ก่อนหน้านี้ แม้ในข้อตกลงการใช้งานของ Netflix เอง จะระบุว่า บัญชี Netflix นั้นห้ามใช้เพื่อการซื้อขาย และสามารถแชร์ได้แค่ภายในบ้านเดียวกันเท่านั้น แต่ Netflix ก็ยังไม่เคยบังคับใช้อะไรมากนัก
แต่วันนี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @DOP3Sweet พบว่าหน้าจอทีวีมีขึ้นข้อความ เตือนว่าหากไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับเจ้าของบัญชี ต้องใช้บัญชีของตัวเอง และต้องยืนยันผ่านทางอีเมลหรือ sms หรือสมัครบัญชีใหม่เพื่อดูต่อ
เว็บไซต์ The Streamable และ The Record ติดต่อไปถาม Netflix และได้คำตอบเดียวกันว่า “การทดสอบนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้บัญชี Netflix นั้นๆ ได้รับอนุญาตให้ใช้งานบัญชีนั้นอย่างถูกต้องจริงๆ”
คำอธิบายเหมือนจะพูดไปในทางการป้องกันการใช้งานบัญชีที่ถูกแฮก ซึ่งมีขายอยู่ตามท้องตลาดเรื่อยๆ แต่ก็ไม่แน่ชัดว่าในการทดสอบนี้ มีการตรวจสอบว่าผู้ใช้ทุกคนบนบัญชี ต้องมีเลข IP เดียวกันหรือไม่
ส่วนผู้ใช้บน Reddit และ Hackernews ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทดสอบนี้นัก แม้จะมีประโยชน์ด้านความปลอดภัยก็ตาม แต่ก็เพิ่มข้อจำกัด หากแบ่งบัญชีใช้กับญาติที่อยู่คนละที่กัน
ในปัจจุบันที่การแข่งขันของบริการสตรีมมิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง Disney+, Apple TV+, HBO Max, Prime Video และอื่นๆ ทุกเจ้าต่างชิงชัยกันด้วยจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน ทำให้ข้อบังคับในการห้ามแชร์บัญชี แม้ยังไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดนัก แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
ที่มา - Twitter: @DOP3Sweet via The Streamable, The Record
ภาพจาก Twitter: @DOP3Sweet
Comments
ไม่เอาหารแต่ขอถูกลงได้เปล่า
ดูหนังไม่อั้นเดือนละ 279 บาท "ยัง" แพงไปอีกเหรอครับ?
279 ดูได้ SD แพงไปครับ ดูได้ไม่อั้นแต่ไม่ใช่ทุกคนจะดูเยอะอย่างนั้น บางคนคุ้ม บางคนไม่คุ้ม แต่ราคานี่ผมไม่ดูนะ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
แล้วต้องราคาเท่าไรดี?
คิดรายเรื่อง, ราย EP หรือราย Season
SD 50 บาท
4K 100 บาท
ถ้าเหมาก็รายเดือน 279 บาทเหมือนเดิม
เค้าไม่ต้องการแบบนั้นไงครับ เค้าต้องการให้ดูเยอะๆ ดูไม่หยุด มีคู่แข่งเป็นเวลานอน
business model แบบนี้เจ๊งกันพอดี แค่ค่า maintenance ยังไม่พอเลย คนที่อยากได้โปรโมชันนี้ไม่ได้ดูหนังบ่อยขนาดนั้น ทำไปก็ไม่คุ้ม
ไม่อยากเรียกว่าเท่าไหร่ดี เพราะดีแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับผมราคาที่ผมจ่ายสำหรับ content ของ netflix 1xx ขอ HD หรือ 4K ได้ก็ดี
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ส่วนตัวถ้าดูเดือนละ 1-2 เรื่องคงไม่มีอะไรคุ้มครับ ถ้าให้เซ็ตราคาที่ความคุ้มเป็นที่ตั้ง T_T
คิดค่าดูตามนาทีได้ไหม
รายวันก็ดีนะ
จะตามรอย Spotify สินะ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ก็ลองดูซิ เหอๆ
อ่าวโจรสลัดถูกใจข่าวนี้
งงว่าจะเช็คยังไง เพราะไอพีมันเปลี่ยนเรื่อยๆ
เพื่อนผมใช้ทีวี LG ดู มันก็ขึ้นไอพีจังหวัด ชัยนาทบ้าง นครสวรรค์บ้าง พิจิตรบ้าง ทั้งๆที่เพื่อนผมดูที่เพชรบูรณ์
และเพื่อนมีอีกเครื่องยี่ห้อ Hisense มันก็ขึ้นไอพี ชัยนาทสลับกับอุทัยธานี
ส่วนทีวี samsung ของผมบางวันก็ขึ้นไอพีกทม บางวันก็ไปโผล่นนทบุรี
และ device อื่นๆก็กระจายไปหลายจังหวัดรวมๆแล้วก็ 10 กว่าจังหวัด มีตาก กับมหาสารคามปนมาด้วย
เดาว่าสุ่มเช็คเวลาที่มีหลาย users ในบัญชีเดียวกัน เปิดดูในเวลาเดียวกันครับ เพราะ IP ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันมาจากการที่ IP ที่เรายืมมาใช้จาก ISP มันหมดเวลาแล้วเปลี่ยนเป็นอันอื่นครับ มันเลยสลับโลเคชั่นด้วย (โลเคชั่นจาก IP ก็เป็นการกะคร่าวๆ บางทีเลยมั่วจังหวัด)
ถ้าเวลาเดียวกัน เช็คจาก IP จริง อยู่บ้านเดียว ใช้เน็ตเดียวกัน ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ทั้งนี้ก็ไม่แน่ครับ เพราะ Netflix ก็ไม่ได้เปิดเผยว่าเช็คจากอะไร อาจมีปัจจัยอื่นๆ ด้วย
ก็ถึงว่า น้องผมคนนึงอยู่ทุ่งครุ อีกคนอยู่บางนา แต่เมล์เขียนว่าล็อกอินจากนนทบุรี
ไม่ให้หาร ก็ลดราคา
ดูหนังไม่อั้นเดือนละ 279 บาท "ยัง"แพงไปอีกเหรอครับ?
แพงครับ
ส่วนตัว ถ้ามีแต่เมะเก่า update ช้า เหมือนเป็นลูกเมียน้อยเมื่อเทียกับโซนอื่น มีแต่แนะนำหนังเกาหลีซึ่งผมไม่สนใจมาแปะสร้างความรำคาญ 100 ก็ถือว่าแพงครับ แต่ในทางกลับกันถ้ามีเมะไหม่ ไม่ลบของเก่าแบบโซน ญี่ปุ่น จ่ายเดือนละ 1000 ก็ ถือว่าถูก
น่าจะมี family plan ออกมาบ้าง คล้ายๆ แบบแพงสุดตอนนี้ แต่ว่า invite email ได้ 3 คน (รวม 4 คน) แต่ละคนดู 4K ได้แต่ 1 คนก็ดูได้ครั้งละเครื่องเท่านั้น ส่วนตัวก็ใช้แบบแพงสุดเพราะจะดู 4K ก็หารกับพี่น้องในครอบครัว (อยู่คนละบ้าน)
+1024
เตรียมย้าย Platform
จริงๆ มันก็ช่วยได้นะครับ เพราะผมก็เคยโดนคนแอบเอา login ไปใช้ มารู้ตัวก็ตอนที่เห็น recently play list มันเป็นหนังอินเดียหมด ปรากฏว่า login มาจากอินเดียเพียบเลย 555
ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ เพราะจ่ายรายเดือนคนเดียวอยู่แล้ว
แต่คอนเท้นของพี่มันไก่กาเยอะมากๆ รอดู Army of the dead ของแซ็คแล้วค่อยโบกมือลารอซบอก Disney+
