ศูนย์ตรวจ COVID-19 แบบผู้ป่วยจ่ายเงินตรวจด้วยตัวเองในญี่ปุ่นคิวยาวนับเดือนหลังผู้คนพยายามไปตรวจเนื่องจากไม่เข้าข่ายทั้งอาการและการสัมผัสผู้ป่วยที่จะได้รับการตรวจฟรีจากรัฐ โดยผู้รับการตรวจจำนวนมากระบุเหตุผลว่าต้องการกลับไปเยี่ยมพ่อแม่จึงต้องการแน่ใจว่าไม่นำเชื้อกลับไปแพร่
ศูนย์ตรวจ COVID-19 แบบ PCR ที่ความแม่นยำสูงในญี่ปุ่นมีค่าใช้จ่าย 2,900 เยนหรือประมาณ 1,000 บาทไม่รวมภาษี บางศูนย์คิวยาวนับสัปดาห์ต้องรอคิวต้นปี 2021 แล้ว โดยศูนย์เหล่านี้เปิดบริการโดยเอกชน บางศูนย์เปิดขายชุดเก็บตัวอย่างออนไลน์และให้เก็บตัวอย่างส่งกลับศูนย์ทางไปรษณีย์เพื่อรอฟังผล
สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ประชาชนที่ต้องการตรวจ COVID-19 แบบจ่ายค่าบริการด้วยตัวเอง ขอรับการตรวจได้ที่สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง โดยมีค่าบริการ 1,500 บาท
ที่มา - Japan Times
ภาพการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจ COVID-19 แบบ PCR ภาพโดย © Claude Truong-Ngoc / Wikimedia Commons
Comments
สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เปิดทำการ ตั้งเเต่เวลา 08.30 น. ถึงเวลา 15.00 น. ในวันราชการ..ค่าบริการ1500 บาทรอผล 1-2วัน ใครจะไปต้องลางานไปตรวจอย่าลืมบวกต้นทุนค่าแรงที่ต้องหยุดไป 1 วันด้วย รวมแล้วอาจจะแพงกว่าไปตรวจเอกชนเสียอีก
เอกชนไทยถูกสุดที่เห็นแวบๆ 3500 บาท เปิดทุกวันถึงสองทุ่ม
จริงๆเหมือนเห็นข่าวว่าหน่วยงานไทย ลดต้นทุนการตรวจ RT-PCRได้เหลือไม่ถึงพันบาทแล้ว แต่ยังจำกัดรับแต่จากPUI ?
อีกประเด็นดูเหมือนตอนนี้ จะมีบ.ที่ผูกขาดงานจากรัฐด้านนี้อยู่บ.เดียว? (ทั้งชุดตรวจและวัคซีนล่วงหน้า?)
ป.ล. เกณฑ์ PUIก็ยังเข้มงวดจนดูเกินเหตุ เพื่อนส่งลูกน้องเอาของไปลงตลาดกุ้งมหาชัยที่เป็นข่าวในช่วงเวลาที่เป็นข่าว ลูกน้องก็ไปรายงานตัวกับหน่วยงานรัฐ ขอตรวจก็ไม่ได้ตรวจ หน่วยงานรัฐให้กลับไปกักตัวที่บ้านรอดูอาการ14วัน ถ้าไม่มีอาการก็ไม่ให้ตรวจอยู่ดี จะตรวจได้เลยก็ต่อเมื่อมีcontact กับคนที่ติดเชื้อโดยตรงเท่านั้น แต่คนในธุรกิจเดียวกันค้าขายใกล้ๆกันไปเสียเงินตรวจเองถึงเจอว่าติด (แต่คนอื่นก็ไปขอตรวจฟรีไม่ได้อยู่ดี ถ้าไม่ใช่คนในบ้านคนนั้น) เหมือนกำลังกดตัวเลขชอบกล?
ไม่มีอาการไม่ต้องตรวจครับ
ไม่เห็นจะเข้าใจยากตรงไหน ถ้าคุณคิดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง ##ให้กักตัวดูอาการ14วันเลย ถ้าคุณเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง คุณจะโดนโทรตามไปแล้ว
ถึงคุณไปตรวจ ผลเป็นลบ ##ก็ใช่ว่าคุณจะไม่เป็น คุณก็ต้องกลับไปดูอาการระมัดระวังตัวเองจนครบ 14 วันอยู่ดี ไม่ใช่ผลเป็นลบแล้วจะออกไปร่อนได้ล
เฮ้อ.....
