฟังหรอกมั้งครับ
เมืองไทยคงยาก คงมีพวกอนุรักษ์นิยมค้านแหลก
ผมค่อนข้างเชื่อนะครับ จากสีหน้าและแววตามีลักษณะเหมือนคนที่ต้องการมาทำงานตรงนี้เพื่อเผยแพร่สิ่งที่เกิดขึ้นเท่าที่จะสืบค้นกลับไปได้และผลักดันให้คนตระหนักรับรู้เพื่อป้องกันการกระตุ้นให้เกิดเหตุแบบในอดีต บวกกับวิธีการเล่าก็เป็นกลางทีเดียว ว่ากันตามหลักฐานที่พบ อะไรที่เชื่อกันแต่ไม่มีหลักฐานก็บอกกันตามตรงว่ามีคนเชื่อกันแบบนั้นแต่ก็ยืนยันไม่ได้ ตลอดการทัวร์ก็ไม่มีการว่าร้ายบุคคลในประวัติศาสตร์เลยแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นอาชญากรสงคราม พูดกันตามหลักฐานที่สืบค้นเจอเท่านั้น มีเสริมมุมมองของคนท้องถิ่นเล็กน้อย (แต่ก็ย้ำเสมอว่า "ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะ").