เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) รัฐบาลเมียนมาร์ สั่งตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายในประเทศ โดยอ้างสาเหตุเรื่องข่าวปลอมและความสงบเรียบร้อยในประเทศ ส่งผลให้เว็บไซต์หลายแห่งของพม่าไม่สามารถเข้าถึงได้จากนอกประเทศ
เครือข่าย Telenor ประกาศว่าต้องทำตามคำสั่งนี้ แต่ก็แสดงความไม่เห็นด้วย และระบุว่าเครือข่ายโทรศัพท์แบบเดิม (โทรด้วยเสียงและ SMS) ยังสามารถใช้งานได้
เมื่อวานนี้ยังมีเหตุการณ์ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารเมียนมาร์ในเมืองย่างกุ้ง ทำให้แอพแชทที่คุยผ่าน mesh network อย่าง FireChat หรือ Bridgefy ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน
Update: A near-total internet shutdown is now in effect in #Myanmar.Network data show a collapse of connectivity to 16% of ordinary levels from ~2 pm local time ?The information blackout is likely to severely limit coverage of anti-coup protests ??https://t.co/Jgc20OBk27 pic.twitter.com/b6pIM0MKQQ
— NetBlocks (@netblocks) February 6, 2021
ที่มา - Telenor, BBC, Guardian
ภาพจาก Wilfried Strang from Pixabay
Comments
เอ๊ะ FireChat ยังใช้งานได้อยู่เหรอครับ?
firechat มัน ไม่ต้องผ่านเครือข่าย internet ไม่ใช่เหรอครับ
แต่มันต้องล็อกอินนะครับ - -"
ถ้าเป็น Chat ที่ใช้ Mesh, Bluetooth, Local network ที่ไม่ได้ต่อสาธารณะ และ Ad-hoc ก็ไม่มีปัญหาครับ ใช้งานได้ แต่ต้องอยู่ใกล้กับกลุ่มคนที่ใช้งานร่วมกันอยู่ครับ ส่วนแอพที่อยู่บน Android ก็หาและเก็บไฟล์ apk แล้วส่งให้คนอื่นไปติดตั้งใช้งานก็ยังได้อยู่
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ได้ลองติดตั้งใช้งานดูหรือยังนะครับ?
ผมมีโอกาสได้ใช้งานช่วงราวสองปีก่อนจะปิด ระบบค่อยๆ ใช้งานยากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็ยังสงสัยอยู่ว่ามันกดแชร์แอป APK ให้คนอยู่ข้างเคียงได้เลยแต่ว่าแอปมันต้องล็อกอินก่อนเข้าใช้งานแล้วคนที่รับไปจะใช้งานต่อได้ยังไงน่ะครับ
ถ้าเป็น chat แบบนั้นผมยังไม่เคยใช้นะ แต่ถ้าเป็น APK เคยลองเองก็ยังลงได้อยู่นะ แต่ต้องเปิด Developer mode ถ้าจำไม่ผิด
ผมมองว่าแอพ chat แบบ local แบบนี้ ไใ่จำเป็นต้องมี login หรือเปล่า เพราะทำงานได้แค่ local หรือรอบตัว ไม่ใช่ผ่าน internet
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
แต่ Firechat มันบังคับล็อคอินน่ะสิครับ
ผู้พัฒนาเลิกพัฒนาแอพนี้ไปนานแล้วนิครับ
รัฐประหารสำเร็จไปแล้ว หรือ ยังไม่สำเร็จ ยังต้องต่อสู้อยู่ บ้านเมืองยังไม่เข้าสู่ภาวะปรกติ
ถ้าไม่สู้ก็เหมือนไทย
ถามแรงงานพม่า 2.8 ล้านคนในประเทศไทย แล้วเหรอ ถึงประดิษฐ์วาทกรรมนี้ขึ้นมา
ถามว่าอะไรครับ
พวกเราต้องอย่าร้อนตัวเวลาเขามาดัก เมืองไทยน่ะดีที่สุดในโลกแล้ว จริงๆนะ ใครๆก็อิจฉาคนไทยทั้งนั้น เราอาจจะไม่ได้รวยทางวัตถุที่สุด แต่เรามีความสุขที่สุดเพราะเราอยู่แบบพอเพียง ประเทศเราสงบร่มเย็นก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ คนจีนสมัยก่อนงี้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ หลายคนลำบากต้องมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตอนนี้รวยเป็นแสนๆ ล้าน
.#ประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร #คนไทยถ้าตั้งใจจริง ไม่แพ้ชาติใดในโลก #I love you #ไทยเสียดินแดน 14 ครั้ง
?
มีความสุขจริงคงไม่แห่มาแย่งกันกดแย่งสิทธิ์จองสิทธ์ที่รัฐให้ความช่วยเหลืออยู่ตอนนี้หรอกครับ
"อยู่แบบพอเพียง" <<< อันนี้ของจริงเห็นบ่อยๆในทีวีก็จริงออกข่าวก็จริงแต่จำนวนไม่เยอะถ้าเอาจริงๆ เขาแค่เอาคนที่เป็นมาตีแผ่เท่านั้นมันเลยดูเหมือนมีหลายคน ออกสื่อนี่รวมถึงร้อยคนหรือยังก็ยังไม่รู้ ถึงมีก็พยายามแห่ใช้สิทธ์ที่รัฐกำลังแจกจ่ายเอามาเพิ่มอยู่ดี ถึงขั้นรัฐต้องหาเงือนไขในการกรองคนออกอยู่นี่ไง คนที่ไม่คิดจะเข้าร่วมตั้งแต่แรกเพราะตัวเองสถานะพออยู่ได้ มีค่อยไม่เยอะนักหรอก
ไม่เกี่ยวเลย โควิดรอบนี้โดนกันทุกประเทศ ในประเทศอื่นๆ ประชาชนก็ต้องรับความช่วยเหลือจากรัฐกันทั้งนั้น
ประเทศอื่นเริ่มฉีดวัคซีน ประเทศไทยบอกรอได้ ความช่วยเหลือต่างกัน คุณภาพต่างกัน
แจกเงินอยู่
ขอลบเพราะเข้าใจเจ้าของ comment ผิด
ขอโทษด้วยครับ
That is the way things are.
ผมประชดนะครับ ใจเย็น
ดีแล้ว เดียวเจริญมาแรงงานไทยต้องไปทำงานพม่าแทน
เขามีมานานแล้วนะ พึ่งรู้เหรอ หรือว่าพึ่งได้ใช้อินเทอร์เน็ต
โหด
ปกติรัฐประหารต้องปลุกม็อบฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เพื่อที่ทหารจะได้เอามาเป็นข้ออ้างในการคืนความสงบ แต่ทหารพม่าทำลัดขั้นตอน ดูซิว่าจะเวิร์คไหม เพราะถ้าเวิร์คทหารจะไม่จำเป็นต้องแบ่งตำแหน่งการบริหารต่างๆให้กับผู้นำม็อบ
ขอเพิ่มข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อข้าว แต่อยากให้เห็นทั่ว ๆ กันจึงไม่ reply คุณ Bigkung โดยตรงนะครับ
เรื่องการนำเสนอวิถีชีวิตแบบพอเพียงที่ประสบความสำเร็จ เป็นแบบที่คุณ Bigkung ว่าจริงครับ คือโดยรวมแล้วถือว่ามีคนทำตามสำเร็จน้อยมาก แต่มันมีหลายปัจจัยที่เกิดจากตัวบุคคลเหล่านั้นเองนะครับ
ผมเป็นช่างภาพ ช่างวีดีโอที่ชอบเข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้าน (คลุกคลีขนาดที่ บางที่ผมไปปีละ 3 เดือน ไปมา 8 ปี จนได้พี่ ได้น้อง ได้พ่อ แม่เพิ่มในหลายพื้นที่หลายจังหวัด จนรู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ดูสวยงามหลายแห่ง มีเบื้องหลังที่มีปัญหาไม่ต่างจากทุกที่) ผมพบว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะรุ่นตา รุ่นพ่อ 10 หมู่บ้านอาจจะมีคนไม่ถึง 5 คนด้วยซ้ำนะครับ ที่มีความคิดอยากลองเปลี่ยนแปลง ทดลองแนวคิด หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตที่มีปัญหา และใน 5 คนที่สนใจอยากลอง แต่ทำจริง ๆ บางทีไม่มีเลยด้วยซ้ำครับ
มันไม่แปลกหรอกครับ ที่เราพบว่า แนวคิดดี ๆ ที่นำเสนอเพื่อ "อยากให้สนใจ และมองเห็นข้อดี" มันดู surreal อยู่นิด ๆ ทั้งที่จริง ๆ ถ้าเราลงไปพบปะคนที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ ที่ไม่ได้ออกข่าว (ผมเคยเจอหลายคนครับที่ประสบความสำเร็จ แม้ไม่ได้ออกสื่อ) เขาทำตัวแตกต่างจากทั้งชุมชน ทั้งตำบลจริง ๆ ครับ คนพวกที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เขาก็เปลี่ยนแปลง ทดลองจริง ๆ จึงสำเร็จ
การออกสื่อให้เห็นเยอะ ๆ ในทีวี มันไม่ได้เป็นเรื่องผิดเลยที่มีคนสำเร็จ แถมภาพของมันก็ดูดีจนน่าทำตามด้วยซ้ำ แต่ผู้คนนั้นมักจะอยู่กับวิถีเดิม ๆ มากกว่านะครับ
จริง ๆ มันก็มีหลายปัจจัยนั้นแหละครับ แต่ปัจจุบันยังเป็นแบบนี้อยู่
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
อย่าเสียเวลาอธิบายยืดยาวเลยครับ เปล่าประโยชน์
ก็คนคิดมีทรัพสินมากมาย มีคนรับใช้ตลอดชีวิต นางเคยลงไปทำเองซะที่ไหน