ผมเข้าใจเกณฑ์ระบาดวิทยาครับ
แต่การที่ตอนนี้จำนวนผู้ป่วยใหม่ ส่วนใหญ่เกิดจากการเสียเงินไปตรวจเอง(นับเฉพาะจังหวัดที่ผมรู้ข้อมูลแล้วกัน) แสดงว่าเกณฑ์ PUIมันไม่ครอบคลุม และเกิดให้เกิดเคสหลุด โดยไม่รู้ตัวมากด้วยซ้ำ คุณว่าที่กระจายไปหลายๆจังหวัดโดยผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการค้าจากตลาดกุ้งมหาชัยเลย เขารับเชื้อมาจากไหน?
แค่คิดสงสัยตัวเองก็ต้องกักตัว14วันมีต้นทุนมหาศาลนะครับ ไม่ใช่ข้าราชการที่จะลาป่วย 14วันนอนอยู่บ้านเฉยๆได้ ยังไม่นับว่าถ้าเกิดจริงๆแล้วติดเชื้่อ แต่ไม่ได้ตรวจ แต่คนแวดล้อม(ก่อนกักตัว)ก็ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวไปอีกต่อ
อย่าลืมว่ากว่าจะประกาศว่า มีคนติดเชื้อจากโซนนั้น ก็มักผ่านไปรายๆ 5-7วันไปแล้ว กว่าคนที่รู้ตัวว่าไปโซนนั้นมาจะเริ่มกักตัว ก็มีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นๆไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
จังหวัดข้างๆผมนี่ เจอเชื้อเพราะยอมเสียเงินไปตรวจเอง เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์PUI ไป 5 จาก 6 คนครับ(เคยไปมหาชัยแต่ไม่ป่วยและไม่ได้เจอคนติดเชื้อโดยตรง เพราะซื้อของคนละร้าน เลยไม่เข้าเกณฑ์) ก่อนทีจะยอมเสียเงินตรวจเอง(เพราะลูกค้าของร้านเขาไม่มั่นใจ เลยขอให้ไปตรวจขอใบรับรองแพทย์๗ ก็เกิดcontact กับคนรอบข้างไปอีกนับร้อยคน มีเคสนึงไปขายของตลาดนัด ต้องเรียกคนทั้งตลาดนัดให้กักตัวครับ โดยที่ไม่ให้ตรวจเชื้ออีกด้วย(แต่เคสที่นนทบุรี นี่แค่ไปซื้อของในตลาดสดก็ติด ทั้งๆที่ไม่ได้ซื้อร้านอาหารทะเลด้วยซ้ำ)
เรื่องพวกนี้ไม่ออกข่าวสื่อหลัก แต่กลุ่มเพจจังหวัดเขาคุยกันละเอียดครับ
ผมคิดว่าผมป้องกันตัวดี แต่คนอื่นในพื้นที่ผมล่ะ? ตราบใดที่เกณฑ์PUIยังไม่สนองต่อความเป็นจริง มันก็เกิดความเสี่ยงที่คุณไม่สามารถป้องกันได้ครับ ยกเว้นคุณจะใส่ N95+PPEตลอดเวลา ที่ออกไปนอกบ้าน
เพิ่มความพีคของประเทศนี้ให้ครับ จากบรรทัดนี้
"แค่คิดสงสัยตัวเองก็ต้องกักตัว14วันมีต้นทุนมหาศาลนะครับ ไม่ใช่ข้าราชการที่จะลาป่วย 14วันนอนอยู่บ้านเฉยๆได้ ยังไม่นับว่าถ้าเกิดจริงๆแล้วติดเชื้่อ แต่ไม่ได้ตรวจ แต่คนแวดล้อม(ก่อนกักตัว)ก็ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวไปอีกต่อ"
ราชการไม่นับการกักตัวว่าเป็นวันลาครับ นั่นหมายความว่า การกักตัวอยู่บ้านครึ่งเดือนไม่เสียวันลานั่นเอง
http://www.personnel.moi.go.th/recruitment/2563/5.COVID-19-MOI.pdf
มันไม่ใช่ความพีค ของระบบราชการแต่มันควรเป็นปัญหาของระบบเอกชนต่างหาก ที่ลูกจ้างลาหยุดกักตัว แต่ไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง หรือไปหักวันหยุดเค้า รู้สึกว่าเอกชนไทยหลายรายไม่โอเคเลย
แม้แต่ราชการบางที่ผู้บังคับบัญชาระดับต้นก็จดชื่อคนไม่มาทำงานนะครับ
ซึ่งมีผลต่อการประเมิน
A smooth sea never made a skillful sailor.