หารกับน้องชายแท้ๆแต่อยู่คนละบ้านเช่นกัน ตอนนี้ก็แทบไม่ได้ดูอะไร มีแต่หนังเกาหลี ซึ่งไม่ถูกชะตาเท่าไร ไล่ดูแต่seriesญี่ปุ่นก็มีแต่เก่าๆแบบหลายปีก่อน
ถ้าจะเข้มงวดเรื่องhack ก็ต้องแบบตอนloginครั้งแรกให้ยืนยันcode จากemail แต่ถ้าต้องยืนยันทุกครั้งที่เปิดแอพ มันจะกลายเป็นกีดกันการห้ามเล่นข้ามบ้านนั่นแหละ
สมัครเมล์กลาง เอาไว้ใช้กับ NF โดยเฉพาะโลด
คนที่บ่นแพง นี่เงินเดือนเท่าไรเหรอครับ
จะเงินเดือนเท่าไรเค้าก็มีสิทธิ์บ่นแพงครับ เพราะคอนเท้นท์มีจำกัด ทำให้ไม่สามารถสมัครอันเดียวดูได้ทุกอย่าง พอรวมๆกันหลายตัวมันก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เยอะอยู่ครับ แล้วมันต้องจ่ายทุกเดือน โดยที่บางเดือนก็ไม่ได้ดู
ไอที่บอกหนังไม่อั้นเนี่ย มันตื่นเต้นแค่แรก ๆ เท่านั้นล่ะครับ ผ่านไปสามสี่ปีแบบผมมันเริ่ม "ไม่มีอะไรจะดู" แล้ว หนังใหม่ ๆน่าสนใจก็น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นซีรี่ย์เกาหลี หนังเก่า ๆ ยังมีน้อยเลย เรื่องที่อยากดูส่วนใหญ่ก็ไม่มี
แล้วที่บอกแพงเนี่ยผมคิดเลยว่าพวกนี้ใช้มาแล้วไม่ต่ำกว่าปี ดูจนพรุนแล้ว เปิดมาแทบไม่รู้จะดูอะไร จ่ายทิ้งไปเปล่า ๆ แต่ละเดือน ไม่จ่ายก็ไม่ได้ มันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง แต่จ่ายไปก็ไม่รู้จะดูอะไร
มัน"แพง" ตรงนี้ครับ ไม่ใช่ราคา ถ้าราคานี้ ดูหนังได้ทุกอย่างบนโลก ไม่แพงครับ บอกเลย
นี่มีแทบครบทุกเจ้า Netflix, HBOgo, Viu, iQiyi, Wetv หลัง ๆ เลิกจ่ายพรีเมี่ยมทุกเจ้าแล้ว จ่ายแค่มีหนัง/ซีรี่ที่จะดู เดือนนึง หลายตังนะครับ
รอ Disney+ เนี่ย
แล้วเท่าไรถึงคิดว่าถูก?
ที่ผมถามเพราะเงินเดือนมันคือรายรับ รายรับเท่าไรจะสะท้อนกำลังซื้อสินค้าเอง
เค้าก็มีหลากหลายราคาตามกำลังให้เลือกตามกำลังทรัพย์ ถูกสุดก็ 99 บาท ยังบ่นว่าแพง ผมถึงอยากรู้ว่าเงินเดือนคุณเท่าไร?
หรือจริงๆแล้ว อยากได้ของดี แต่อยากจ่ายถูก?
ไม่ว่าจะรวยหรือจะจนทุกคนก็น่าจะอยากได้ของดีราคาถูกนะครับ
แปลว่าผมแปลกคนสินะ ที่ไม่เคยคิดแบบนั้น ของดีทำไมต้องอยากจ่ายถูก ทุกคนมีได้มีเสีย เราได้เค้าก็ต้องได้ด้วย
ถูกหรือแพงมันไม่ได้อยู่ที่ว่าราคาเท่าไหร่หรีอมีเงินเดือนเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่ามันคุ้มค่ากับที่จ่ายหรือไม่
ต่อให้เงินเดือนผมเป็นล้าน ถ้าจ่ายร้อยบาทแล้วไม่ได้อะไร สำหรับผมมันก็คือแพง
และแน่นอนว่าความคุ้มค่าของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน บางคนดูซีรีย์หนึ่งเรื่องต่อเดือนก็มองว่าคุ้มแต่บางคนก็มองว่าไม่คุ้ม เพราะงั้นไม่ว่าคุณจะคิดว่ามันถูกหรือแพงอย่างไร คุณก็ไปเปลี่ยนความคิดคนอื่นเขาไม่ได้ เพราะงั้นไม่ต้องไปพยายามเอาชนะคนอื่นหรอกครับ
ท้ายที่สุดแล้ว... มีใครไม่อยากได้ของดีแล้วจ่ายถูกด้วยเหรอ?
