Adobe ออกอัพเดต Flash Player ของเดือนธันวาคม 2020 โดยระบุว่าเป็นอัพเดตครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะยุติการสนับสนุนตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม ตามประกาศก่อนหน้านี้ จากนั้นคอนเทนต์ Flash จะถูกบล็อกการทำงานตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2021
ในประกาศนี้ Adobe ได้ขอบคุณลูกค้าและนักพัฒนาทุกคน ที่ได้ใช้งานและร่วมสร้างสรรค์คอนเทนต์บน Flash Player ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์บนเว็บยุคใหม่ทั้ง อนิเมชัน, เนื้อหาโต้ตอบ, เนื้อหาเสียงและวิดีโอ
ถึงแม้ Adobe Flash จะหยุดทำงาน แต่โครงการ Internet Archive ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะนำอีมูเลเตอร์ Ruffle มาจำลองการทำงานของ Flash เพื่อให้สามารถรันเว็บเก่าได้
ที่มา: The Verge
Comments
ถ้าไม่มีจ๊อปส์มันก็จะจบแบบนี้แต่นานกว่านี้หรือเปล่านะ
ขอบคุณจ๊อปส์ที่มีส่วนผลักดันอย่างแรงจนทำให้แฟลชต้องหายไป กราบบบ
ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะ Chrome browser มากกว่านะครับ
ผมเริ่มใช้ internet มาก่อน Chrome browser release version แรก (สมัย IE5)
สมัยนั้นรู้สึกว่า browser มีการอัพเดทกันช้ามาก เพราะมันไม่มี auto update เหมือน chrome
พอ chrome มา พอคนใช้ chrome เยอะขึ้น browser อื่นก็เอา auto update ใส่ไปบ้าง
จากนั้น standard ใหม่ๆ ของ web ก็ถูกเอามา implement เร็วขึ้น
เขียนเว็บสมัยนี้ก็เลยสบายกว่าแต่ก่อนเยอะ
ทั้งสองอย่าง แต่ Jobs shot first
Chrome built in flash มาให้เลยครับ ในเวอชั่นแรก ๆ IE firefox ยังต้องไปโหลดมาใส่เอง มีมาหลัง ๆ นี่แหละที่พยายามแยกออก เพราะงั้น ผมว่า chrome ไม่น่าใช่สาเหตุหลัก ๆ ที่ flash หายไปนะครับ
ประเด็นของผมมันอยู่ที่ การที่ Browser ใส่ auto update/background update แบบ Chrome
ทำให้ Browser ของ end-user มัน support feature ใหม่ๆ ของ web เร็วขึ้นน่ะครับ
ไม่ได้เกี่ยวกับ built-in flash แต่อย่างใด
อย่างเมื่อ 6-7 ปีแล้วผมก็เปลี่ยน products ของบริษัทผมจาก flash เป็น HTML + JavaScript
ผมก็พิจารณาจาก support feature+ market share ของแต่ละ Browser เอาน่ะครับ
มองในแง่ auto update ทำให้ HTML5 มาถึง user เร็วขึ้น
ทำให้ความสำคัญของ Flash ลดลงเร็วกว่าเดิมสินะครับ
แต่ส่วนตัวให้น้ำหนัก compatibility มากกว่า
ถ้า apple ไม่ say No กับ Flash
Flash จะยัง compatibility ครอบคลุมทั้งตลาด
motivation ของ dev ที่จะย้ายไป HTML5 จะน้อยกว่านี้มาก
พอ apple ทุบ compatibility ของ Flash ทิ้ง
เหล่า dev จึงมองว่า หันไปทำ HTML5 ที่ compatible หมดทั้งตลาดจะดีกว่า
แล้ว auto update เป็นส่วนเสริม HTML5 ไปอีกทีนึง
+5
ผมว่ามันเป็นแบบนี้มากกว่า Auto Update มันตามมามากกว่า การที่ HTML5 เกิดมาแทน flash เพราะว่า iOS ไม่เอา flash แล้วแอนดรอยด์ก็ไม่เอาตามมา กลายเป็นว่าถ้า Dev อยากให้เวบแสดงผลได้ทั้ง Desktop และ Mobile ก็ต้องไม่ใช้ flash คนมันก็เลยต้องเปลี่ยน ส่วนจะ Auto Update หรือ Manual Update ไม่น่าใช่สาระสำคัญที่ทำให้ flash ลดความนิยมลง
จริง ๆ ณ.จุดนั้นเหมือนแอปเปิ้ลจะไม่อยากให้รันอะไรในเครื่องได้นอกจากแอปตัวเองเลยล่ะครับ
มาถึงตอนนี้ก็ประมาณว่า รันแอปอื่นก็ได้แหละ แต่ช่วยทำแอปให้เหมือนเป็นแอปของแอปเปิลเองทีนะ