มันพีค เพราะคนออกนโยบายหรือข้อกำหนด ก็คือข้าราชการเพราะตอนนี้เขาเรียกว่ารัฐข้าราชการเป็นใหญ่
เขาก็ออกแบบไม่สนใจเอกชนอยู่แล้วไงครับ
เสี่ยง ก็ลาไปกักตัวสิ ข้าราชการหยุดกักตัวได้ไม่นับเป็นวันลา แถมได้เงินเดือนเต็ม
แต่เอกชน ถ้าไม่มีคำสั่งจากรัฐ หยุดกักตัวต้องใช้วันลา ถ้าไม่มีก็ต้องหักเงินครับ ใช้วันลาป่วยไม่ได้ ไม่นับแรงงานนอกระบบ หยุดงานเท่ากับไม่มีรายได้
นี่แหละครับที่ผมจะสื่อ ทำงานแบบรัฐราชการ
เอะอะเพิ่มวันหยุด ไม่สนใจหรอกว่าเอกชนหยุดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
คุณคอมเมนต์แบบทื่อๆมากเลยเกี่ยวกับเรื่องโควิดเนี่ย
"ไม่มีอาการไม่ต้องตรวจครับ" หลายๆเคสก็เห็นอยู่ว่าเป็นจนจะหายแล้วยังไม่มีอาการเลย แล้วมันติดกันได้ตั้งแต่ระยะฟักตัวด้วยซ้ำไป แล้วไม่ใช่ว่าทุกคนจะอยู่ดีๆหยุดงานอยู่บ้าน 14 วันได้ครับ จะเป็นโฆษกหรือเป็นอะไรให้เค้าก็ช่วย "เข้าใจ" โลกจริงๆ คนที่เค้าใช้ชีวิตจริงๆหน่อย
อันนี้มันหลักการไหนครับ หรือคิดเอาเอง เพราะกลุ่มเสี่ยงที่ได้ตรวจทุกวันนี้ศบค. ก็บอกเองว่ามากกว่า 90% ไม่มีอาการ
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง จะมีคนโทรหา
โถ พวกที่ office ผมกักตัวเพราะเป็นกลุ่มมเสี่ยงจากการไปเจอคนที่เป็นโควิด (จ่ายเงินตรวจเอง) จนตอนนี้จะครบกำหนดแล้วยังไม่มีใครโทรหาเลย แถมต้องตะลอนๆ หา รพ. รับตรวจด้วย เพราะปฏิเสธกันหมด
คืออยู่ๆ ตายขึ้นมานี่จะแทงว่าตายเป็นปอดอักเสบใช่มะ?
I need healing.
มันถึงได้แพร่กระจ่ายจากกลุ่มที่ไม่แสดงอาการแบบทุกวันนี้ไง
The Dream hacker..
