มือถือจอพับได้ เป็นอีกนวัตกรรมฟอร์มแฟกเตอร์ของสมาร์ทโฟน ที่ก่อนหน้านี้ดูจะมีแต่รูปทรงเดิมๆ ติดต่อกันมานานหลายปี จนกระทั่งมาเป็น Galaxy Z Flip ในปีก่อน ที่เปิดตัวมาในราคา 44,990 บาท แต่ยังมีสเปกที่ด้อยกว่า ไม่กันน้ำ หน้าจอแบบพับได้ก็ยังไม่แข็งแรงนัก แถมมีราคาสูง
มาคราวนี้ มือถือจอพับได้รุ่นใหม่ของ Samsung ที่แม้จะใช้ชื่อว่า Galaxy Z Flip 3 แต่เป็นรุ่นที่สองของตระกูล Z Flip ส่วนเลข 3 นั้น กระโดดข้ามมาเพื่อให้เข้ากันได้กับ Galaxy Z Fold 3 และดูเหมือนว่านอกจากตัวเลขที่ก้าวกระโดดแล้ว การพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ในการใช้งานจริงของ Z Flip 3 ก็ก้าวกระโดดจากรุ่นแรกพอสมควร แถมยังมาในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น ที่ 34,900 บาท ไล่เลี่ยกับมือถือเรือธงตัวท็อปทั่วไปในปัจจุบัน
สเปก
หน้าจอและลักษณะภายนอก
เริ่มต้นที่หน้าจอด้านนอกหรือ cover screen ที่ใหญ่ขึ้นจาก 1.1 นิ้วในรุ่นแรก เป็น 1.9 นิ้ว ความละเอียด 260x512 พิกเซล เมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็ใช้งานได้จริงมากขึ้น ทั้งเพื่อถ่ายรูป หรือใช้เพื่ออ่านแจ้งเตือน โดยผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนสไตล์นาฬิกา หรือเปลี่ยนวอลล์เปเปอร์ของหน้าจอภายนอกได้ในการตั้งค่า
Samsung ให้ widget บนหน้าจอภายนอกมา 6 ชนิดคือ เครื่องเล่นเพลง, สภาอากาศ, ตารางสิ่งที่ต้องทำประจำวัน, การตั้งปลุกครั้งต่อไป, Samsung Health และนาฬิกาจับเวลา โดยสามารถเลือกให้ widget แต่ละชนิดแสดงหรือไม่แสดงได้ในการตั้งค่าเช่นกัน
ตัวเครื่องขณะพับจะหนาเล็กน้อย มีลักษณะคล้ายคลึงกับตลับแป้ง ยังมีช่องว่างตรงกลางเครื่องอยู่ ไม่ได้พับทบกันสนิท
หน้าจอภายใน และการใช้งาน
เมื่อเปิดฝาเครื่องมา จะพบกับหน้าจอภายในที่คราวนี้เป็นหน้าจออัตรารีเฟรช 120Hz ทำให้การใช้งานลื่นไหลมากขึ้น และสิ่งที่หลายๆ คนน่าจะสงสัยคือรอยพับตรงกลางจอ เห็นได้ชัดแค่ไหน คำตอบคือในการทั่วไป แทบจะไม่รู้สึกถึงรอยพับเลย หากไม่ตั้งใจขยับจอเครื่องให้สะท้อนกับแสง และหน้าจอมีความสว่างมากพอสู้แสงได้ทั้งในและนอกอาคาร แบตเตอรี่อยู่ได้เต็มวัน โดยไม่รู้สึกว่าน้อยกว่ามือถือปกติทั่วไป
เมื่อกางออกมาเต็มที่ ตัวเครื่องจะบางไม่แตกต่างจากมือถือเรือธงอื่นๆ ในปัจจุบัน ความรู้สึกหลักๆ จะคล้ายกับการใช้งานมือถือที่มีอัตราส่วนหน้าจอในทางยาวมากกว่าปกติ อาจต้องใช้การเอื้อมนิ้วเล็กน้อย เพื่อแตะส่วนบนสุดและล่างสุดของจอ
