Xiaomi ดูจะเป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความครบครัน และคุ้มค่ามาสักพัก ไม่ว่าจะทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดไหน และหลังจากเปิดตัว Mi 10 Ultra ไปเมื่อเดือนสิงหาคม และมือรุ่นกลางถึงรุ่นประหยัดไปอีกหลายรุ่น Xiaomi ก็กลับมาเขย่าตลาดช่วงปลายปีอีกครั้ง ด้วย Xiaomi Mi 10T Pro 5G
Mi 10T Pro 5G ราคาเปิดตัวเริ่มต้นเพียง 13,990 บาท แต่มาพร้อมชิปเรือธงอย่าง Snapdragon 865 แรม 8GB ความจุ 128GB แบต 5,000 mAh และยังรองรับ 5G อีกด้วย ทำเอาค่ายมือถือค่ายอื่นเกาหัวไปตามๆ กันว่ายังตรึงราคาชิปเรือธงไว้ไม่เกินหมื่นห้าได้ยังไง
Mi 10T Pro มาพร้อจอ IPS LCD รีเฟรชเรตสูงสุดถึง 144Hz แบบ Adaptive สามารถปรับได้ตามการใช้งาน ไม่ต้องล็อกไว้ที่รีเฟรชเรตใดรีเฟรชเรตหนึ่ง และมีชิป MEMC ช่วยเติมเฟรมที่ขาดเวลาดูวิดีโอ เพื่อเพิ่มความลื่นไหลของภาพ และยังมาพร้อมกล้องหลักความละเอียดสูงสุดถึง 108 ล้านพิกเซลอีกด้วย
ภายในกล่องมาพร้อมกับที่ชาร์จ ชาร์จเร็ว 33W แบบ USB-A to USB-C และเคสพลาสติกใส ตัวเครื่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หนา และหนักพอสมควร ด้วยหน้าจอขนาดถึง 6.67 นิ้ว และแบตเตอรี่ 5,000 mAh ทำให้ส่วนตัวผู้เขียนที่ชอบใช้งานมือด้วยมือเดียว ใช้งานไม่ค่อยถนัดนัก และเมื่อยมือเวลานอนดู Youtube ด้วยมือเดียวนานๆ แต่คิดว่าผู้ที่ใช้มือถือขนาดใหญ่อยู่แล้วไม่น่าจะมีปัญหา
หน้าจอ LCD เมื่อนำออกไปใช้ภายนอกอาคาร อาจจะไม่สว่างสู้แสงเท่ากับจอ OLED หรือ AMOLED นัก และสีดำก็ยังดำสนิทไม่เท่า แต่ก็คุ้มค่าหากต้องการหน้าจอที่มีรีเฟรชเรตสูง ในเรตราคาเท่านี้ นอกจากนี้ยังมีอัตราตอบสนองต่อการสัมผัส (touch response rate) สูงถึง 240Hz ทำให้รู้สึกว่า Mi 10T Pro มีการตอบสนองที่ไวและลื่นไหลมากขึ้น
เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือฝังมาในปุ่มพาวเวอร์ด้านขวามือของตัวเครื่อง ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงก็อยู่ฝั่งขวามือเช่นกัน ส่วนด้านซ้าย หรือด้านบน ล่าง ไม่มีปุ่มอื่นๆ อยู่ และเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นว่าโมดูลกล้อง 108MP นูนออกมาจากตัวเครื่องมากพอสมควร
ฝาหลังเครื่องเป็นกระจก มีความเงางามสูง แต่ก็เกิดรอยนิ้วมือง่าย ทำให้ดูเลอะเทอะได้ แนะนำว่าให้ใส่เคสที่แถมมา หรือเคสอื่นๆ น่าจะดีกว่า เพราะนอกจากปกป้องตัวเครื่องจากการตกกระแทกแล้ว ยังเป็นการป้องกันรอยนิ้วมือไปในตัว
รูลำโพง ช่องใส่ซิม และพอร์ตชาร์จแบบ USB-C อยู่ด้านล่าง การเล่นเสียงเป็นแบบ Stereo คือออกมาจากทั้งรูลำโพงด้านล่างและช่องลำโพงสำหรับคุยโทรศัพท์ด้านบนพร้อมกัน คุณภาพเสียงไม่ได้โดดเด่น แต่ใช้งานได้ดี เสียงไม่แตก และเสียงดังพอสมควร
UI และประสิทธิภาพ
MIUI 12 ค่อนข้างสะอาดตามากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อนๆ แต่ก็มีความคล้ายคลึงกับ iOS มาก การปัดหน้าจอฝั่งซ้ายจากบนลงล่างเป็นการดู notifications ส่วนการปัดหน้าจอฝั่งขวาลงมาจะเป็นการเปิดดู Control Center โฆษณาในแอปต่างๆ ที่ติดมากับเครื่องยังมีอยู่เช่นเคย แต่ก็คงเป็นเคล็ดลับที่ทำให้มือถือของ Xiaomi ยังตรึงราคาอยู่ได้ และโฆษณาส่วนใหญ่ก็สามารถเข้าไปปิดได้ในการตั้งค่า