ความ negative ของคุณนี่มีไม่หยุดหย่อนจริงๆ
negative ไม่ว่าถ้ามัน rationale และมี fact รองรับ แต่คุณมั่วตลอด แล้วก็มาคอย toxic ใส่คนนั้นคนนี้
ไม่ใช่แค่ aspect ของ technology นะแต่แทบทุกเรื่องเลย
ขออธิบายด้านระบาดวิทยานะครับ เรากำหนด นิยามของผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค(PUI: patient under investigation) ขึ้นมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่และประชาชนเข้าใจตรงกันว่า ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์เป็นตามข้อที่กำหนด ตามที่ระบุ เพื่อจะได้ไม่ต้องสับสนกัน แต่เนื่องจากโรคโควิดนี้เป็นโรคอุบัติใหม่ขึ้นในโลก ไม่มีตำราไหนสามารถเขียนได้ครอบคลุมผู้ป่วยที่ติดเชื้อจริงๆ ได้เป๊ะๆขนาดนั้น เราจึงอาศัยเกณฑ์pui ดังกล่าวขึ้นมาเพื่อช่วยจำแนกคนไข้ที่มีความเสี่ยงสูงไว้ก่อน และเกณฑ์puiนี้เอง ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตามความรู้ที่อัพเดตเรื่อยๆด้วยครับ
ปล. ผมไม่คิดว่าทางรัฐบาลหรือกระทรวงฯ จะกดตัวเลขนะครับ เพราะทุกเคสที่เราตรวจได้สามารถสืบหาเบาะแสของแหล่งโรคและป้องกันโรคได้ดีขึ้น แถมยังเป็นประโยชน์ทางวิชาการและประโยชน์ทางสถิติอีกครับ
เคสจังหวัดข้างๆผม 5 คนจาก 6 คนไม่เข้าเกณฑ์PUI เพราะไม่มีอาการป่วยแม้จะไปพื้นที่เสี่ยงมา(ตลาดมหาชัย) ขอตรวจไม่ได้ จนยอมเสียเงินตรวจเองถึงเจอครับ
เกณฑ์หลุดเยอะครับ ตราบใดที่ไม่ยอมลงทุนตรวจเชิงรุก แบบเดียวกับที่ยอมตรวจแรงงานต่างด้าว ก็คงไม่เจอ
ในมุมนี้ผมเรียกว่ากดตัวเลขครับ เพราะตัวเลขจริงมันออกมาแล้วว่าเกณฑ์PUIปัจจุบันมันไม่สนอง ต่อสถานการณ์จริง ก็ยังไม่เห็นแก้เกณฑ์ อะไร และเคสที่เพิ่งเจอจังหวัดรอบๆเพิ่มขึ้น ล้วนแล้วแต่เสียเงินตรวจเอง...
คุณต้องเข้าใจว่าเกณฑ์มันเป็นแบบนั้นเพราะความเข้าใจต่อโรคในตอนตั้งเกณฑ์มันเป็นอีกแบบนึงครับ
ตอนนี้โรคมันพัฒนาไปอีกแบบแล้ว มันแทบจะเป็นแบบ incognito แล้ว ถ้ายังใช้เกณฑ์เดิมอยู๋มีเหตุผลเดียวคือเรื่องความจำกัดของทรัพยากรครับ เกณฑ์ PUI มันไม่ make sense สำหรับอาการแบบปัจจุบันแล้วครับ
การเฮโรไปตรวจ โดนตัวเองไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ยิ่งทำให้แพทย์ทำงานหนัก และอาจเสี่ยงติด COVID จากคนที่ติดและไปรักษา / ตรวจที่ รพ อีก
นึกสภาพคนแห่ไปตรวจฟรีที่ รพ ไหนหมอจะต้องรักษาคนไข้เคสอื่นๆที่ไม่ใช่ COVID อีก หมอไม่ต้องนอนกันแล้วละครับ
ต้องยอมรับแหละครับว่าที่ผ่านไปเกือบปี เราไม่ได้ให้ความสนใจในการขยายขีดความสามารถของการตรวจเท่าใดนัก (เพราะคิดว่าคงไม่มาแล้ว) ตอนนี้พอโรคมาอีกรอบจริงๆ จะขยายก็ไม่ทันแล้ว ถือว่าเป็นความผิดพลาดในการเตรียมการ การคาดคะเน อย่างมากๆ เลยครับ (ตอนนี้จีนตรวจได้วันละเป็นแสนๆ ของเราตรวจได้วันละไม่กี่พันตัวอย่าง)
ผมได้แค่คุยกับคนรู้จักลอยๆ อยู่เป็นระยะๆ ว่าเรากดผู้ป่วยเป็นศูนย์มาได้เรื่อยๆ เนี่ย ความพร้อมในการรับมือตอนมันเข้ามาระบาดอีกครั้งเราพร้อมขนาดไหนแล้วนะ มีเวลาเตรียมตัวนานเมื่อเทียบกับที่อื่นแล้ว
ตอนนี้เหมือนได้คำตอบว่าก็ไม่ได้พร้อมไปกว่าเมื่อต้นปีเลย
แสดงความไร้น้ำยาผู้บริหารได้เป็นอย่างดี
ทรัพยากรมันจำกัดครับ ประเทศเราเล็กกว่าประเทศพัฒนาแล้วมากๆ แต่บุคลากรการแพทย์เราต้อทำงานเยอะกว่าเมื่อคิดตามอัตราส่วน
อันนี้ไม่ได้ค้านเรื่องผู้บริหารไร้น้ำยา แต่พยายามอธิบายให้เห็นมุมอื่นๆ ด้วยครับ เอาทรัพยากรไปทำด้านอื่นก็เยอะ
ทรัพยากรจำกัดจริงหรือ มันอยู่ที่การหวังผลการทางเมืองด้วยไหม (มฤษฎีสมคบคิด) ตั้งแต่การ lockdown ทั้งเกณฑ์ PUI ที่เน้นกดยอดคนติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่ไม่ศูนย์จริงเน้นไม่ตรวจก็ไม่เจอแทน แล้วก็เอางบไปลง IO ว่าไทยตรวจเยอะกว่าอเมริกา...