ผมไม่แน่ใจว่าหมายถึงใครนะครับ ถ้าหมายถึง ร.9 ก็ขอตอบในส่วนนี้ว่า ผมคิดว่า ร.9 คงไม่ลงไปช่วยปลูกต้นไม้ หรือไปอยู่กินกับชาวบ้านทีละหมู่บ้านนะครับ มันได้ผลไม่กว้างพอ และก็ไม่แน่ใจว่าท่านอยากทำแบบนั้นไหม ท่านอาจจะไม่อยากทำเพราะลำบาก หรืออาจจะไม่อยากทำเพราะเห็นผลไม่พอกับการช่วยเหลือคนจำนวนมากระดับประเทศ อย่างไรก็แล้วแต่
แต่สิ่งที่ลงไปช่วยนั้นเป็นจริงเป็นจัง สร้างผลกระทบกับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลครับ
ห่างไกลในแบบที่คนในตัวเมืองอาจจะไม่เคยเห็นแม้แต่ในวีดีโอ และคาดเดาไม่ถึง จริง ๆ ก็ไม่เพียง ร.9 นะครับ ยังมีอีกหลายท่านที่ไปช่วยเหลือโดยที่คนในเมืองไม่รู้
พื้นที่กันดารชนิดที่ว่า ชาวบ้านเองก็ออกจากหมู่บ้านไม่ได้ถ้ามีคนเจ็บ เพราะเป็นป่า และทางเละเกินกว่าจะใช้เดินทางพร้อมผู้ป่วยในหน้าฝน และมักจะมีคน หรือเด็กตายอยู่เรื่อย ๆ ในฤดูฝน เพราะป่วยก็ออกมาอนามัยประจำตำบลไม่ได้
ที่แบบนั้น มีอาสาบางกลุ่ม (ผมเคยไปกับเขา) เดินเท้าหลายชั่วโมงเข้าป่ากลางดึก เข้าไปเพื่อดูแล พัฒนา ให้ความรู้สุขอนามัยกับชุมชนเหล่านั้นจนพึ่งพาตนเองได้ อันนี้เป็นอาสา แต่พอความทราบถึงองค์ภา ท่านก็ให้คนสนิทลงมาสำรวจก่อน แล้วก็ดำเนินการช่วยเหลือ โดยที่ไม่ได้ออกสื่อแม้แต่น้อยครับ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ผมเข้าใจว่า สุดท้ายก็เหมือนกับ คนที่ประสบความสำเร็จโดยทั่วไปรึเปล่าครับ ที่ต้องมีความ exceptional และพยายามอย่างที่สุดในบางเรื่อง โดยไม่เห็นจำเป็นต้องอิงหลักพอเพียงเลยครับ
ในบางเรื่องคงเป็นเช่นนั้น เพราะ บางเรื่อง common sense ช่วยได้ แต่บางเรื่องไม่ครับ
หลายพื้นที่ที่ประสบปัญหามานานหลายชั่วอายุคน แต่มันเกิดการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ในช่วง ร.9
ข่าวที่เราเห็น ร.9 ลงพื้นที่ เราเห็น 1 - 2 ครั้งในแต่ละพื้นที่ แต่บางพื้นที่ถ้าได้คุยกับชาวบ้าน ร.9 ลงตั้งแต่แรก และนำทีมมา วางแผน แล้วนำทีมกลับมาอีก แล้วสร้างสิ่งที่ต้องสร้างในพื้นที่ หรือให้ราชการในพื้นที่เตรียมพร้อม ก็ลงมาตรวจงานอีก งานจบก็มาอีก จบงานไปแล้ว ก็ยังมีตามลงไปอีกเพื่อดูผลระยะยาวก็มีครับ
ผมแม้จะอายุพอสมควรแล้ว แต่คิดว่าตัวเองเป็นคนเปิดใจมาก และไม่ได้เชื่ออะไรง่าย ๆ แม้จะเป็นเรื่องทั่วไป หรือไม่ทั่วไปก็ตามครับ
แต่พอได้ไปสัมผัสลึก ๆ แบบกินอยู่กับชาวบ้าน ได้ยินเขาเล่ามาจากปากตัวเองหลายคนครับ
เรื่องของหลักพอเพียง จริง ๆ ก็เป็น common sense เหมือนหลาย ๆ อย่าง เพียงแต่มันเป็น วิถี ที่ถูกตกผลึกให้ชัดเจน อธิบายให้เข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องค้นหา หรือทดลองอะไรมากอีก มันเป็นจริงได้ในบางกรณี บางกรณีก็ไม่เหมาะสม
แต่ไม่ใช่แค่เพียงวิถีพอเดียง ยังมีเรื่องต้นไม้ 7 ระดับ 3 ระดับ 9 ระดับ ที่จริง ๆ ถ้าใครสังเกตุก็ทราบเช่นกัน แต่คนส่วนใหญ่โดนอะไรบังตา เช่น ความโลภ ความขี้เกียจ เป็นต้น คล้ายที่คุณบอกครับ แต่พอมีคนลงไปศึกษา ความจริงที่จริงอยู่แล้ว ก็ปรากฎชัดมากขึ้น และได้ผลวงกว้างขึ้น เป็นประโยชน์มากขึ้นเมือทุกคนทำพร้อม ๆ กัน
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
แต่ถ้ามองผลลัพธ์ ผมว่ามันเป็นการกระทำที่ล้มเหลวอยู่นะครับ
ไทยเราคนจนจะหลุดออกจากความจน แล้วมาเป็นคนชั้นกลาง จากงานวิจัยต้องใช้เวลาเฉลี่ยถึง3เจนเลยนะครับ จากค่าเฉลี่ยทั่งโลกที่1เจนเท่านั้น
