คณะกรรมการยุโรป (European Commission) ซึ่งเทียบได้กับหน่วยงานรัฐบาลของสหภาพยุโรป ออกข้อเสนอเรื่องการบังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท เพื่อลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์
กฎข้อนี้มีชื่อเรียกว่า Radio Equipment Directive ตอนนี้ยังมีสถานะเป็นข้อเสนอจาก EC ที่ต้องรอไปโหวตรับรองในรัฐสภายุโรปก่อน หากโหวตผ่านแล้วจะมีเวลาเตรียมตัวก่อนบังคับใช้จริงอีก 24 เดือน
รายละเอียดของกฎมีทั้งหมด 4 ข้อคือ
EC บอกว่าก่อนหน้านี้ใช้มาตรการ "สมัครใจ" เพื่อรวมสายชาร์จให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง ลดประเภทของสายชาร์จจาก 30 แบบเหลือ 3 แบบ แต่ก็ยังไม่พอ จึงเดินหน้าลดสายชาร์จให้เหลือเพียงแบบเดียวต่อไป
ที่มา - European Commission
Comments
สงสัยว่าต่อไปเกิดมี usb รุ่นใหม่ดีกว่าเดิม ต่างกันแค่ตูดเสียบ
แต่จะไม่ได้ไปต่อเพราะติดกม.จำกัดบังคับตัวนี้ไหม
ก็ไปแก้กฎหมายได้ในอนาคตครับ แต่ส่วนตัวคิดว่ารูปทรงของ USB-C น่าจะไปต่อเป็นอะไรอย่างอื่นยากแล้วมั้งครับ หาข้อเสียของรูปทรงแบบนี้แทบไม่เจอ
หักง่าย กับขูดเครื่อง ครับ
ถ้าเทียบแค่ design lightning ของ apple design ดีกว่า ขอบมนไม่มีลิ้น เป็นโลหะแท่งเดียว
อันนี้เห็นด้วยครับ Note 20U5G ที่ใช้อยู่ตรงรอบช่องเสียบลายขนแมวเพียบ เวลาเสียบชาร์จก็ไม่ได้มามาเล็งเสียบอ่ะ ปลายสายเหมือนทำมาคมด้วย เพิ่งซื้อแมคบุ๊คแอร์มาเวลาเสียบเล็งแล้วเล็งอีกจะมาคลำ ๆ ยัด ๆ แบบหัวกลมไม่ได้ละ กลัวเป็นรอย ไม่รู้ว่าตัวเครื่องแมคทำโลหะพ่นสีมา หรือผสมโลหะมาเป็นสีนี้เลย
ประเด็นคือเขาทำไปก่อนแล้วสิครับ อยากให้หัวเป็นแม่เหล็กแบบสายหม้อหุงข้าวมากกว่า เอาไปจ่อไม่ต้องเล็งรู
M$ เคยออกแบบมาใช้กับ surface pro รุ่นแรกๆ แล้วไม่เวิร์คครับ มีปัญหาชาร์จไม่ติด เพราะ port หลวมเกิน
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้แนวๆ mag safe แน่นๆ
ตระกูล Surface ไม่ได้ใช้หัวแบบยุคแรกๆ แล้วแต่ก็ยังใช้หัวแม่เหล็กอยู่นี่ครับ?
ผมก็ชอบ lightning port มากกว่าครับ ตรงไม่มีลิ้นนี่แหละครับ อีกอย่างคือถอดเสียบเข้าเสียบออกบ่อยแค่ไหนก็ไม่มีหลวมเลย แต่ usb-c นี่ มีพอร์ตหลวมเหมือนกันนะครับ
iPad Pro รุ่นแรกของผมบางทีเสียบแล้วก็ไม่ชาร์จ ลองเปลี่ยนสายหลายอันแท้บ้าง 3rd party บ้างก็ไม่หาย พอร์ตก็ดูไม่มีฝุ่นอะไร เลยคิดว่าเริ่มหลวมแล้วนี่แหละครับ บางทีเสียบไว้ต้องลองขยับๆดูมันถึงจะชาร์จ
ได้ลองเอาไม้จิ้มฟันเข้าไปเขี่ยฝุ่นดูรึยังครับ หรือว่าดูอย่างเดียว เพราะของผมเคยเป็นอาการนี้เหมือนกัน ดูก็มองไม่เห็นฝุ่นแต่พอเอาไม้จิ้มฟันเข้าไปเขี่ยฝุ่นออกมาเพียบเลยครับ
Lightning ตอนแรกๆ ผมว่ามันเสียบแบบไม่มองยาก เพราะมันเล็กกว่า 30 pin เยอะ แต่ตอนหลังพอชินแล้วก็ดีขึ้นเยอะ แต่ usb c นี่ ทีทุกวันนี้ใช้ macbook pro นี่ถ้าไม่มองเสียบเข้ายากมาก