การทดสอบบน Geekbench 5 ได้คะแนน Single-core ไป 910 คะแนน ส่วน Multi-core ทำได้ 3334 คะแนน โดยทำคะแนนได้สูงกว่า OnePlus 8 Pro ที่ใช้ชิป Snapdragon 865 รุ่นเดียวกันเล็กน้อย ดูคะแนนเปรียบเทียบได้ในรูปด้านล่าง
กล้อง
Mi 10T Pro มาพร้อมกล้องหลักความละเอียดถึง 108 MP f/1.7 รวมถึงมีกล้องอัลตร้าไวด์มุมมอง 123 องศา ความละเอียด 13 MP f/2.4 และกล้องมาโคร 5 MP f/2.4 คุณภาพกล้องหลักโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก สี รายละเอียดของภาพ และแสงเงาทำได้ดี (เครื่องตั้งค่าเริ่มต้นมาให้ถ่ายภาพในอัตราส่วน 16:9 หากต้องการถ่ายแบบ 4:3 ต้องแก้ในการตั้งค่าก่อน)
กล้องอัลตร้าไวด์ถ่ายมุมกว้างได้ดี แต่ก็แลกมาด้วยรายละเอียดของภาพที่ลดลงเล็กน้อย และถ่ายในสภาวะแสงน้อยได้แย่กว่า ด้วยรูรับแสง f/2.4 เทียบกับกล้องหลัก ที่ f/1.7 แต่ก็ยังถือว่าทำได้ดี
ภาพจากกล้องหลัก
ภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์
ภาพจากกล้องหลัก
ภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์
ภาพจากกล้องหลัก
ภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์
ภาพใน Night Mode ทำได้ค่อนข้างดี เร่งแสงของภาพกลางคืนได้พอสมควร ช่วยให้ภาพมีรายละเอียดและคมชัดมากกว่าโหมดปกติ โดยรวมแล้วพัฒนาการด้านซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพของ Xiaomi ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยเฉพาะสำหรับมือถือราคาต่ำกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันบาท
ภาพกลางคืน ถ่ายด้วยโหมดปกติ
ภาพกลางคืนที่ถ่ายด้วย Night Mode
ภาพกลางคืน ถ่ายด้วยโหมดปกติ
ภาพกลางคืนที่ถ่ายด้วย Night Mode
กล้องหน้า 20 MP, f/2.2 คุณภาพพอใช้ ค่าเริ่มต้นไม่ได้เปิดโหมด Beauty จนหน้านวลมาให้ (ถือเป็นข้อดี) แต่ถ้าใครต้องการ ก็ยังสามารถเปิดได้ในการตั้งค่า
สรุป
Xiaomi Mi10T Pro 5G เป็นมือถือที่คุ้มค่าแทบทุกด้าน ทั้งชิปเรือธง แรม 8GB หน้าจอ 144Hz และกล้องคุณภาพดี แถมยังมาในราคาที่ถูกแบบงงๆ แค่ 13,990 บาท
หากจะมีข้อเสีย ก็คงเป็นหน้าจอ IPS LCD ที่สู้แสงได้ไม่เท่าจอ OLED และสีดำไม่ดำสนิทเท่า, ขนาดที่หนา ใหญ่ และน้ำหนักที่หนักพอสมควร กับ MIUI 12 ที่แม้จะดูดีขึ้น แต่ก็มีโฆษณาติดมาเหมือนเคย และยังไม่มีมาตรฐานการกันน้ำ กันฝุ่น IP Rating
แต่หากไม่ติดปัญหาข้อเสียดังที่กล่าวมาด้านบน Mi 10T Pro 5G ก็เป็นอีกตัวเลือกมือถือสเปกเรือธงที่คุ้มค่าในช่วงปลายปี 2020 อย่างแน่นอน
Comments
รอดูอนาคต สเปค 5G แค่นี้ ว่าจะไปรอดขนาดไหน
เสียดายในรีวิวไม่มีเทสสัญญาณ 5G
เสียดายไม่มี wireless charge ไม่งั้นมีเสียตัง
wireless charge ผมมองว่าห่วยเกินเทียบ ประโยชน์ เอา fastcharge มาดีแล้ว นี่เครื่องมีชั้นแค่ช่วงต้นเดือนแรกๆเพราะเห่อของใหม่ หลังแน่นการใช้งาน ขอไวไวพอ