ผมมองว่า การทำเพียงเท่านี้ ไม่ช่วยให้ผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจดีขึ้น คนไม่รวยขึ้น จะอยู่ได้ กินได้ เฉย ๆ
ผมมองว่า การจะทำเพียงเท่านี้ หวังผลใหญ่มาก ๆ ต้องมีอีกหลายปัจจัยครับ แต่ที่อยากจะบอกนี่คือ ผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่คิดแค่ว่า ร.9 ทำแค่ที่เห็นในทีวี ทั้งที่จริง มันเปลี่ยนแปลงคนจำนวนมากในที่ห่างไกลเยอะมากครับ แม้จะไม่มากพอที่จะเปลี่ยนไปให้ได้เห็นผลทางเศรษฐกิจ แต่ผมว่าที่ชาวบ้านเล่าให้ฟังอย่างภูมิใจในสิ่งที่เขาได้รับ และทำบ้างไม่ทำบ้าง ผมคิดว่า คนในเมืองยังมองโลกจากการคิดไปเองมากกว่าข้อมูลที่แท้จริงเยอะครับ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
จะว่าไปมีโครงการหนึ่งที่เห็นผลทางเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จสูงอยู่ครับ คือ โครงการหลวง ตั้งแต่การให้ความรู้ วิจัย ผลิต ส่งเสริมการผลิต ตั้งศูนย์รับผลผลิต การขนส่ง การกระจายส่งขาย การแปรรูป การทำการตลาด โดยเฉพาะการแปรรูป ที่ถือว่าประสบความสำเร็จสูงมาก ๆ อันนี้แหละที่ผมเห็นเป็นโครงการเดียวที่คนอาจจะชมได้
แต่จริง ๆ แล้ว ผมพบว่า งานด้านอื่นมันก็ประสบความสำเร็จสูงนะครับ แต่มันไม่จบ ไม่ครบวงจรพอ เลยทำให้เหมือนเห็นผลน้อย
บอกตามตรง ผู้มีอำนาจ ทั้งการปกครอง และการเงิน ธุรกิจในไทย เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้กันเยอะครับ กลไกพวกนี้มันก็ส่งเสริมกัน แต่พอด้านการปกครอง ด้านธุรกิจใหญ่ ๆ สนใจตัวเองแทบจะอย่างเดียว มันก็เห็นผลได้ไม่เยอะครับ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
คุณมองที่ปากท้องและเศรษฐกิจในช่วงชีวิตคุณน่ะถูกแล้ว เพราะคุณเป็นประชาชน
แต่บทบาทของพระมหากษัตริย์นั้นแตกต่างจากประชาชน การสร้างให้ประเทศยั่งยืนไม่ได้ทำสำเร็จในคนรุ่นเดียว
คุณลองหาดู อเรื่องที่พระมหากษัตริย์ของภูฏานทรงให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศถึงแนวทางการพัฒนาประเทศ
ถ้าไม่ได้ทำสำเร็จได้ในคนรุ่นเดียว แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่ารุ่นถัดๆ ไปจะอยากทำนะครับ?
แบบกิจการคนทั่วไปนี่หลายๆ ที่ผมก็เห็นรุ่นลูกไม่ได้ทำต่อเพราะไม่ชอบกิจการนั้นๆ อยู่บ้างครับ
ภูฏานนี้จัดอยู่ในกลุ่มประเทศยากจนที่ยังต้องรับเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศถึง33%ของGDPนะครับ คือการจะเอาแนวทางการพัฒนาประเทศของประเทศที่ยังไม่หลุดออกจากความจนมาใช้นี้ ผมก็ไม่รู้จะว่ายังงัยละครับ ถ้าจะมองว่าคนในประเทศมีความสุขมั้ย ภูฏานก็ไม่ติดอันดับตามดัขนีชี้วัดนะครับ
ขอบคุณครับ
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม หากผม"พอ" กับขีวิตที่เป็นอยู่กับปัจจุบัน(หรือที่ผ่านมา) ผมก็จะมีความสุขกับตัวเองครับ แล้วก็อาจจะเผื่อแผ่ไปรอบข้างได้เพียงนิดหน่อย
แต่การที่ผมไม่หยุดอยู่ที่การพอ มันทำให้ผมเพิ่มศักยภาพตัวเองได้อย่างรุนแรงและทำให้คนอื่นสามารถพัฒนาและมีความสุขต่อได้ครับ รวมถึงตัวผมเองก็มีความสุขเพิ่มมากขึ้นด้วย
สุดท้ายแล้ว ผมว่า drive เป็นสิ่งที่สำคัญกับการพัฒนาอยู่เหมือนกันครับ
+1
จริง ๆ แล้วคนเราก็หลากหลายแหละครับ ซึ่งความหลากหลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และทำให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้ง่าย ๆ เลย