ขูดเครื่องคงแล้วแต่ว่าซื้อสายที่ออกแบบมาดีแค่ไหนด้วย อย่างของผม Belkin จะมีส่วนของพลาสติกมากันไว้ก่อนก็จะไม่ขูดเครื่อง
โอ้ว ขอบคุณมาก ทางสว่างเลยครับ
เห็นด้วยกับ lightning เลยครับ ออกแบบมาดีกว่า
type c มาก เสียบแน่นไม่มีหลวม หัวมนไม่ขูดเครื่อง
เห็นด้วยเลยครับ ใช้ USB-C กับ Macbook Air ต้องมาเล็ง เล็งยังไงก็ต้องขูดกับ body อยู่ดี
Lighting ดีกว่าเห็นๆ ครับไม่ต้องใช้สติมากเวลาเสียบ
นานๆ ไปคงอัพเดทกฎหมายแหละครับ อย่างแต่ก่อนยุโรปก็บังคับ micro-b ตอนนี้ก็อัพเป็น c ก็ดูตามสเต็ปดีอยู่นะครับ
ซึ่งจริง ๆ ผมว่าไม่ใช่ประเด็นนะ ต่อให้ไม่มีกฎหมายพอร์ตที่นิยมก็ยังไม่ยอมไปไหนอยู่ดี อย่าง VGA ใช้มาก่อนผมเกิดหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย usb type-A ก็ 20 กว่าปีแล้วนะครับ
ประเด็นนี้ผมก็สงสัยเหมือนกันครับ สมมติว่า บ.A มีเทคโนโลยีที่คิดค้นและจดสิทธิบัติ เช่น สายชาร์จ MagSafe ที่เหนือกว่า Thunderbolt 4 ทุกด้าน แล้ว บ.อื่นก็ไม่สามารถทำตามได้. แล้วตัวกฎหมายจะบังคับกันอย่างไร ถ้าบังคับมากไป เทคโนโลยีใหม่ก็ไม่ได้เกิด
กว่าจะเกิน 40Gbps ผมว่ายากนะ ขนาดสาย Lan ที่เราใช้กันทุกวันนี้ เอาแค่ Port 10Gbps เรายังมองส่าต้องเป็นกลุ่ม Data center เลย เพราะงั้นปัญหานี้อีกนานมากเลยแหละ ความจะต้องเป็นห่วงหรือสนใจ
แต่ตอนนี้ที่น่าห่วงในอนาคตอันใกล้ดีกว่าคือ ปกติสาย USB ต้องมี 2 ฝั่ง ทีนี้ Type A to Type C จากปริมาณที่ผลิตกันมาหลายสิบปี นี่เรียกว่าน่าจะยังอยู่ไปได้อีกซัก 10-15 ปีด้วยซ้ำ
กว่าจะได้ fast charge รอบตัวเป็น Type-C ทั้งหมด อีเมนบอร์ดคอมจะมี Type-C 3.0 กันเกิน 6 Port รึยังด้วยซ้ำ -_-
เรื่องแบบนี้ไม่ต้องห่วง ของดี ใครก็อยากใช้
พอแพร่หลายเป็นที่นิยม ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงได้
ส่วนเรื่องการผลิตยิ่งไม่น่าห่วง จะขายสิทธิบัตร หรือชิ้นส่วนสำคัญก็ว่าไป
มันแพร่หลายไม่ได้เพราะต้องเป็น USBC ไงครับ
ระบบการออกมาตรฐานมันมีช่วงเปลี่ยนผ่านเสมอ
ผู้ผลิตที่คิดว่าของตัวเองมีดีกว่าก็นำเสนอกันได้ มีตัวอย่างเยอะแยะเรื่องมาตรฐานที่มีการปรับปรุง USBC ไม่ใช่เคสแรก
ผมเข้าใจเรื่องนั้นครับ แต่ถ้ากฏบอกว่าต้องเป็น USBC อย่างเดียว interface changed ไม่ได้ครับเพราะจะโดนกฏว่าต้องเป็น USBC เท่านั้นถึงจะขายได้ ส่วนที่บอกว่าดีกว่านำเสนอได้แต่ economy of scale มันไม่ได้เพราะโดนกฏ block อยู่ทำให้มันเกิดไม่ได้ครับทำได้อีกทีคือเป็น Wireless ไปเลย
กฎมันออกโดยกลุ่มคนเนอะ ทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าสุดท้ายมีของทีดีกว่า กลุ่มคนออกกฎระเบียบเห็นตรงกันหรือเสียงมากกว่าว่าควรจะเปลี่ยน มันก็เปลี่ยนแปลงได้ครับ แต่มันจะไม่ใช่ทันทีเช่นกัน ก็เปลี่ยนผ่านกันไปตามรอบการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
