ด้วยภาวะเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ราคาไม่แพงแต่ได้สมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่ iPhone เปิดตัวรุ่นเล็กหลังจากหลายไปหลายปีอย่าง iPhone SE ก่อนจะตามมาด้วย OnePlus Nord หลังจาก OnePlus แพงขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กจาก Google (ที่ลีลาเยอะมากกว่าจะเปิดตัวออกมาได้) อย่าง Pixel 4a ก็เปิดตัวสักที หลังจากรุ่นเล็กก่อนหน้าอย่าง Pixel 3a ได้รับคำชมอย่างล้นหลามว่าเป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง
หลายๆ คนอาจมีข้อสงสัย ว่าควรจะเลือกซื้อมือถือรุ่นกลางจากแบรนด์ไหนดี จะซื้อ iPhone SE เลยดีไหม จะรอ OnePlus Nord วางขายไหนไทย หรือจะหาวิธีซื้อเครื่องหิ้ว Google 4a ดี วันนี้ผู้เขียนจึงเตรียมนำสเปกของทั้งสามรุ่นนี้ ในระดับความจุ 128GB เท่ากันกับ Pixel 4a มาเปรียบเทียบให้เห็น ว่ามีจุดเด่นจุดด้อยในด้านใดบ้าง (จริงๆ ก็มีสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ดูคุ้มค่าอีกหลายรุ่น แต่ขอหยิบมาเฉพาะตัวเด่นๆ ช่วงนี้ก่อน)
ในด้านประสิทธิภาพ iPhone SE กินขาด แต่ OnePlus Nord มีจุดเด่นที่ 5G
ชิป A13 Bionic ที่แม้เป็นชิปของ iPhone 11 ที่วางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว แต่ประสิทธิภาพจากหลากหลายการทดสอบ ก็ยังเอาชนะทั้ง Snapdragon 765G ใน OnePlus Nord และ Snapdragon 730 ใน Pixel 4a ได้แน่นอน และแม้ iPhone SE จะมีแรมน้อยที่สุดในสามรุ่นนี้คือ 3GB (Pixel 4a มี 6GB และ OnePlus Nord 8GB) แต่ด้วยประสิทธิภาพของ iOS ที่จัดการแรมได้ดีกว่า ทำให้ไม่น่าจะเสียเปรียบนัก แถม CPU และ GPU ที่เร็วกว่าบนชิป A13 ก็น่าจะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานและเล่นเกม ดีกว่าพอสมควร
OnePlus Nord ชนะเรื่องการรองรับสัญญาณ 5G แบบ Sub-6Ghz (ไม่รองรับ mmWave) ในขณะที่ iPhone SE และ Pixel 4a ยังไม่รองรับ 5G เลย (Pixel 4a จะมีรุ่นที่รองรับ 5G ตามมาภายหลัง ในราคาที่แพงกว่า)
อีกประเด็นคือแม้ iPhone SE จะมีขนาดหน้าจอเป็นแบบ LCD ที่เล็กกว่า แต่แบตเตอรี่ที่มีขนาดเพียง 1,821 mAh ก็ค่อนข้างน่าหวั่นใจ เมื่อนำไปเทียบกับ 4,115 mAh ใน OnePlus Nord และ 3,140 mAh ใน Pixel 4a
เรื่องหน้าจอ OnePlus Nord ดีที่สุด
OnePlus Nord เป็นมือถือรุ่นเดียวในการเปรียบเทียบนี้ ที่มีหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว แบบ 90Hz ที่ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ส่วน iPhone SE เป็นหน้าจอ LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล และ Pixel 4a เป็นหน้าจอ OLED ขนาด 5.81 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 ที่แม้ได้รับคำชมในรีวิว แต่หน้าจอ Fluid AMOLED ของ OnePlus Nord ก็มีความละเอียดสูงกว่า และมี refresh rate ที่ 90Hz
OnePlus Nord มีจำนวนกล้องมากที่สุด แต่เรื่องภาพนิ่ง Pixel 4a ยังเป็นผู้ชนะ
ในด้านกล้อง OnePlus Nord ดูเหมือนจะเป็นผู้ชนะในแง่จำนวน เพราะเป็นรุ่นเดียวที่ให้กล้องหลังมา 4 กล้อง คือกล้องหลัก 48MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP กล้องมาโคร 2MP และ depth sensor 5MP พร้อมกล้องหน้าคู่ 32MP แบบไวด์ และ 5MP แบบอัลตร้าไวด์ ในขณะที่ iPhone SE และ Pixel 4a ยังเป็นกล้องเดี่ยวอยู่