รายรับไม่ได้บ่งบอกว่าสินค้าถูกหรือแพงครับ มันอยู่ที่คนคนนั้นมองคุณค่าของสิ่งที่จ่ายไปยังไง
ถ้าสิ่งที่จ่ายไปมันไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับ คือแพงครับ แต่ถ้ามันคุ้มหรือเกินคุ้มคือถูก
รายได้มันเป็นตัวกำหนดว่า ไอสิ่งที่คิดว่าถูกหรือคุ้มค่ากับเงินที่เสีย เราจ่ายไหวไหม เท่านั้นครับ
เช่น สมมติมีคฤหาสน์ใจกลางเมือง ราคาสิบล้าน ถือว่าถูกมาก แต่ถ้าเป็นคอนโดห้องเล็ก ๆ ชานเมือง สิบล้านก็ถือว่าแพง ทั้งที่จำนวนเงินเท่ากัน
ถ้าเรามีเงินร้อยล้าน เราก็คงซื้อคฤหาสน์สิบล้านได้ และคิดว่าถูกด้วย กลับกัน ผมคงไม่ซื้อคอนโดบ้าไรตั้งสิบล้านชานเมืองห้องเล็ก ๆ ถึงแม้ว่าผมจะมีเงินจ่าย แต่ถ้าเรามีเงินสามแสน เราคงซื้อไม่ได้ต่อให้เราคิดว่ามันถูกก็ตาม
หรือบางคนเงินเดือนหมื่นนิด ๆ แต่ซื้อไอโฟนรุ่นใหม่ตัวท๊อป ผ่อนเอา แต่คนมีรายรับเดือนละเป็นแสน มองว่าแพงเกินไปไม่ซื้อ มันก็มีครับ
สรุป ผมมองว่า Netflix ณ ปัจจุบัน คอนเท้นที่มีในไทย เดือนละ 2-300 ผมมองว่าแพง ผมมีเงินจ่ายแต่คงไม่จ่าย แต่ถ้า Family ผมหารกับเพื่อน 4 คน ผมว่าถูก และยอมจ่ายได้ครับ
2-3ร้อยบอกแพง เค้าก็ถึงออก 99 มาให้เลือกไงครับแล้วทำไมไม่เลือก? หรือจริงๆแล้วอยากได้ของดีราคาถูกว่างั้น?
ถามทำไม 99 ไม่เลือก ในตารางที่คุณลงไว้มันก็บอกอยู่แล้ว คนที่ไม่เลือกก็เพราะเค้าต้องการช่องที่มันไม่ได้ติ๊กถูกในแพ็ค 99 ไงครับ ต้องการดูบนทีวี ฯลฯ และใครไม่อยากได้ของดีราคาถูกบ้าง ถ้า value ของคนซื้อไม่ตรงกับราคาที่ตั้งของคนขาย เค้าก็ไม่เลือก และแต่ละคนมอง value ไม่เท่ากัน คนดูเยอะ ชอบ series มันคุ้ม แต่คุณจะพยายามไปไล่ถามคนที่เค้าดูน้อยหรือคิดว่าไม่คุ้มให้มันคุ้มหรอ
แพงที่หลายๆ คนในที่นี้พูดมันคือ value ที่เค้าได้รับ ไม่ใช่เรื่องการตั้งราคาแพง ร้านบุฟเฟต์ มีอาหารอย่างดี บางคนก็บอกไม่แพง บางคนก็ไม่กินเพราะเค้ากินได้น้อยไม่คุ้ม มันไม่ใช่เรื่องการตั้งราคา แต่มันคือเรื่อง value ที่ลูกค้าได้รับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ก็คือสรุป อยากจ่ายเงินน้อยแต่อยากได้ของดีๆใช่มั้ยครับ?
