จากปัญหา The Last of Us Part 2 ถูกรีวิวถล่มใน Metacritic ตั้งแต่ช่วงเริ่มวางขาย ทำให้ตอนนี้ Metacritic ต้องประกาศกฎใหม่ ผู้ใช้ต้องรอเป็นเวลา 36 ชั่วโมงหลังเกมขาย จึงสามารถเริ่มรีวิวเกมได้ เพื่อป้องกันปัญหา review bomb จากคนที่ไม่ได้เล่นเกมจริงๆ แต่ไม่พอใจบางอย่างของเกมนั้น
ปกติแล้ว Metacritic แบ่งคะแนนเป็น 2 ส่วนคือจากนักวิจารณ์ (Critic Reviews) ที่เป็นค่าเฉลี่ยของนักวิจารณ์มืออาชีพของเว็บไซต์ต่างๆ และจากผู้ใช้ (User Reviews) ที่ผู้ใช้สามารถเข้ามาให้คะแนนได้โดยตรง
คะแนนของ The Last of Us Part 2 ขณะที่เขียนข่าวนี้คือ 94 (Critic Reviews) และ 5.5 (User Reviews) ซึ่งจะเห็นว่าคะแนนสองส่วนไปกันคนละทาง ในขณะที่เกม Persona 5 Royal ซึ่งได้คะแนน Critic Reviews ระดับใกล้เคียงกัน (95 คะแนน) ได้คะแนน User Score ที่ 8.1
กฎใหม่นี้เริ่มใช้งานแล้วกับเกมใหม่ๆ ที่เพิ่งวางขายในสัปดาห์นี้อย่าง Ghost of Tsushima และ Paper Mario: The Origami King ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีคะแนน User Review โดยขึ้นข้อความว่า "Please spend some time playing the game." แทน
ที่มา - Kotaku
Comments
แบนรีวิวบอร์ม
แต่ไม่แบนรีวิวอวย10เต็ม
ปริมาณและความถี่มันต่างกันเยอะครับ
เพิ่งนึกได้ว่า วงการเกมยังขาดเว็บรวมคะแนนจากผู้ใช้ที่ไม่ใช่นักวิจารณ์ แต่เล่นเกมจบแล้ว (ไม่ใช่แค่ซื้อเกมแล้วได้สิทธิ์ในการรีวิวสินค้า)
ในวงการหนัง มี CinemaScore กับ PostTrak ไปดักรอคนที่ประตูทางออกของโรงหนัง พอหนังจบคนเดินออกมาจากโรงปุ๊ป ก็แจกแบบสำรวจปั๊ป
ส่วนตัวผมคิดว่ามันไม่น่าจะบ่งบอกอะไรได้มากครับ
คือหลายๆเกมความยาวไม่ต่ำกว่า 10 ชม. คนที่เล่นเกมจนจบได้ก็ส่วนใหญ่จึงมีแต่คนที่ชอบเกมนี้อยู่แล้วทั้งนั้น เพราะงั้นรีวิวเฉพาะคนเล่นจบจึงน่าจะมีแต่แง่บวกซะส่วนใหญ่มากกว่า แล้วไหนจะหลายๆเกมที่ไม่มีจุดจบอีก
เพราะงั้นส่วนตัวผมคิดว่าใช้เวลาที่ใช้เล่นมากำหนดน่าจะเหมาะสมกว่าครับ
เกมมันทำเหมือนหนังไม่ได้น่ะสิครับ เพราะมันกำหนดเวลาแน่นอนที่จบเหมือนหนังไม่ได้ บางเกมมันไม่มีฉากจบ หรือติด bug ให้ไปต่อไม่ได้ ยากเกินไปจนไม่มีทางจบ บางเกมต้องใช้เวลาหลักร้อยชั่วโมงคนทนเล่นไม่จบก็เยอะ แล้วบางคนเล่นแค่เควสหลัก ไม่สนเควสย่อย ก็ให้ประสบการณ์ไม่เหมือนกันอีก
อยากได้คะแนนแน่นอนที่ไกล้เคียงสุดคือ คะแนนรีวิวของคนที่ซื้อจริงๆ นั่นล่ะ
ส่วน TLOU2 คะแนนใน PSN Store (Asia) ได้ 2.5/5 ก็ไกล้เคียงกับ User Score ใน Metacritic อยู่ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็น AAA ที่ได้คะแนนต่ำสุดใน Gen นี้หรือเปล่านะ
รีวิวที่ผมว่าดีสุดก็รีวิวในสตีมนี่แหละมีบอกเวลาเล่นตอนที่รีวิว จำนวนคนรีวิว เวลาเล่นทั้งหมด ได้รับเกมมาฟรีหรือไม่ รวมถึงคะแนนรีวิวโดยรวมทั้งหมด กับรีวิวคะแนนรวม ณ ปัจจุบัน
บางเกมก็ไม่มีจบไหมอะ แล้วเกมมันน่าเบื่อก่อนจะเล่นจบก็รีวิวไม่ได้?