การ drive ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกันครับ ผมไปมาหลายที่พอควร แต่ไม่ใช่ทุกที่ ที่ผมจะไปช่วยเขา ผมดูหลายปัจจัย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมองคือ ผมมองประกายตาของคนที่คุยด้วย มองดูความฝัน ดูแรงผลักดันในใจเขานี่ละครับ
ส่วนเรื่องการพอเพียง ถ้าจะมองว่าให้หยุด มันก็ไม่ใช่นะครับ มันเป็นวิถีที่ทำให้เราอยู่กับปัจจุบันก่อน อยู่ให้ได้ และร่วมกันเผื่อแผ่ แต่เมื่ออยู่ได้แล้วจะทำอย่างไงต่ออันนี้คงไม่เกี่ยวกับวิถีพอเพียงซะทีเดียวแล้ว
และผมก็คิดว่า หลาย ๆ กรณีก็ไม่เหมาะที่จะใช้กับวิถีพอเพียง อย่างเรื่องระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ที่มักจะต้องพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจให้บวกอยู่เรื่อย ๆ นี่ มันตรงข้ามกับวิถีนี่อย่างมาก ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจแบบนี้จะไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียวครับ
เราคงต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับคน กับสังคมนั้น ๆ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
จริงๆ เป็นเรื่องของการสร้างแรงบันดาลใจที่จะ drive ตัวเองครับ
แล้วก็
เข้าใจผิด และเป็นสิ่งที่คนเข้าใจผิดกันเยอะมากครับ
พื้นฐานของเศรศฐกิจพอเพียง จริงๆก็อปหลัก"สันโดษ"ของพุทธศาสนามาทั้งดุ้น ซึ่งหลักสันโดษนี่ก็คนเข้าใจผิดกันเยอะเช่นกัน
สันโดษ หรือพอใจในชั่วขณะปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่าให้จมปลักอยู่กับที่นะครับ แต่คือไม่ทุกข์ อิจฉา หรือโลภในสิ่งที่ยังไม่มี รู้ตัวว่าปัจจุบันอยู่ตรงไหนและหาความสุขกับมัน
แต่การพัฒนาตัวเอง การตั้งเป้าหมายที่จะไปให้ถึง สามารถทำได้โดยไม่ต้องทนทุกข์กับสิ่งที่เป็นในปัจจุบันครับ
หรือ drive ที่คุณว่า จะต้องตะเกียกตะกาย ทุรนทุรายในสิ่งที่ยังไม่มี หรือเป็นสิ่งที่ต้องกู้หนี้ยืมสินเกินตัวเพื่อให้ได้มาเท่านั้นเหรอครับ?
พูดอะไรก็ได้ แต่ต้องดูพฤติกรรมอยู่ดี
ปากพูดพอเพียง แต่รวยเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้าน
นี่ก็เป็นความเข้าใจผิดอีกอย่างครับ พอเพียงกับรวยไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
ถ้าคุณพอเพียงแล้ว ไม่ว่าจะรวยหรือจนก็มีความสุขกับ"ปัจจุบันขณะ"ได้ แต่ถ้าคุณไม่พอเพียง ถึงจะมีเป็นแสนล้านก็โลภมากให้คนสาปแช่งได้เหมือนกัน
ซึ่งแนวคิดพอเพียง(ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดี) อาจจะออกจากปากคนที่ทำแบบนั้นไม่ได้ก็ได้ แต่มันไม่ได้เปลี่ยนเรื่องที่ว่ามันเป็นแนวคิดที่ดี
ถ้าคุณไม่เชื่อ แค่เพราะออกจากปากคนที่ทำเรื่องนั้นไม่ได้ คุณก็ตกตรรกะวิบัติข้อ Tu quoque fallacy แล้วครับ
หลักการจริงๆ ของพอเพียงไม่ใช่อยู่ในบ้านสวน ทำเกษตร ไม่แสวงหาความร่ำรวย ไม่สนใจเงินทอง อันนี้เป็นภาพจำที่คนเข้าใจผิดไปมาก
สมมติเราจะมีรายได้เดือนละ 300,000 เราใช้เงินไม่เกินตัวใช้เดือนละ 250,000 อันนี้ก็พอเพียง
หากเข้าใจผิดกันเยอะมาก ก็แสดงว่าล้มเหลวในการสื่อสารรึเปล่าครับ
ผมเข้าใจตรงนี้นะ ลองสมมุติคุณไปกู้เงินธนาคารเพื่อเปิดบริษัท แล้วถูกญาติบอกให้อยู่อย่างพอเพียงก็พอนี่ มันจะดีเหรอครับ? ทั้งที่บริษัทที่เราจะเปิดจะช่วยสร้างงานสร้างอาชีพและรูปแบบของบริษัททำเพื่อสังคม(บริการ sharing เพื่อลดปัญหาการแข่งกันตัดราคาและสะสมทรัพยากร)
ผมว่าการตีความว่าเกินตัวมันมีหลายมุมมองครับ เพราะธนาคารที่ให้สินเชื่อกับคนรอบตัวก็ต่างกันแล้ว