มีเจ้าไหนที่ถูกกว่า netflix อีกมั้ยครับ ทั้งปริมาณหนัง+คุณภาพหนัง
มันคุ้มผมก็จ่าย ไม่คุ้มก็ไม่ซื้อไง เข้าดูหนังโรงเป็นเรื่องๆ ซื้อดูเอาเป็นเรื่องๆ ไง เหมือนคุณยังไม่เข้าใจประเด็นคนอื่น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
บางปัญหาไม่เกี่ยวกับรายได้ แต่ถ้า Content ที่ Update หมวดหมู่ที่ดูมีน้อยมาก แถมกรณีถ้าดูหมดไม่มีอะไรจะดูแล้ว จ่ายบาทเดียวก็แพงครับ เพราะจ่ายเลี้ยง account ไว้ก็ไม่ได้สิทธิพิเศษอะไร เป็นการจ่ายทิ้งไปเฉยๆ
เค้าถึงมี option ให้ยกเลิกได้ตลอดไง ไม่อยากดูไรแล้วก็ยกเลิกแค่นั้น
มาจากพันทิปเหรอครับ
ผมไม่ทันห้างพันทิปอะ เจ๊งซะก่อน
ถูกแพงไม่ได้วัดที่เงินเดือน แต่วัดจากความพึงพอใจ
คุณมีปัญหาอะไรกับคนที่บ่นว่าอยากให้ลดราคาหรือครับ
แล้วคุณมีปัญหาอะไรกับคนไม่บ่นว่าแพงครับ
ผมเห็นคุณไปมีปัญหากับคนที่บ่นว่าแพงก่อนใครเลยนะครับ :P
//คนที่บ่นแพง นี่เงินเดือนเท่าไรเหรอครับ//
สำหรับผมคิดว่าคำว่าแพงไม่แพง เป็นrelative ขึ้นกับการให้คุณค่าที่อาจมีปัจจัยบางส่วนจากรายได้
อย่างที่ข้างบนว่าไปแล้ว รายได้มันจะเป็นตัวบอกว่าคุณมีกำลังพอจ่ายได้ไหม ไม่ใช่แพงไม่แพง เพื่อนผมที่มีทรัพย์สินมากกว่าผมหลายเท่าก็มองว่างานอดิเรกของผมบางอย่างแพง เพราะไม่สนใจ
สิ่งสำคัญคือความรู้สึก ความสนใจในตัวสินค้านั้นๆมากกว่า
เช่นบางคนบอกหนังมีเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง นั่งดูทั้งวันก็ไม่หมด แค่นี้ถูกมาก แต่สำหรับคนที่หนังที่สนใจดูมีไม่กี่เรื่อง ก็อาจจะคิดว่าแพง หรือคนที่แทบไม่มีเวลาดูเอง ยิ่งแพงไปใหญ่
สุดท้ายมันต้องคำนึงถึงค่าเฉลี่ยความรู้สึกของตลาด เพราะถ้าคนส่วนใหญ่คิดว่าแพงไปก็จะไม่จ่ายจนไม่มีรายได้ ถ้าตั้งถูกไปรายได้ก็ไม่พอ มันก็ต้องหาจุดที่ลงตัวพอดีๆ
การสร้างvalue added ด้วยการเพิ่มoriginal content ก็เป็นส่วนหนึ่งรวมไปถึงการตลาดแบบแชร์กันได้ที่มีมาแต่แรก ทำให้คนไม่รู้สึกว่าแพงไป แต่สุดท้ายมันก็ต้องปรับเปลี่ยนไป และก็อาจจะมีผลกระทบทั้งทางดีหรือไม่ดี ก็ต้องรอดูผลนั่นแหละครับ
ลองสังเกตคอมเมนท์อื่นที่ตอบคุณได้ครับ ผมไม่มีปัญหากับคนบ่นไม่แพง แต่เห็นคุณนี่แหละมีปัญหากับคนที่บ่นอยากให้ลดราคา
ขอ Plan Ultra HD สำหรับ คนเดียวหน่อยเถอะ
คือรู้สึกว่ามันยังไม่คุ้มสำหรับคนดูคนเดียวเท่าไหร่เลย
netflix กำลังโยนหินถามทางอยู่รึเปล่า
เชียร์เต็มที่ รำคาญพ่อค้าหาผลประโยชน์ ในคอมเม้นเฟส
ก็เฉยๆนะ เพราะทุกวันนี้ก็จ่าย 349 ดูกับแม่ก้โอเค และไม่ได้จ่ายทุกเดือนอยูุ่แล้ว รอจ่ายเวลามีหนังที่อยากดูเข้าค่อยจ่าย อย่างเดือนนี้จ่ายเพื่อดู Pacific Rim กับ Violet Evergarden แล้วก็ Cancel ไปเลย คิดว่าคงได้ซื้ออีกทีช่วงปลายปี รอ Star Trek Discovery ภาคใหม่
จริงๆผมว่าระบบ Streaming มันไม่เวิร์คในตัวเองตรงที่ ทำไมเราต้องจ่ายเงินทุกเดือนเพื่อดูอะไรซ้ำๆ อย่างเช่นถ้าผมชอบหนังซักเรื่อง ต้องมานั่งจ่ายทุกเดือนเพื่อดูหนังซ้ำ ผมก็ซื้อแผ่นดีกว่า แถม Streaming ถ้าหมดลิขสิทธิ์เอาหนังออกดูไม่ได้อีก
จริงๆแค่ไม่ขึ้นราคาผมก็โอเคแล้ว
iFLix ว่าไง?