หรือบั๊คเยอะเกินกว่าจะเล่นต่ออีก
พวก review bomb แย่มากๆ มาดิสเครดิตว่าที่ GOTY แบบนี้ได้ยังไง:P
GOTY= Golf of the year ใช่มั้ยครับ 5555
รอ rottenpizza เปิด
ผมว่ามันก็รีวิวบอมบ์ได้อยู่ดี :-/
จริง ๆ ควรลิมิตให้เฉพาะคนที่เป็นเจ้าของเกมมาให้ความเห็นด้วยซ้ำ แต่ในฐานะ third-party น่าจะทำได้ยาก ถ้าเป็นร้านขายเองหรือเจ้าของแพลตฟอร์มน่าจะทำได้ง่ายกว่า
น่าจะแก้ปัญหา review bomb ได้อยู่ ถ้าให้เชื่อมบัญชีที่มีเกมหรือมีหลักฐานว่าเล่นเกมนั้นๆ ก่อน แล้วถึงจะ review ได้ และแสดงเวลาที่เล่นไป ณ ตอนที่เขียน review หรืออาจจะแสดง Achievement ที่บอกว่าเล่นจนจบเกม (ไม่จำกัดระดับความยาก) ครับ
ไปดูคะแนนใน psn อาจจะเชื่อได้มากกว่าเพราะเป็นพวกซื้อมาเล่นจริง แต่ก็โดนบอมบ์เละเป็นถังขี้เหมือนกัน แต่ทางนั้นไม่ล๊อกรีวิว0บางเวลา ผลปัจจุบันเลยต่ำกว่า metacritic ซะอีก
แต่คนที่ไม่ได้ซื้อแต่ดู Youtuber เล่นจนจบ เขาก็เห็นเกมจนจบเขาก็น่าจะวิจารณ์ได้นะครับ เพราะถ้าเกมไม่โอผม refund ขึ้นมาก็วิจารณ์เกมห่วยไม่ได้อะสิครับ
ถ้าคะแนนมันเป็นคะแนนรับชมเกมมันก็ได้ล่ะครับ แต่ถ้ามันเป็นคะแนนการเล่นเกมก็ไม่ควรไปลงวิจารณ์นะครับ กรณีรีฟันด์ถ้าเล่นก่อนรีฟันด์ก็วิจารณ์ได้ระดับนึงอยู่แล้ว
เกมมีไว้เล่นครับไม่ได้มีไว้ดู (ผมพูดแรงไปมั้ย)
คือบอกเลยว่าแค่ดูคนอื่นเล่นโดยที่ไม่ได้เล่นเองเลยเนี่ย หลาย ๆ เกมจะไม่เข้าใจเกมเลย (หรือจะไปทางเข้าใจผิดมากกว่า) เพราะมันขาดเรื่องประสพการณ์การเป็นส่วนหนึ่งของเกมไป เกมเมคนานิคบางอย่างก็อาจจะไม่ทราบ ที่สำคัญคือวิดีโอที่เห็นเล่นๆ กันใน youtube เองก็อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงได้ (เนื่องจาก video latency หรือ audio latency)
ที่สำคัญอีกอย่างคือ เนื้อเรื่องเกมมันก็สำคัญแหละ แต่เกณฑ์การรีวิวผมว่าหลาย ๆ ที่เค้าให้น้ำหนักต่ำกว่าเกมเพลย์โดยรวมนะ บางค่ายถึงขั้นเลือกที่จะช่างหัวมันไปเลย
คือ สิ่งที่เกมขายคือประสพการณ์การใช้งานจริง ไม่ใช่แค่เกาะประตูบ้านข้างๆ ดูเค้าเล่นเกมกันน่ะครับ
+1
ผมไม่เห็นด้วยครับ ผมคิดว่าคนเราวิจารณ์ได้เสมอ ความละเอียดของการวิเคราะห์ก็จะแปรผันตามความรู้ที่เรามีต่อสิ่งนั้น ๆ