หากผมพอใจสิ่งที่เป็นอยู่ ผมก็ไม่ต้องพยายามดิ้นรนต่อเพื่อสังคมทั้งๆ ที่ผมรู้ตัวว่าทำได้ อย่างนั้นเหรอครับ
ไม่น่าใช่ล้มเหลวด้านการสื่อสารหรอกครับ ผมว่าคนสื่อสารยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ เพราะคิดเหมือนที่คุณคิดอยู่นี่แหละ
ย้ำอีกครั้งนะครับ พอใจสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่เท่ากับไม่พัฒนาตัวเองแล้ว ถ้าคุณไม่เข้าใจประโยคนี้แนะนำให้เลิกอ่านต่อได้เลย
อย่างที่บอก จริงๆแล้วมันคือหลักธรรมที่เรียกว่า"สันโดษ"ในพุทธศาสนา สันโดษคือความ"พึงพอใจในปัจจุบัน" หมายถึงรู้เท่าทันปัจจุบันว่าเรามีอะไร และไม่มีความทุกข์กับสิ่งที่มีอยู่
ยกตัวอย่างชัดๆเลย
ถ้าสมมติคุณมีแผนธุรกิจอยู่แผนนึง คุณศึกษามาอย่างดีจนมั่นใจแล้วว่ามันน่าจะสำเร็จ คุณวางแผนอย่างดีว่าถึงแม้ไม่สำเร็จก็จะไม่เดือดร้อนหนัก คุณเลยไปกู้ธนาคารเพื่อสร้างธุรกิจ อันนี้พอเพียง
แต่ถ้าคุณเห็นเพื่อนๆเปิดบริษัทกันร่ำรวย อยากจะรวยแบบเขาบ้างเลยไปกู้เงินธนาคารมาทำธุรกิจตามแบบ อันนี้ไม่พอเพียง
คุณทำเรื่องเดียวกัน (กู้เงินมาสร้างธุรกิจ) แต่อันนึงเกิดจากการประเมินตัวเองอย่างรอบคอบหรือก็คือรู้เท่าทันปัจจุบัน อีกอันเกิดจากความโลภหรืออิจฉา เห็นความแตกต่างมั้ยครับ?
ขออนุญาตแปะ Drive Theory ให้ลองศึกษาดูนะครับ แล้วมาถกกันต่อก็ได้ครับ
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Drive_theory
ขอบคุณมากครับ ขออ่านก่อนแล้วเดี๋ยวจะมาถกต่อนะครับ
อ่านจบแล้ว ผมคิดว่าพอเข้าใจแนวคิดคุณแล้ว แต่ถ้าอย่างนั้นต้องเปลี่ยนคำถามกันใหม่ครับ
คำถามแรกที่เราควรตั้งต้นกัน น่าจะไม่ใช่เรื่องพอเพียงเป็นเรื่องที่แย่ เพราะขัดกับหลักการกู้ยืมที่ดี (ซึ่งผมแย้งไปแล้ว)
แต่ต้องเป็น มนุษย์สามารถพัฒนาตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งสัญาชาตญาณพื้นฐาน/การตอบสนองอัตโนมัติได้หรือไม่
ผมเชื่อว่าได้ ส่วนคุณน่าจะเชื่อว่าไม่ได้ หรือได้ก็ไม่ดีเท่า
ซึ่งถ้าเป็นคำถามนี้ เราคงไม่ต้องถกกันต่อแล้ว เพราะน่าจะเป็นปัญหาที่ถกกันมาเป็นร้อยปีโดยไม่มีคำตอบ
ผลน่าจะจบลงที่ว่าเราต่างก็เชื่อเหมือนเดิม โดยยอมรับว่าความเชื่อของเราอาจจะผิดหรือถูกก็ได้ ละมั้งครับ
อย่างไรก็ ผมขอบคุณที่ได้มาถกกันอย่างมีอารยะครับ ❤️✌?
+1
พอเพียงยังไงครับ คนบอกให้พอเพียง เขาทำได้จริงมั้ยครับ ทั้งที่เราเสียงบไปกับพวกนี้เยอะมาก แถมเขาก็กินเงินภาษีเราด้วยครับ
ผมไม่แน่ใจว่าหมายถึงใครนะครับ ส่วนเขาทำคนนั้นทำได้จริงแค่ไหน ผมก็ไม่แน่ใจเช่นกันครับ อาจจะทำได้ หรือไม่ได้เลยก็ได้ครับ
แต่ผลลัพธ์หลายอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง ๆ ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มันแย่กว่าภาพในวีดีโอ หรือภาพในหัวที่เราจะตระหนักถึงได้อีกว่า พื้นที่พวกนั้น ลำบากขนาดไหน มันลำบากระดับที่ว่า ถ้าหน้าฝนแล้ว อย่าไม่สบาย ไม่งั้นอาจจะตายคาบ้านเป็นเรื่องปกติ ความตายมันใกล้ชิดกับคนเหล่านั้นมากในบางพื้นที่
และสมัยก่อนพื้นที่บนภูเขาทางภาคเหนือนี่ ยาเสพติดจริง ๆ ครับ อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่เขาทำกัน แต่ปัจจุบันก็เปลี่ยนไปเยอะแล้ว เพียงกฎหมายมันไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสงบได้ครับ มันต้องมีคนไปคุย ไปทำ ไปช่วยพัฒนา ซึ่งแต่ก่อน ผมก็เห็นแต่ในวีดีโอนั้นแหละครับ ก็ทราบเพียงเท่านั้น จนผมเริ่มเปิดใจ และออกเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ มันมากกว่าในวีดีโอ หรือในภาพความคิดของเราเยอะครับ