ช่วงข้อต่อของเครื่องค่อนข้างแข็ง เปิดปิดด้วยมือเดียวจะลำบากหน่อย อาจต้องใช้สองมือช่วยเปิด แต่ข้อดีคือทำให้ผู้ใช้สามารถกางหน้าจอค้างไว้กี่องศาก็ได้ โดยที่หน้าจอไม่ปิดหรือขยับเอง แต่เรื่องความคงทนในระยะยาว อาจจะขึ้นอยู่กับการใช้งาน เพราะก็ยังพอมีรอยที่เศษผงจะเข้าไปในกลไกขยับได้บ้าง
การใช้งาน เล่นเกม ฟังเพลง และดูวิดีโอ ทำได้ดีขึ้น เพราะทั้งสเปก Snapdragon 888 ระดับเรือธง หน้าจอ 120Hz และลำโพงคู่ที่เสียงค่อนข้างดัง แม้ความชัดยังไม่เท่ากับมือถือเรือธงรุ่นอื่น แต่ส่วนอื่นก็แทบไม่ต่างจากมือถือแอนดรอยด์เรือธงของปีนี้เท่าไร
อีกจุดที่แก้ปัญหาคือคราวนี้ตัวเครื่องกันน้ำ IPX8 แล้ว ใช้งานได้แบบสบายใจ ไม่ต้องกลัวน้ำกระเด็นใส่ แค่อาจต้องระวังเรื่องฝุ่นผงเช่นเดิม แต่ในอนาคต Samsung ก็อาจหานวัตกรรมเพิ่มเติมมากันฝุ่นให้ตัวเครื่องได้อีกก็ได้
ข้อเสียเล็กน้อยคือหน้าจอที่มีอัตราส่วนต่างจากรุ่นอื่น มีความยาวมากกว่าความกว้าง ทำให้วิดีโอทั่วไปที่ดู เช่นบน Youtube จะมีแถบดำอยู่ด้านซ้ายและขวามากกว่ามือถือทั่วไป และเมื่อซูมเข้า ส่วนบนและล่างก็จะถูกตัดออกไปเยอะ
กล้องถ่ายภาพ
เรื่องกล้องอาจจะเป็นจุดที่ Galaxy Z Flip โดดเด่นน้อยที่สุด กล้องหน้าความละเอียดอยู่ที่ 10MP รูรับแสง f/2.4 ส่วนกล้องหลังมี 2 กล้อง เป็นกล้องไวด์ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.8 กับกล้องอัลตร้าไวด์ 12MP รูรับแสง f/2.2 ส่วน ซึ่งเป็นกล้องที่ใช้งานทั่วไปได้ดีตามมาตรฐาน Samsung แต่ไม่มีเซ็นเซอร์ระยะชัดลึก หรือเลนส์ซูมมาด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย
ภาพจากกล้องหลังหลัก
ภาพจากกล้องหลังหลัก
ภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์
ภาพจากกล้องหลัก เปิด Night Mode
ภาพจากกล้องหน้า
สรุป
Galaxy Z Flip 3 เรียกได้ว่าเป็นมือถือจอพับรุ่นที่สองที่เติมเต็มส่วนที่ขาดของรุ่นแรกได้แทบทั้งหมด ทั้งสเปกเรือธง หน้าจออัตรารีเฟรช 120Hz ที่สว่างขึ้น ลำโพงคู่ และการกันน้ำ IPX8 และส่วนที่สำคัญที่สุดคือราคาที่ถูกลงมาจนจับต้องได้ที่ 34,900 บาท
แม้เรื่องกล้องจะไม่โดดเด่น และความทนทานของข้อต่อและจอพับ อาจต้องติดตามดูในระยะยาว แต่ถ้าชอบความแปลกใหม่และนวัตกรรมล้ำสมัย รวมถึงอยากได้มือถือที่หยิบขึ้นมาใช้เมื่อไรก็ทำให้คนต้องเหลียวมอง Galaxy Z Flip 3 น่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่มีสไตล์มากที่สุดของปีนี้
