พนักงานโกดัง Amazon แถลงจะหยุดงานประท้วง ช่วงวันหยุด Black Friday ซึ่งเป็นช่วงนาทีทองของอีคอมเมิร์ซที่สินค้าพากันลดราคา เป็นการประท้วงเรียกร้องค่าจ้างที่เป็นธรรม และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยแก่พนักงาน รวมถึงสิทธิ์ของพนักงานในการจัดตั้งสหภาพแรงงานด้วย
ซึ่ง Black Friday เป็นช่วงที่พนักงานบาดเจ็บจากการทำงานหนัก และยังไม่นับรวม COVID-19 ที่จนถึงตอนนี้มีพนักงาน Amazon ติดเชื้อกว่า 2 หมื่นรายแล้ว
การเรียกร้องยังครอบคลุมประเด็น สิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, เรียกร้องให้ Amazon หยุดสอดแนมพนักงานและการจัดตั้งสหภาพแรงงาน กลุ่มพนักงานใช้ #MakeAmazonPay เป็นแฮชแท็กเผยแพร่แคมเปญการต่อสู้ โดยการประท้วงจะเกิดขึ้นใน 15 ประเทศคือ บราซิล, เม็กซิโก, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, สเปน, ฝรั่งเศส, เบลเยียม, เยอรมนี, ลักเซมเบิร์ก, อิตาลี, โปแลนด์, อินเดีย, บังกลาเทศ, ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย
ล่าสุด Amazon เผยว่า Amazon สนับสนุนการจัดตั้งสหภาพแรงงาน, ค่าจ้างขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง รวมถึงมาตรการความปลอดภัยต่างๆ เพื่อพนักงาน และยังให้สัญญาเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะต้องเป็น 0 ในปี 2040 ด้วย
ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ CNET รายงานหลังมีข่าวพนักงานจะประท้วงว่า Amazon จะเพิ่มค่าจ้างพิเศษให้พนักงานประจำในสหรัฐฯ ที่ทำงานในวันที่ 1 - 31 ธันวาคม ได้รับเงินเพิ่มอีก 300 ดอลลาร์ ส่วนพนักงานพาร์ทไทม์ได้ค่าจ้างเพิ่ม 150 ดอลลาร์
Comments
จบที่ Amazon ย้ายไปใช้หุ่นยนต์แทน ?
คิดเหมือนกันเลยครับ ประท้วงเยอะๆ เข้าเดี๋ยวได้ตกงานกันทั่วหน้า (แต่ค่าจ้างไม่เป็นธรรมขนาดนั้นเหรอ)
ผมเข้าใจว่าออกมาเรียกร้องค่าแรงเฉพาะช่วง Black Friday นะครับเพราะทำงานหนักและความเสี่ยงสูง
ได้ข่าวว่าโหดมากถึงขั้นบาดเจ็บเพราะแย่งซื้อของกันเลย
ผมไม่ได้อยากให้เค้าปิดปากกันนะ แต่ถ้าปัญหามันคือคนสุดท้ายหุ่นยนต์ก็เป็นทางออกที่ดีกว่า ถึงเวลานั้นรัฐต้องเตรียมพร้อมที่จะรีดภาษีกิจการเหล่านี้มาจ่ายเลี้ยงดูคนด้วย - -"
เห็นร้าน อเมซอนที่ไม่มีแคชเชียแล้ว น่าจะมาจริงๆนะครับ