ผมว่าแล้วแต่ lifestyle มากกว่าครับ ผมทำงานนั่งโต๊ะแบบต้องลุกไปประชุมบ้างเป็นช่วงๆ เวลาอยู่โต๊ะก็วางบนแท่นชาร์จ ลุกปุ๊บก็คว้าได้เลย แบตก็จะอยู่ระดับพอใช้ตลอดวัน ไม่ลำบากถอดเข้าออกบ่อยๆ ด้วย
ปกติเค้าก็มีกันทั้งคู่ครับ ไม่ต้องเลือก
wireless ก็รองรับ fast charge ครับ
ผมใช้ Reverse charge ให้ Airpods น่ะครับ เพราะขี้เกียจพกสายชาจ Apple
ใช้อยู่ครับ เห็นด้วยกับรีวิวทุกอย่าง อย่างอื่นผมโอเคหมด โฆษณาผมไม่ค่อยเจอ เพราะเลือกปิดโฆษณาตั้งแต่แรก เสียแค่จับไม่ค่อยถนัดมือ รู้สึกหนักไปหน่อย เคยใช้แต่เครื่องเล็กๆ แต่นั่นก็เป็นข้อดีอีกอย่างคือแบตค่อนข้างอึดมาก ผมใช้วันนึงไม่เคยลดถึง 60% เลย (ไม่ได้เล่นเกม) ชาร์จก็เร็วมาก แป๊บเดียวเต็ม ได้ของแถมหลายอย่างจากการ pre-order และยังแถมเคส ติดฟิล์มมาให้เสร็จสรรพ เรียกว่าพร้อมใช้ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว
เรื่อง touch screen เป็นยังไงบ้างครับ แม่นยำไหม
เท่าที่ใช้ก็ปกตินะครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ซื้อตอนพรี ได้เครื่องมาวันแรกก็โอเคดี ติดที่ชินจอ Mate20X ไปแล้วเลยคิดว่าเครื่องนี้เล็กไปนิดนึง น้ำหนักกำลังดี กล้องในสภาพแสงปกติโอเค แต่ white balance ยังไม่ดีในบางสถานการณ์ พบปัญหาสองอย่าง อย่างแรกคือจับสัญญาณสู้ Mate20X ไม่ได้ วางเครื่องไว้ใกล้ๆกัน บางที Mi เป็น H+ไปแล้ว แต่ Mate20X ยังเป็น 4G อยู่ ส่วน5G ผมยังไม่ได้สมัครโปรนะเลยเทสไม่ได้ ส่วนข้อเสียที่สองคือ จอรีเฟรชเรท 144 พอใช้จนชินแล้วกลับไปใช้จอ 60 แล้วเห็นความต่างแบบชัดเลย คงกลับไปใช้จอรีเฟรชเรทต่พำไม่ได้แล้ว?
ตอนนี้ติด Samsung ไปแล้วโดยเฉพาะ Wireless Dex เห็นรีวิวเครื่องอื่นก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ
Xiaomi miui ถ้าใครใช้ Android one (pure Android) มาก่อน อาจจะขัดใจ ผมเป็นคนหนึ่งในนั้นเลย
ขัดใจมากกับระบบ xiaomi performance
App bloatware ของ xiaomi เกือบทุกตัว มีโฆษณามาด้วย(ถึงแม้จะบล็อกได้) ถึงแม้จะใช้ adb เอาออกได้ แต่ก็ยังขัดใจ
Xiaomi ไม่รู้คนอื่นจะรู้สึกเหมือนผมรึเปล่า ผมว่ากล้องมัน autofocus ไม่ดี คือ เกือบจะไร้ประโยชน์เลย
ในอนาคตจะไม่ซื้อ Xiaomi อีก สเปคแรง แต่โดยรวมผมไม่โอเค
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
เพราะ MIUI นี่แหละผมเลยไป S20 FE ทันที แล้วก็มาเครียดกับเรื่องทัชแทน 555+
จริง ผมใช้ตั้งแต่ mi4 mi9 เครื่องหน้าก็จะเลิกใช้ mi
ss ก็เคยใช้
รอบหน้าดูแนวโน้ม 5g ก่อน
เห็นด้วย คิดว่าเครื่องนี้จะเป็นเครื่องสุดท้ายแล้ว
หลังจากใช้มา 4 โมเดล
MIUI ช่วงหลังๆเหมือนรีบปล่อยไปหน่อย
บักเพียบ สะดุด ค้าง หน่วง
ผมเคยชอบ MIUI เมื่อสมัยที่ Xiaomi ยังไม่มีมือถือ แต่ตอนนี้พูดตรงๆว่า MIUI ค่อนข้างจะขัดใจพอสมควรเลย ไหนจะประสิทธิภาพไหนจะบัคและปัญหาต่างๆนานา ถึงจะไม่ร้ายแรงแต่หลายๆอย่างใช้ไปก็รู้สึกขัดใจ
ตอนนี้ใช้ Mi 9T ก็ลง Pixel Experience ไปแทน แต่มันก็เหมือนเป็นระเบิดเวลา ไม่รู้จะใช้แอปธนาคารได้ถึงเมื่อไหร่ (ผมไม่ได้ root นะ) เพราะงั้นเครื่องถัดไปก็คงเลี่ยง Xiaomi เหมือนกัน