ผมไม่ได้สมัครทุกเดือน เดือนไหนว่างก็ต่อ แต่เดือนล่าสุดเพิ่งต่อไม่ถึงอาทิตย์พบว่า มี plan Mobile+ มาแทน Basic ข้อแตกต่างคือ Mobile+ ราคา 179 บาท ดูได้แบบ HD ไม่สามารถดูบน TV ได้แต่สามารถดูใน PC ได้ ถ้าเปิดใช้ทั่วไปก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Basic นะครับ
ปล.ผมไม่ได้ไปทำไรแปลกๆอย่างเช่นการโกงอะไรระบบนะ มันมาให้ผมเลือกแบบนี้เองเฉยๆเลย
งงคนตามปกป้องนายทุนอะไรขนาดนั้น แพงถูกแต่ละคนไม่เท่ากันอยู่แล้ว ลองไปดูค่ายอื่น ๆ แล้วจะรู้ว่าไอ 279 มันแพงหรือไม่แพง
แอปไหนครับ? ขอดูเปรียบเทียบทีครับ
ถ้าในหมวดอนิเมะ Netflix ไทย ถ้าเทียบกับ App เจ้าอื่นถือว่าแพง update ช้า แปลห่วยเนื้อความหายไปบานเพราะแปลจาก Jp->En->Th ครับ
แล้วทำไมถึงแพง เอาเป็นว่าลองเทียบกับ App เจ้าอื่นอย่าง iqiy และ bilibili นะ
สองเจ้านี้เริ่มต้นที่ดูฟรี และ update แทบจะชนกับญี่ปุ่นห่างกันไม่กี่ชั่วโมง iqiy ถ้าสมัครรายปีเท่ากับจ่ายเดือนละร้อยแค่นั้นเอง ถ้าไม่สมัครรายปี ตอนนี้ก็มีโปรแปลกๆ แบบรายเดือน เดือนละ 15 บาท และปริมาณ content ในหมวดนี้ bilibili ก็เยอะกว่า Netflix มาก
แถมเรื่องการแปลหลายเรื่องจาก iqiy ที่ฉายชนกับญี่ปุ่นห่างกันไม่กี่ชั่วโมง ก็แปลจาก Jp->Th ด้วยนะ
แต่ใน netflix ไม่ได้มีแค่หมวดการ์ตูนถูกมั้ยครับ?
เห็นคนเถียงเอาแต่ให้ตัวเองชนะมาหลายคอมเมนต์ละ ขออนุญาตขยายความนิดนึง
เค้ายกตัวอย่างอะนิเมะ แต่ไม่ได้หมายความว่าแพลตฟอร์มที่เค้ายกตัวอย่างมันมีแต่อะนิเมะครับ
ไม่รู้คุณจะเดือดร้อนอะไรเยอะแยะ แต่ละคนเค้าก็ชอบอะไรไม่เหมือนกัน คุณจะอ้างว่าก็คุณชอบ คุณยินดีจ่ายแพง อันนี้มันก็เรื่องของคุณ แต่การที่คุณเถียงด้วยการ defend สุดลิ่มทิ่มประตูโดยไม่ฟังเหตุผลที่คนอื่นพยายามจะยกมาด้วยปัญญามันคือการสนทนาที่สูญเปล่านะ อยากเตือนเอาไว้น่ะครับ
ป.ล. ผมเองยินดีจ่ายรายเดือนให้ Netflix แม้จะรู้สึกว่ามันแพงแต่ยินดีจ่ายเพราะผมใช้บ่อย และไม่เกี่ยวว่าเงินเดือนผมเยอะ กรุณาทำความเข้าใจเรื่องรายรับรายจ่ายซะใหม่ด้วย
ผมใช้หมวดนี้เป็นหลักเลยเทียบจากหมวดนี้ครับ ซึ่งแค่หมวดนี้ก็ถือว่า Netflix content น้อย แพง และคุณภาพห่วยกว่าเจ้าอื่นจริงไหมครับ?
