นอกจากอะแดปเตอร์ชาร์จไฟที่แอปเปิลหยุดให้มาในกล่องของ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว รวมไปถึง iPhone รุ่นก่อนหน้าที่ยังจำหน่ายอยู่ด้วย ของอีกอย่างที่แอปเปิลหยุดการให้มาในกล่องก็คือหูฟังมีสาย EarPods ซึ่งแอปเปิลก็มีทางออกให้สำหรับคนที่ไม่มีหูฟัง เช่นเดียวกับอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ นั่นคือขายแยกแบบลดราคา
โดยในเว็บแอปเปิลได้ปรับราคาขายหูฟัง EarPods พร้อมหัวต่อ Lightning ลงจากเดิม 1,190 บาท เหลือ 690 บาท (รุ่นหัวเสียบ 3.5 มม. ก็ปรับราคาลงเช่นกัน)
ในงานแถลงข่าวเมื่อคืนนี้ แอปเปิลระบุว่าลูกค้ามีหูฟังแบบ Lightning แล้วมากกว่า 700 ล้านอัน ยังไม่รวมหูฟังไร้สายต่าง ๆ ที่มีความนิยมมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลในการไม่ให้หูฟังมากับ iPhone เครื่องใหม่นั่นเอง
ที่มา: MacRumors
Comments
ราคาน่าคบมาก
ดีเลย สำหรับคนที่เอา Airpod ไปเวฟใน Microwave จะได้ซื้อมาใช้แทนได้ถูกหน่อย ไม่ต้องกลัวไฟช็อตแบตแน่นอน
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
lol
ลดครึ่งๆเลยแฮะ อาจจะคุ้มทุนแล้ว หรือมองอีกอย่างต้นทุนจริงๆไม่กี่ร้อยบาท ฟันหัวแบะมาหลายปีแล้ว ถถ
ทุนออกจากโรงงานไม้น่าจะถึงร้อยบาทนะคับ ค่าโฆษณาก็ไม่เสีย ที่เหลือกำไรล้วนๆ
ให้ค่าแรงนักออกแบบ + R&D หน่อยก็ได้ครับ ต้นทุนไม่ได้มีแต่การผลิต
ต้นทุนนักออกแบบ+R&D มันเสียทุกครั้งที่ผลิตเหรอครับ
R&D มันไม่เคยถูกนะครับ
มันเสียครั้งแรกครับแต่มหาศาลมาก ถ้าเอาคิดแต่ล็อตแรกอย่างเดียว earpod อาจจะราคาเป็นแสนก็ได้
แต่เค้าก็เฉลี่ยไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้ผมว่าต้นทุน R&D มันคุ้มทุนแล้วเลยลดราคาลงมาได้ครับ
R&D apple ไม่ถูกหรอกครับ มีแต่คนเก่งๆ ก็เลยตามมาด้วยเงินเดือนสูงๆ
ไม่รู้จะตอบใครก่อนขอตอบรวมๆ ที่เม้นตัวเองละกัน
earpod นี่ถ้านับตั้งแต่เปิดตัวคือสมัย iPhone 5 จนถึงตอนนี้ก็ 8 ปีแล้ว และมีการแถมมาให้ในกล่องตลอด ผมก็จะคิดว่าต้นทุนทั้งหมดของหูฟังนี้มันรวมอยู่ในราคาไอโฟนแล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าค่า R&D มันมหาศาลนะ แต่บ.อย่างแอปเปิ้ลไม่มีทางไม่รู้ว่าจุดคุ้มทุนของสินค้าตัวเองคือเท่าไร ต้องใช้เวลาถึง 8 ปีเชียวเหรอ เผลอๆ คืนทุนตั้งแต่ขาย iPhone 5 ได้ปีเดียวแล้วมั้ง เหตุผลที่เพิ่งมาลดราคาเอาป่านนี้จึงไม่ใช่เพราะเพิ่งคืนทุนค่าหูฟังรุ่นนี้แน่นอน แค่อยากขายได้เยอะขึ้นเท่านั้นแหละ
ลดขนาดนี้จะไม่ขาดทุนหรอครับ
ออกมาจากโรงงานผมให้สุดๆเลย 150 บาท นิคือแบบว่าสุดๆเลยนะครับ
หลักการคำนวณต้นทุนวัตถุดิบจริงๆ ของสินค้า Consumer ที่ผลิตปริมาณมาก ปรกติจะคิดที่ 20% ของราคาขาย เพราะถ้าต้นทุนสูงกว่านี้ แล้วมีต้นทุนแปรผันที่แปรเปลี่ยนไป จะทำให้มีโอกาสขาดทุนสูง คือ ง่ายๆ ของขาย 100 บาท ต้นทุนไม่เกิน 20 บาท ยิ่งผลิตเยอะยิ่งได้ราคาต่ำลงไปอีก ยิ่งบริษัทที่ไม่ต้องทำการตลาดโดยตรงแบบ Apple รวมถึงโยกค่า Design ไปมาระหว่างฐานการผลิตได้ กำไรเละเทะ ไม่แปลกอะไรที่ Apple เป็นบริษัทที่มีอัตราส่วนกำไรมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
แขวะได้แบบผู้ดีมาก 55+
แต่เอาจริงคุณภาพมันก็โอเคเลยนะครับ
ถ้าใช้ของแถมมา ไม่ได้ซื้อเอง
ไมค์ใช้ได้เลย ใช้อัดเสียงยังได้
แสดงว่า macbook ใหม่นี่ตัดรูหูฟัง 3.5 ออกแน่ๆ
Ooh
ผมว่าไม่ตัดเพราพคนละกลุ่มลูกค้า mac ส่วนมากความต้องการใช้ในการทำงานยังเยอะพอตัวนะ (เดาล้วนๆ)
ผมว่ามีพื้นที่รอบเครื่องยังเหลืออยู่เยอะครับ คงใส่มาได้สบายๆ
ตราบใดที่อุปกรณ์เสียงใหม่ยังลดค่าความหน่วงไม่เท่า 3.5 mm ได้ ก็คิดว่าไม่น่าจะตัดออก แต่ iPad นำร่องไปก่อนเพื่อนแล้ว
น่าจะลดราา Airpods เหลือ $49 เหมือน Beats Flex
เอางบที่ต้องแจกในไอโฟนมาถัวๆ ก็เหมือนกำไรแทบจะ 100% ละครับ จากเดิมต้องออกจากระบบมาเป็นล้านชิ้น ตอนนี้ล้านชิ้นนั้นก็เอามาขายแทน แถมราคาเครื่องก็ไม่เห็นจะแตกต่างอย่างมีนัยยะให้เข้าใจได้ว่า ตัดหูฟังไปแล้วจะเอาไปลดค่าเครื่องให้