แต่กล้องเดี่ยว 12.2 พิกเซล ของ Pixel 4a ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากรีวิวของเว็บไซต์ต่างๆ เป็นเสียงเดียวกันว่าคุณภาพทั้งสี การเก็บรายละเอียด และการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ทำได้ดีมาก เทียบได้กับเรือธงของ Google รุ่นก่อน อย่าง Pixel 4ซึ่ง เป็นผลมาจากซอฟต์แวร์ประมวลผลของ Pixel 4a ที่ล้ำหน้ากว่าค่ายอื่นๆ แต่ก็คงต้องรอผลทดสอบมากกว่านี้ ว่าดีกว่า OnePlus Nord และ iPhone SE จริงหรือไม่ และมากแค่ไหน
ส่วน iPhone SE แม้จะมีเพียงกล้องเดี่ยว 12MP แต่ในการทดสอบของเว็บไซต์ Android Authority ก็ได้รับคะแนนโหวตชนะ OnePlus Nord ไป และ iPhone SE ยังได้รับคำชมเรื่องการถ่ายวิดีโอตามสไตล์ของกล้อง iPhone ที่ถ่ายได้ทั้ง 4K ที่ 60fps และ 1080p ถึง 240fps ส่วน Pixel 4a ถ่ายได้แค่ 4K 30fps กับ 1080p สูงสุด 120fps ส่วน OnePlus Nord ถ่าย 4K ได้ถึง 60fps และ 1080p สูงสุด 60fps
สุดท้ายแล้วคงขึ้นอยู่กับการใช้งาน ที่หากผู้ใช้จำเป็นต้องใช้กล้องอัลตร้าไวด์หรือมาโคร OnePlus Nord คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่หากไม่จำเป็น คงต้องพิจารณาอีกครั้ง หากเน้นถ่ายภาพนิ่ง Pixel 4a น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และถ้าชอบถ่ายวิดีโอ iPhone SE ก็น่าจะตอบโจทย์ที่สุด
การซัพพอร์ตของระบบปฏิบัติการ: iPhone SE ยาวนานที่สุด
เรื่องระบบปฏิบัติการ เป็นอีกประเด็นตัดสินใจของผู้ใช้ ที่การตัดสินใจ อาจมาจากความเคยชิน และความชอบในระบบปฏิบัติการนั้นเป็นหลัก แต่ข้อแตกต่างกันในด้านรายละเอียดการซัพพอร์ตของสามรุ่นนี้ ก็แตกต่างกันพอสมควร
iOS หายห่วงเรื่องซัพพอร์ต เพราะมือถือ iPhone แทบทุกรุ่น จะได้รับการซัพพอร์ตอย่างน้อย 5 ปี รวมถึง iPhone SE ที่เลือกใช้ชิปรุ่นใหม่ก็น่าจะได้รับซัพพอร์ตไปนานไม่แพ้กัน แถม iOS 14 ที่กำลังจะออกนี้ ก็เพิ่มฟีเจอร์มากมายที่เริ่มคล้ายคลึง Android เข้ามา ทั้ง Widgets, การแบ่งหมวดแอป และอื่นๆ ทำให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น สำหรับการย้ายค่ายมาจากฝั่ง Android
ส่วน Google Pixel 4a จะได้รับการซัพพอร์ตอย่างน้อย 3 ปีเป็นอย่างต่ำเท่ากันกับ OnePlus Nord แต่ Pixel 4a จะได้เปรียบในด้านการเป็นระบบปฏิบัติการ Pure Android หรือ Android แท้ๆ ส่งตรงจาก Google เอง ซึ่งได้อัพเดตเวอร์ชั่นไวกว่า ในขณะที่ OnePlus Nord เป็น Android 10 ครอบทับด้วย Oxegen OS ที่ถึงจะค่อนข้างคลีน แต่ก็สู้ Pixel ไม่ได้อยู่ดี
Pixel 4a คุ้มราคาที่สุด แต่หาซื้อยากในบ้านเรา
ในรุ่นความจุ 128GB Pixel 4a ที่มีรุ่นเดียว ราคาเดียว และสีเดียว เป็นผู้ชนะไปในด้านราคาที่ถูกที่สุด ที่ 349 ดอลลาร์ (ประมาณ 10,900 บาท) แต่ยังมีประสิทธิภาพที่พอใช้ กล้องที่คุณภาพดีเยี่ยม หน้าจอ OLED มีสแกนลายนิ้วมือด้านหลัง และรูหูฟังอย่างครบครัน แต่ข้อเสียก็คือหาซื้อยากที่สุดในสามรุ่นนี้ และอาจจะมีแต่เพียงเครื่องหิ้วเท่านั้น