ถ้าผมเห็นอาหารจานหนึ่งทำมาจากสมองลิง จัดเสิร์ฟแบบสด ๆ มาพร้อมกับหัวลิง ถึงจะเห็นเพียงแค่รูปแต่ผมคิดว่าผมก็มีสิทธิ์วิจารณ์อาหารจานนี้ว่า น่าขยะแขยง โหดร้าย ไม่น่ากิน เป็นต้น ซึ่งอาหารจานนี้จริง ๆ แล้วอาจจะอร่อยมาก หลับตากินแล้วฟินเหมือนขึ้นสวรรค์ก็ได้ ผมก็คงไม่เห็นด้วยถ้าจะมีใครมาบอกว่า อาหารเอาไว้กิน ไม่ได้เอาไว้ดู ดังนั้นห้ามวิจารณ์
แน่นอนว่าคนที่ได้กินอาหารจานนี้จริง ๆ ด้วยตัวเองก็คงจะสามารถวิจารณ์ได้เจาะลึกกว่าผม สี กลิ่น รสสัมผัส รสชาติ ความอร่อย แต่ถามว่าผมวิจารณ์จากรูปได้หรือวิดีโอได้ไหม ผมก็ว่าผมมีสิทธิ์ แม้ว่าผมจะไม่ได้จ่ายเงินให้กับอาหารจานนี้สักบาทก็ตาม
สำหรับกรณี The Last of Us 2 ผมเห็นด้วยที่คนทั่วไปจะมาร่วมวิจารณ์เกมนี้ แม้เขาจะไม่ได้เล่นเอง แม้เขาจะดูคนอื่นเล่นก็ตาม เกมนั้นถูกผลิตมาขายให้คนเล่นก็จริง แต่ด้วยตัวมันเองเมื่อถูกผลิตออกมาแล้วมันก็มีฐานะเป็น "ผลิตภัณฑ์" อย่างหนึ่งบนโลกนี้ ซึ่งก็มีหลายคนปฏิบัติกับมันในรูปแบบที่ต่างกันไป บางคนเสพเกมเยี่ยงศิลปะ บางคนคลั่งใคล้ตัวละครในเกมประหนึ่งแฟนตัวเอง บางคนเอาเกมเป็นสื่อด้านบันเทิงแล้วนำไป stream บางคนเอา stream เกมที่คนอื่นเล่นมาแปลมาพากษ์อีกทอด ประสบการณ์ที่ได้จากเกมมันขึ้นอยู่กับคนที่ไปเสพมัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนที่ผลิต
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นหลายคนชอบพูดคือ เวลาวิจารณ์เกมคุณต้องวิจารณ์แต่ละองค์ประกอบ ต่อให้เนื้อเรื่องแย่แค่ไหนแต่ถ้า game play ดีก็ควรจะต้องให้คะแนนส่วนนั้นไปด้วย ผมคิดว่านี่มันคือการเอาเกณ์ฑของตัวเองไปตัดสินเกณฑ์ของคนอื่นนะ บางคนเล่นเกมมองเป็นแบบองค์รวม ประสบการณ์โดยรวม ไม่ต้องแยกเป็นองค์ประกอบย่อย ๆ ก็ได้
ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าเนื้อเรื่องแย่ไม่ว่า game play ดีแค่ไหนผมก็คิดว่ามันคงไม่ใช่ผลงานที่ดี เทียบกับภาพยนต์ เหมือนอย่างมีภาพยนต์แฟนตาซีเรื่องหนึ่งทำ cg ฉากออกมาสวยงามเลย แต่เนื้อเรื่องเมากาว ตัดไปตัดมา ไม่สมเหตุสมผล เวลาออกจากโรง ผมก็คงบอกว่าหนังไม่ได้เรื่องและคงไม่ไปให้คะแนนกับ cg ที่ไป support เนื้อเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเหล่านั้น