ยิ่งผมไปสัมผัสกับชีวิตของคนต่างที่เยอะมากเท่าไหร่ ผมยิ่งพบปัญหา วิถี ที่หลายอย่างมันเป็นประเด็นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงยากมากครับ แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนแปลงแล้ว และการเปลี่ยนแปลงนั้นมันค่อนข้างสงบมากเลยครับ ไม่เหมือนหลาย ๆ การเปลี่ยนแปลงที่เรารับรู้ ที่มักจะแลกมาด้วยการเสียเลือดเนื้อ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
อ่านไปอ่านมา เหมือนหลายๆ คนจะไม่เข้าใจวิถีพอเพียงนะครับ จริงๆ วิถีพอเพียงไม่ได้หมายถึงปลูกผัก ทำนา เลี้ยงไก่อย่างเดียว ทุกสัมมาอาชีพ สามารถใช้วิถีพอเพียงได้หมด
แต่ชอบที่คุณคอมเม้นต์จังครับ ได้สาระ มุมมองเพิ่มขึ้น
ใช่ครับ เป็นเจ้าของ scb ก็พอเพียงได้
จริงๆ แล้วผมว่าการพอเพียงมันก็คือการไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือยหรือไม่ใช้จ่ายเกินตัวเท่านั้น แต่คนเอาไปสื่อกันว่าเป็นการทำเกษตรแบบผสมผสานเลยทำให้เข้าใจผิดกัน ร.9 ท่านยังเคยออกมาตรัสเลยครับว่าคนเข้าใจคำว่าพอเพียงผิดกัน
เราจะอยู่ในกรุงเทพ ใช้เงินไม่เกินตัว พยายามไม่ก่อหนี้ ก็เป็นการใช้ชีวิตแบบพอเพียงแล้ว และก็ไม่ได้หมายความว่าการพอเพียงคือการพอใจกับฐานะที่เป็นอยู่เราอยู่ยังไงก็อยู่อย่างนี้ แต่เราจะหาทางทำให้มีเงินเยอะขึ้น อัพฐานะตัวเองขึ้นก็ได้
เง็งแค่คนไทยที่ร้อนตัวนี่ละ ที่ร้อนตัวดิ้นกันกระจายให้แค่ตะวันตกที่ลงทุนเพื่อสูบเงินที่พม่าไปเยอะก็พอ เพราะพม่าเล่นพวกนั้นแน่ ส่วนคนไทยเราธุรกิจมีมูลค่าสูงมีสัญญาคืนธุรกิจให้พม่าอยู่แล้วเป้นะุรกินร่วมทุนแบ่งสกิลคนทำงานไม่น่าได้รับผลกระทบอะไร ถ้าเราไม่เลือกข้าง(ไล่เรากลับก็โอเปอร์เรทกันไม่ได้) พม่าก็ยังไม่มีเหตุผลอะไรให้ประสาทแดกใส่เรา ทางตะวันตกมันก็ไม่น่าจะนักเลงตัวเองขาดทุนเลยสั่งเราถอนคนขาดทุนไปพร้อมกับมัน
แต่แถวนี้ไม่มีแบบ เห็นคนเอเชียแล้วไปผลักเขาจนลมและเสียชีวิตอ่ะนะ ลูกครึ่งญี่ปุ่นเกาหลี มาประเทศไทยก็ได้รับการต้อนรับอย่างแตกต่างจากที่เขาเจอในประเทศที่ผ่านมา ให้ความชื่นชมว่าไม่เคยพบลูกครึ่งเกาหลีญี่ปุ่นมาก่อน ดูเท่มาก แต่ในต่างประเทศมีแต่เหยียดหยาม
ลัทธิปลูกฝังความเกลียดชังมาจากประเทศที่เจริญแล้วและอ้างตนว่ามีเสรีภาพประชาธิปไตยทั้งนั้น มีครบหมดทั้ง KKK สร้างชนชั้นชาวยิว เหยียดสีผิว
ท่าทางจะอายุยังไม่เยอะ เกิดไม่ทันยุคที่คนไทยใช้คำว่า "ลาว" ในความหมายเชิงดูถูกสินะครับ
That is the way things are.
เราเหยียดขนาดมีองค์กรแบบ KKK ไล่ฆ่าคนลาวมั้ยครับ?
ไม่ใช่คนไทยไม่เหยียดนะ แต่เหยียดเรากับเหยียดเค้านี่น่าจะคนละเลเวลเลย
ยุคหนึ่งเราเคยมีพระพูดว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป"
มีคนจำนวนมากเชื่อวลีนี้และนำไป "ปฏิบัติ" จริงด้วยครับ
เรากับเหยียดไม่เท่ากันก็จริง แต่ก็ยากที่จะพูดว่าเราไม่ได้เลวร้ายเท่าเขา เพราะเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นในอดีตที่ timeline และความตระหนักรู้ของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน
ตอนนี้สหรัฐก็ไม่ได้มี KKK อย่างออกหน้าออกตาเหมือนสมัยก่อนแล้วครับ เราเองก็ไม่ได้ฆ่า "คอมมิวนิสต์" แล้วเช่นกัน
That is the way things are.
"ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป" นี่ไม่น่าใช่ประเด็นเหยียดรึเปล่าครับ?
อีกอย่าง ตัวการสร้าง"ปีศาจคอมมิวนิสต์"ก็ไม่ใช่ใครอื่นนะครับ เราแค่รับมาปฏิบัติแบบไม่ลืมหูลืมตา
อันนี้ไม่ใช่เราดีกว่าเขานะครับ การที่เราเชื่อเขาแบบไม่ลืมหูลืมตานี่เลวร้ายไม่ต่างกัน (และอาจเลวร้ายกว่าด้วยซ้ำ)
แต่เราเลวร้ายมากกว่า ไม่ได้ทำให้ประเด็นว่าบ้านเราเหยียดชาติพันธ์น้อยกว่าบ้านเขาเป็นเท็จนี่ครับ
ผมว่ารวม ๆ การเหยียดกันเนี่ย รากของตรรกะของมันคือความเชื่อที่ผิดและความหลงตัวเอง
การเหยียดคนผิวสีอื่น เชื้อชาติอื่น ไม่ใช่เพราะคนเหยียดเกลียดสีผิวนั้น ๆ ไม่ได้เกลียดสีดำ สีเหลือง สีแดง แต่จริง ๆ แล้วคนที่เหยียดเชื่อว่าชาติพันธุ์อื่นนั้นด้อยกว่าตนเอง ตนเองสามารถข่มเหงได้เหมือนบี้มดบี้แมลง
เทียบเคียงกับการฆ่า "คอมมิวนิสต์" ผมว่ามันก็คือเรื่องของการเชื่อว่า "คอมมิวนิสต์" เป็นพวกที่ตรรกะเลวร้าย ด้อยค่ากว่าระบบที่ตัวเองเชื่ออยู่ แล้วมองว่าคนที่ตัวเองเชื่อว่าเป็น "คอมมิวนิสต์" มีศักดิ์ศรีความเป็นคนน้อยกว่าตนเอง ด้อยกว่าตนเอง จึงสามารถฆ่าได้ไม่ผิด
ผมมองว่ามันคล้ายกันจึงได้นำมาเปรียบเทียบกันครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมเห็นด้วยว่าตอนนี้เราตื่นตัวเรื่องการเหยียดกันมากขึ้น เราลด ego ลงไปมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในประวัติศาสตร์เราไม่เคยมี "ความเหนือกว่า" ชาติอื่นเท่าไร ในขณะที่ทางอเมริกายังมีปัญหาเรื่องนี้มากกว่าเราครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าฝรั่งจะเป็นแบบอเมริกาหมด ผมว่ายุโรปหลายประเทศก็ไม่ได้เหยียดกันมากครับ
That is the way things are.
คห นี้ เผยธาตุแท้ในจิตใจได้ออกมาละ
ดูออกแหละ ลึกๆในใจอะ
ต่อต้านตะวันตก
มีแนวคิด Asian Supremacy
ซึ่งก็ไม่ต่างกับพวก White Supremacy
พื้นฐานความคิดไม่ต่างกัน
อิอิ
คำใช้เหยียดก็เยอะนะครับ ไอ้ลาว ไอ้เจ๊ก ไอ้แขก ไอ้แกว
หลายคนอาจไม่เห็นว่ามันเป็นคำเหยียด แต่สำหรับผม เห็นว่ามันก็ค่อนข้างเหยียดนะ
เชียร์ให้ประชาชนชาวเมียนมาสู้ๆ ครับ
ไม่อยากให้เป็นแบบประเทศเรา
จะซีเรียส ไปทำมัยกัน เรื่องชาวบ้านแท้ๆ ฟังแล้วผ่านไปเฉยๆดีกว่า อืม...
เวลาเราเครียดมันจะทำให้เราไม่มีความสุข ไม่ควรอินให้มากการเมือง มันเปลี่ยนตลอดเวลา
ประชากรซึมเศร้าเต็ม twitter ไปหมดเลยครับ ไม่รู้จะ educate ยังไงเหมือนกัน
สังเกตดูนะ เวลามีคนนึงเปิดประเด็น คนมา reply ตอบ ต่อเป็นล้าน ไล่ profile ดู มีแต่พวกไปชุมนุมทั้งนั้น
เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา
โหดแท้ แต่อ่านแล้วก็เฉยๆ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีละกัน
ดิฉันไม่ข้องใจใดๆ ยกเว้นเรื่องศาสนาค่ะ
เห็นคนพยายามอธิบายเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงยาวเป็นพรืด
อยากบอกว่าเสียเวลาอ่ะครับ
PR กันมาทั้งช่วงชีวิต ปลูกฝังความคิดกันมาหนึ่งอายุคนเต็มๆ แต่
1. ไม่เกิดประโยชน์อย่างที่อ้าง มีแต่กลุ่มคนที่ใช้ในการ PR แต่ประชาชนส่วนใหญ่จับต้องไม่ได้
2. การรับรู้แบบผิดๆ มากมาย แสดงให้เห็นถึงวิธีการสื่อสารที่ผิดพลาด