เอาง่ายๆ การแปล สมัยก่อนยังมีคนเข้าข้างว่า Netflix ว่า LC มาเยอะ โซนเราคนน้อยเลยต้องแปลจาก JP->EN->TH แต่เดี๋ยวนี้แล้วไงยี่ห้อเกิดใหม่แปลตรง JP->TH เลย ซับดีกว่าถูกต้องว่า
เดี๋ยวนี้ตลาดไม่ได้มีแต่ Netflix เจ้าเดียว ยี่ห้อเกิดใหม่ราคาถูก content ดีกว่าเยอะกว่ามีเกิดใหม่เรื่อยๆ
ก็ถึงได้ถามไปไงว่าแอปไหน จะได้ไปลองเอามาเปรียบเทียบดู ซึ่งคุณก็ไม่บอกซักกกกกกกกกที
ขอบอกก่อนว่า ผมไม่ได้เป็นลูกค้าของ platform เหล่านี้เลย ซึ่งก็แปลว่าโดยต้นทุนความรู้เรื่องพวกนี้ของผมแทบจะไม่มีเลยนะครับ
แต่ที่ผมจะสาระแนคุณ mbaextra นี่ก็เพราะที่คุณว่า "...ก็ไม่บอกซักกกกกกกกกที"
เอ.. ผมก็เห็นคุณ PandaBaka เขาก็บอกนะครับว่า iqiy และ bilibili ตั้งแต่ 08:52 แล้วนะครับ ตั้งเกือบ 8 ชั่วโมงก่อนที่คุณจะมาเม้นท์ "...ก็ไม่บอกซักกกกกกกกกที" เนี่ยครับ
ผมซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย ก็ตามไป Google ด้วยคำว่า iqiy (ที่จริงควรเป็น iQIYI) และ bilibili ดูเอา ก็ยังเกิดรู้เรื่องขึ้นมาได้เลยครับ
ผมชักจะเห็นด้วยกับคนอื่นๆ ว่าคุณหลับตาเถียงจริงๆ
แนะนำว่า อย่าทำลายตัวเองต่อไปเลยครับ
เขาแค่อยากเอาชนะครับ ไม่ได้อยากรู้จักแอปอะไรเพิ่มหรอก
อะไรที่เถียงไม่ได้เขาก็ทำเป็นมองไม่เห็น แล้วก็หาช่องโหว่จากคอมเมนต์เปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นต่อเพื่อเอาชนะให้ได้แค่นั้นเอง เช่น มองหาจุดด้อยจากแอปอื่นๆแล้วเอามาเถียงต่ออะไรทำนองนี้
ห้างมีหลายสินค้ามาวางขาย แต่เค้าเลือกจะเอาสินค้าหมวดเดียวมาเทียบว่าห้างนี้มีสินค้าน้อยไม่คุ้มเนี่ยนะ? หลักการเทียบคือแฟร์แล้ว?
แล้วทำไมเราจะต้องสนล่ะครับถ้ามันไม่ใช่สินค้าที่เราต้องการจะซื้อ?
เราไม่ได้คุยเรื่องแอปไหนดีกว่ากันแต่เราคุยเรื่องอันไหนถูกแพงหรือคุ้มค่ามากกว่านะครับ ซึ่งเรื่องพวกนี้ "คนขาย" ไม่ได้เป็นคนตัดสินแต่เป็น "คนซื้อ" ต่างหากครับ นั่นหมายความเราไม่ได้ตัดสินจากที่ว่า "เขาให้อะไร" แต่เราตัดสินจากที่ว่า "เราได้อะไร" ต่างหาก
มีหนังยอดเยี่ยมหลากหลายเยอะแค่ไหน ถ้ามันไม่ใช่หนังที่เราดูมันก็ไม่ต่างจากไม่มีซักเรื่องนั่นแหละครับ
เห็นด้วยเรื่องหมวดอนิเมะ ถ้าจะมีข้อดีในหมวดนี้ ก็คงเป็นเรื่องที่มีเสียงอังกฤษ ยังพอช่วยได้เวลาไม่อยากอ่านซับก็เปิดเสียงอังกฤษดูไปเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นเว็บไหน เป็นไปได้อยากขอเสียงไทยเยอะๆเลยละครับ ขี้เกียจทั้งอ่านซับและดูเสียงอังกฤษ