ทั้งนั้นทั้งนั้นผมเข้าใจคนที่ชอบให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบนะ มันก็เป็นสไตล์ของแต่ละคน สำหรับเกมหลายคนก็แยกเป็นเนื้อเรื่องกับ game play บางคนเก่งมากหน่อยก็แยกไปอีกว่า AI แสง เงา ฉาก ตัวละคร ลำดับการเล่าเรื่อง สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง เพลง movement มันก็ซอยไปยิบย่อยได้อีกหลายหัวข้อหลายเกณฑ์ ซึ่งก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละบุคคล
ดังนั้นผมไม่มีปัญหาเลยว่าใครจะให้คะแนนเกมด้วยวิธีไหน เกมจะดีหรือไม่ดีในสายตาคนหมู่มาก เมื่อเอาความหลากหลายของคนที่มีมุมมองต่างกันมาเป็นตัวกรอง ค่าเฉลี่ยมันก็จะบอกเอง
That is the way things are.
ส่วนตัวผมมองว่าเกมจะมีไว้เล่นหรือดูนั้น มันอยู่ที่ตัวเราเองเป็นคนตัดสินครับ
ในแง่ของประสบการณ์ที่ได้รับ... ผมคิดว่ามันไม่เป็นประเด็นเท่าไหร่ เพราะหลายๆเกมมันก็มีวิธีเล่นที่หลากหลาย เช่น โหมดคนเดียวโหมดหลายคน ระดับง่ายระดับยาก เป็นต้น ดังนั้นถึงแม้หลายๆคนจะเล่นเกมจนจบก็ไม่ได้แปลว่าจะได้รับประสบการณ์แบบเดียวกันอยู่แล้ว เพราะเหตุนั้นผมคิดว่าเราไม่ควรปิดกั้นการวิจารณ์จากคนที่แค่ดูอย่างเดียว เพราะเขาก็ได้รับประสบการณ์ส่วนหนึ่งของเกมไม่แตกต่างจากคนอื่น
ด้วยเหตุนั้น.. ผมคิดว่าในแง่ของการวิจารณ์ ไม่ว่าเราจะได้รับประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน ผมคิดว่าเราก็สามารถวิจารณ์ได้ เพียงแต่วิจารณ์ต้องตามประสบการณ์ที่คุณได้รับครับ แม้คุณดูคุณก็สามารถวิจารณ์ได้ เพียงแต่ต้องวิจารณ์ในขอบเขตของสิ่งที่คุณดู อย่าไปแอบอ้างว่าเล่นจบแล้วหรือวิจารณ์หรือเกมเพลย์อะไรแบบนั้นก็พอครับ
อย่างไรก็ตาม ที่ว่ามาคือเรื่องของการวิจารณ์ แต่การตัดสินว่าเกมดีหรือไม่ดี มันไม่ควรจะถูกตัดสินเพียงแค่ดูอย่างเดียวครับ แต่ถ้าจะตัดสินแค่ตัวเองชอบหรือไม่ชอบ ผมคิดว่าไม่ว่าจะได้รับประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน คุณก็สามารถตัดสินได้ครับ