ผมถามนะ ถ้าเคสตลาดกุ้งนั่นแม่ค้าต้นเรื่องยอมตายในบ้าน (เอาเข้าจริงเขาหายกันเองได้) จะมีการประกาศว่าระบาดรอบใหม่ไหม
I need healing.
ผมเข้าใจว่าเค้ากลัวเศรษฐกิจจะพังกันส่วนนึงด้วยครับ แต่เอาเข้าจริงคือควรรณรงค์อย่างต่อเนื่องอ่ะนะ
เรื่องการตรวจนี่เห็นด้วยว่าเราเป็นเชิงรับ คือไม่มีเหตุไม่ตรวจ ควรจะเปลี่ยนเป็นเชิงรุกได้ละ
ส่วนที่บอกว่าทรัพยากรจำกัด มันจำกัดหลายอย่างครับ ทั้งงบ ทั้งคน ทั้งคนบริหาร ทั้งคนมีวิสัยทรรศน์ ไม่ว่าจะเพราะโยกงบ หรือเพราะอะไรก็ตาม ขาดมันก็คือขาดอ่ะครับ เหมาะสมหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องนึง
ดูเหมือนคุณ triggered เพราะคิดว่าผมปกป้องรัฐบาลนะครับ
ผมไม้ได้มา triggered หรอกครับ แต่ต้องมาบอกว่านี่คือสิ่งที่เจอ ดูทุกวันๆ ฟังสิ่งที่รัฐทำและแถลงทุกวันครับ
I need healing.
อ่าครับ หลักๆ ก็น่าจะเพราะขาดคนมีวิสัยทรรศน์ด้วยครับ บริหารงานแบบไม่หยุดตรวจไปเลยก็ตรวจกันแบบพอสมควร มันควรตรวจเชิงรุกกว่านี้เยอะมากๆ
ด้านเศรษฐกิจก็เห็นผุดมาตรการช่วยเหลือผลักดันไปเที่ยวไปใช้กันออกมาเพียบ แต่พอปล่อยมือจากเรื่องการตรวจจนมันระบาดมาอีกรอบ มาตรการที่ปล่อยออกมาก็ไม่ได้ผล เพราะคนยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ หลักๆ คงต้องสร้างความมั่นใจให้ได้อ่ะครับ
ซึ่งความมั่นใจต้องมาจากการทำงานที่แข็งขันอ่ะนะ ที่ผ่านมาหละหลวมจนไม่ได้ตรวจตัวอย่างมากพอมากกว่า ซึ่งผมไม่คิดว่าพยายามกดให้เลขเป็น 0 อ่ะนะ ถ้าพยายามกดให้เลขเป็น 0 ผมจะดีใจกว่านี้ เพราะหมายถึงอย่างน้อยก็พยายามทำอะไรบ้าง นี่ดูแล้วตีฝีปากซะมากกว่า อยากตีมือแต่ละคนจริงๆ
รบ.เราเคยโม้ว่าเพิ่มcapacityตรวจได้วันละ 2หมื่นตัวอย่างทั่วประเทศครับ
แถมลดต้นทุนการตรวจลงได้ไม่ถึงหนึ่งพันบาท
แถมเคยหางบมาตรวจเชิงรุกอยู่พักนึง ที่มีข่าว รพ.เอกชนไปตั้งโต๊ะในปั๊มน้ำมันตรวจฟรีนั่นนะ(แต่ก็ตรวจแบบหว่านแหเกินไปไหม?)