ส่วน OnePlus Nord ยังไม่มีข้อมูลการวางจำหน่ายในบ้านเรา แต่เพราะ OnePlus รุ่นอื่นมีวางจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็นทางการ ทำให้ OnePlus Nord ก็มีโอกาสเช่นกัน รุ่นความจุ 128GB ตั้งราคา 480 เหรียญ (ประมาณ 15,000 บาทขึ้นไป) เมื่อเข้าบ้านเราแล้ว ก็อาจจะบวกเพิ่มไปอีก
iPhone SE รุ่น 128GB ราคา 449 ดอลลาร์ ซึ่งแพงกว่า Pixel 4a ที่ความจุเท่ากันอยู่ถึง 100 ดอลลาร์ แต่มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราแล้ว และเป็นรุ่นเดียวที่ซื้อได้ทันทีในปัจจุบัน ด้วยราคา 16,900 บาท
สรุป
สำหรับผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของ Apple อยู่แล้ว และอยากได้มือถือราคาประหยัด โดยไม่ได้สนใจหน้าจอใหญ่ กล้องเทพ หรือเรื่องการรองรับ 5G แต่เน้นที่ประสิทธิภาพภายในล้วนๆ iPhone SE ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
หากเป็นสาวก Android ตัว Google Pixel 4a ก็เป็นอีกรุ่นที่คุ้มราคาที่สุด พร้อมกล้องคุณภาพเยี่ยม ซอฟต์แวร์ Pure Android และการอัพเดตเวอร์ชั่นที่จะได้รับก่อนใคร แม้ Snapdragon 730G จะเป็นชิปที่ไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ก็คงไม่ส่งผลมากนัก ในการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน และยังเป็นอีกตัวเลือกที่ดี แต่ก็เช่นเคยของ Pixel ในบ้านเรา ที่คงต้องอาศัยการซื้อร้านหิ้ว ที่อาจจะบวกราคาเพิ่มไปอีกพอสมควร (อาจจะประมาณ 15,000 บาท)
ส่วนใครที่อยากได้กล้องอัลตร้าไวด์ หน้าจอเทพ การรองรับ 5G และประสิทธิภาพที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับเรือธงในด้านการใช้งานทั่วไป และไม่หวั่นที่จะต้องจ่ายเพิ่มอีกสักหน่อย OnePlus Nord ก็เป็นตัวเลือกที่น่าจะเหมาะสมที่สุด แต่ก็อาจจะต้องรอติดตามข่าวการวางจำหน่ายในบ้านเราต่อไป
Comments
16900 ไม่กี่ปีก่อนยังได้เรือธงอยู่เลย...
มือถือ 16900 ปัจจุบัน เร็วกว่า สเป็คดีกว่าเรือธงสมัยราคา 16900 เยอะครับ ไม่จำเป็นต้องมองแค่เป็นเรือธง
เอามือถือเรือธงที่ว่าราคา 16,900 ตอนนั้นมาเทียบกับมือถือราคา 16,900 ตอนนี้ดูสิครับ ไปไกลอยู่นะ
อาจจะคิดเหมือนผม
ที่ยุคเรือธงเคยอยู่แถวๆ 20K฿ Mindset ว่ารุ่นกลางเลยอยู่แถวๆ 10K฿
แต่ยุคนี้เรือธงล่อไป 40K฿ ละ คนจะถือว่า 15K฿ เป็นรุ่นกลางก็ไม่แปลก
ผมยอมจ่ายมือถือชิป Flagship ราคาไม่เกิน 20K
สูงกว่านั้นมันเริ่มไม่ใช่ละ
ในส่วน tech แล้ว 10000 บาทสมัยก่อนประสิทธิภาพน้อยกว่า 10000 บาทสมัยนี้มีเยอะนะครับ คอมแปดปีที่แล้ว 60000 มีประสิทธิภาพน้อยกว่า 60000 บาทสมัยนี้เป็นเท่าถึงสองเท่าก็มี
OnePlus Nord กับ Pixel 4a ไม่ระบุ IP rating ด้วย ตอนแรกก็มองว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายการผลิต แต่ดูแล้วน่าจะเป็นการลดค่าค่าใช้จ่ายส่วน support + warranty ดูมีเหตุผลมากกว่า เพราะยังไงจุดนี้ในภาพใหญ่ก็สู้ฝั่ง apple ได้ยาก
Snapdragon 765G ใน OnePlus Nord และ Snapdragon 730 ใน Pixel 4a
ตก G
ไม่รู้one plus มี 5 g แต่รองรับในไทยไหม ถ้าไม่ก็ไม่ใช่ข้อได้เปรียบเท่าไหร่
se มีกันน้ำ+wireless charge คุ้มราคาถ้าจ่ายเพิ่มได้
ไม่น่าจะทนมือทนนิ้วคนไทยเท่าไหร่ เพราะไม่เอามาขายคนไทยอย่างเป็นทางการ คิดเล็กคิดน้อย
3A ที่ใช้อยู่ก็ทนมือทนนิ้วอยู่นะครับ ฟิล์มไม่ติดเคสไม่ใส่ มีแต่รอยขนแมวที่ฝาหลัง นอกนั้นใช้งานปกติ
หลังจากหลายไปหลายปี > หลังจากหายไปหลายปี