Comments
ดูโฆษณาแล้ว ชอบอยู่อย่างเดียว เพลง believer
สำหรับผม จอพับได้แบบนี้ ยังไม่ตอบโจทย์ เพราะพื้นที่แสดงผลยังเท่าเดิม แถมรูปร่างโทรศัพท์ทุกวันนี้ก็พกพาค่อนข้างสะดวกอยู่แล้ว
..: เรื่อยไป
จริงครับ ถ้าพูดถึงด้านการใช้งานจริงๆ ก็ไม่ได้เด่นกว่ามือถือทั่วไปมาก แต่ว่ากันตรงๆ เลย คือเขาขายสไตล์แหละครับ มันเท่ มันแหวก ซึ่งความเท่นี้ รุ่นก่อนมันต้อง compromised เยอะ ทั้งสเปกด้อยกว่า ลำโพงเดียว ไม่กันน้ำฝุ่นเลย จอ 60Hz และราคาแพง พอรุ่นนี้มาแบบนี้ ผมเลยว่ามันดึงดูดขึ้นเรื่อยๆ
สวยดีครับ น่าลองใช้
รุ่นนี้ผมงงว่ามันจะพับไปทำไม พับแล้วหนากว่าเดิมอีก ใส่กระเป๋าลำบาก
📸
คงแล้วแต่คนจะครีเอทแหละครับ พับตั้งดูคลิป ไลฟ์สด ถ่ายรูป ส่วนตัวโอเคกับขนาดคล้ายๆเป๋าตัง
พับใส่กระเป๋ากางเกงจะแปลกๆ หน่อยครับ แต่ถ้าพับใส่กระเป๋าถือสุภาพสตรี หรือกระเป๋าเป้ นี่โอเคเลย สั้นๆ ไม่เกะกะ แล้วหน้าจอที่เป็นจอพับ มันอ่อนแอกว่าจอกระจกทั่วไปด้วย การพับก็เป็นการปกป้องจออีกทางครับ
ผมมีกางเกงที่กระเป๋าไม่ลึกพอนั่งลงแล้วดันโทรศัพท์ไหลออกมาเพราะความยาวเครื่องหลายครั้งแล้ว พับแล้วสั้นลงแก้ปัญหาของผมได้
หาจุดเด่นให้ตัวเองไงครับ เอาไว้ขิงได้ ส่วนตัวนะ เฉยๆ กับเรื่องจอพับ มันทำให้เท่เฉยๆ แล้วดูแบตให้มาโคตรไม่สัมพันธ์ทั้งขนาดและความถี่จอ
ผมก็งง ต้องพับแล้วทำให้หนาเท่าเดิมสิ ถึงจะเจ๋ง จะได้ใส่กระเป๋าสะดวก
ราคาชน 21 ultra เหมือนวัดใจว่าจะเอาสุด หรือจะเอาพับ
ขนาดจอ 6.7 นิ้ว 120Hz ให้แบตมา 3,300 mah.........อยากรู้ถ้าเป็นแบรนด์นู้นทำจะโดนถล่มขนาดไหนละนั่น จะบอกไม่ใช่จุดเด่นเรื่องก็ฟังไม่ขึ้น ราคาไม่ใช่น้อย ไม่ควรมากั๊ดกอะไรแบบนี้นะครับ
เค้าไม่ได้กั๊กครับ แต่มันเป็นการออกแบบเพื่อลดขนาดและน้ำหนักของเครื่อง
ทำไม ไม่รุ้สึกอยากใช้เลย จอพับนี่ ....
ก็ดี ครีเอทดี
แต่มันหนาอะ
พับแบบนี้ การตลาดมันออกมาใส ๆ อยู่แล้วว่าทำมาเอาใจผู้หญิง
ผู้ชายไม่ชอบก็ไม่เห็นแปลกเลย
ผู้ชายน่าจะชอบ Fold มากกว่า
แน่นอนว่า ผู้ชายบางคนก็คงชอบ Flip และผู้หญิงบางคนก็จะชอบ Fold แต่อันนี้ผมเอาบรรทัดฐานส่วนตัวมาตัดสินน่ะครับ
ประเด็นเรื่องความทนทานของการพับ ในต่างประเทศมีหลายเคสแล้วว่า ยังสู้แบบธรรมดาไม่ได้
ไม่!!! มือถือพับที่ชั้นรอคอยไม่ใช่แบบนี้...
The Last Wizard Of Century.