แต่พอระบาดจริง ที่โม้ๆไว้หายหมดเลยครับ...อ้างข้อจำกัดนู่นนี่ บอกงบไม่มี แต่ซื้อเครื่องบินเพิ่มทั้งที่มีอยู่แล้วหลายลำ ถึงจะบอกงบคนละส่วน แต่ความเร่งด่วนมันก็ต้องให้ตามลำดับความสำคัญสิ
มุกงบฯ คนละส่วนนี่ควรเลิกได้แล้วนะ ต้นทุนของงบฯ มาจากก้อนเดียวคือภาษี ก่อนเอามาแยกเป็นงบกองต่างๆ ตามความสำคัญ และจริงๆ มันมีงบสำรองฉุกเฉินอีกส่วนนึงด้วย
คนใช้มุกงบคนละส่วนนี่โคตรจะไม่ make sense
เอกชนแถวบ้าน 5000 จ้า (ปริมณฑล)
ที่เซ็งคือบริษัทหักเงินเดือนตามจำนวนวันที่รอผลตรวจ (ถือว่าไม่สามารถปฏิบัติได้)
เค้าใช้น้ำลายตรวจ ผลตรวจออกวันถัดไป
หน้างานมีสองสามคม หน้าที่หลัก ๆ อธิบายการเก็บตัวอย่างน้ำลาย
กับรับเงิน (ไม่รับเงินสด)....ถ้าไม่นับต่อคิวก็เสร็จทุกอย่างใน 5 นาที
เค้านี่ใครครับ
lewcpe.com, @wasonliw
หมายถึงศูนย์ตรวจในข่าวครับ
เสร็จใน 5 นาที แต่ต้องลางานไปตรวจครับ
แถมรับจำนวนจำกัดต่อวัน
เรียกว่ากำลังตรวจน้อยกว่าเอกชนเจ้าเล็กซะอีก
ค่าครองชีพประเทศแพงกว่าไทยหลายเท่า แต่ค่าใช้จ่ายการตรวจถูกกว่าไทยตั้ง 500 หรืออาจมากกว่านั้น
ไม่รวมถึงคุณภาพชีวิตนะที่ดีกว่า
อันนี้เดาเพราะภาษีเค้าจ่ายแพงกว่า เอาภาษีไปหนุนราคาเพื่อให้มันถูกกับประชาชนรึเปล่าครับ?
อันนี้เดาเฉยๆ นะ
ภาษีแพงหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ฐานภาษีในประเทศพัฒนาแล้วมันทั่วถึงกว่า
shdow economy บ้านเราใหญ่กว่าเศรษฐกิจในระบบอีกมั้งเพราะงี้ตอนวิกฤตปี 40 มันเลยไม่ตายทั้งประเทศ
I need healing.
ฐานภาษีทั่วถึงนี่คือยังไงครับ
เกณฑ์ PUIประหลาดมาอีกแล้ว คนรู้จักอยู่จ.A มีเพื่อนจากจ.B มาหา(ตอนนั้นสีเขียวทั้งสองจังหวัดไม่เสี่ยง แต่ตอนนี้จ.B จะโดนlockdownแล้วแดงเข้ม) ไปhang out กินเหล้าด้วยกันสองคืนติด และไปงานรื่นเริงด้วยกัน
คนรู้จักกลับไปจ.B เจอตรวจโควิท เพราะมีคนใช้สถานที่เดียวกัน(ที่จ.B)ติด ปรากฎว่าติด โดยไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้น
คนอยู่จ.A ไปรพ.รัฐขอตรวจPUI ไม่ยอมให้ตรวจ ทั้งๆที่timelineของ นายจากจ.B ออกข่าวทีวีหราว่ามาที่นี่
สุดทัายเสียเงินเหยียบหมื่นไปตรวจเอง(ค่าตรวจเอกชน ตจว.แพงกว่ากทม.เกือบสองเท่า)ยังดีที่ไม่ติด ทั้งๆที่close contact สุดๆ
ดูแล้ววิกฤติทางการแพทย์มันไม่ใช่แค่เรื่องขาดทรัพยากรอ่ะนะครับ