เพียงแต่เคส USBC มันเห็นอย่างชัดเจนว่าควรจะเป็นมาตราฐานเดียวได้แล้ว มีคนดื้อคนนึงไม่ยอมเปลี่ยน จากไม้อ่อนก็เป็นไม้แข็งไป มันก็ตรงไปตรงมา
รุ่น EU เป็น USB-C ที่อื่นๆ เป็น lightning ไปเลย
เปลี่ยนเป็น C ให้หมด
ส่วนเรื่องชาร์จเร็วก็มี PD อยู่แล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วนะ
เหลือก็แอปเปิ้ลหนะแหละว่าจะเอายังไง ฝั่งด๋อยนี่น่าจะตีกันเรื่อง fast charge หนะแหละ หลายแบบเกิ้น
ตอนนี้เริ่มปวดหัวกับ type c
ดูไม่ออกว่าสายนี้ ชาร์จไฟได้เท่าไหร่ ส่ง data ได้มั้ย ถ้ามีมาตรฐานอะไรซักอย่างบอกก็น่าจะดี
+1 ผมต้องซื้อ usb tester เอาไว้เช็คเลย
ใช้แบบไหนอะครับ ใช้แบบพวกวัดไฟได้เฉยๆ ตรวจยากต้องหาอุปกรณ์มาดึงโหลด ไม่รู้มาตรฐานที่รองรับอยู่ดี
จริงครับ น่าจะมีบังคับให้ใส่แถบสี เพื่อแยกประเภทสายซักหน่อย
ถ้าจะเอามาตรฐานนี้ เชียร์ให้เป็นแบบ Thunderbolt PD (C to C) ให้หมดครับ จะได้ลดพวกสายต่อจอ กับสายต่อพ่วงหลายๆอย่างได้อีกเยอะครับ
และอยากให้กำหนดวัสดุ โครงสร้าง ของการผลิตสายด้วย ให้มันทนๆหน่อย ผู้ผลิตจะได้ไม่ลักไก่ทำสายที่พังง่ายๆออกมา
ติดลิขสิทธิ์พี่อิน
แต่ถ้าพี่อินอยากแจกน้องก็ยินดี
ลองดูข่าวเก่า TB 3 เลิกเก็บค่าไลเซนละนะครับ แต่ TB4 ไม่มีข่าวออกมา
https://www.blognone.com/node/92691
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
tb4ถ้าเปิดฟรีเราคงได้เห็นdesktop/notebookฝั่งamdมีtb4นานแล้ว
แล้วจะให้กลับไปใช้tb3ที่ออกมาตั้งแต่2016อะหรอ
การไม่เก็บlicไม่ได้หมายความว่าเปิดมาเป็นopen systemแบบusb
จะเอาไปใช้ฟรี ใส่มาได้เลย ไม่ต้องขอพี่อินน่าจะไม่ได้
ผมทึ่ง EU มาก
อเมริกาออกเทคโนโลยี
EU ออกกฏหมาย
ทั่วโลกต้องกดยอมรับ กม.EU ก่อนใช้
ประเทศอเมริกาไม่ได้คิดค้น usb ครับ เป็นองค์กรสากลมีบริษัททั่วโลกครับ ถึงแม้อเมริกาบริษัทจะมีตัวตนที่ใหญ่กว่าประเทศอื่น
ถ้าเอาแบบเป๊ะๆ คนคิด USB คืออินเทลครับ
แต่หน่วยงานดูแลคือ USB-IF ก็มีความเป็นนานาชาติสูงตามที่คุณว่ามา
จะไม่ยอมรับก็ได้ แต่ก็ขายของใน EU ไม่ได้ ก็แลกกันครับ เค้ารวมกลุ่มต่อรองตามระบบ
ไม่ได้หมายถึงเฉพาะ usb ครับ
หมายถึง eu ออกกม. มาแล้วส่งผลคนทั่วโลก
แต่ก่อนจะใช้โปรแกรม ก็กดยอมรับ EULA ผ
ต่อมา ออก กม. pdpa ก็ส่งผลกับคนทั่วโลก
EULA มันมาจาก End User License Agreement หรือข้อกำหนดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์นั้นๆ ครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับ EU เลยครับ
ผมเข้าใจผิดมาตลอด555
Apple จะทำไงหลัง กม.นี้มีผลนะ จะแยกสินค้า eu มาเป็นรุ่นเฉพาะรึเปล่า
แจกหัวแปลงเพิ่ม Everything to USB-C
ขายในราคา 199$
Jusci - Google Plus - Twitter
หลังกม.ออกแล้วมี gap 24 เดือนก่อนบังคับใช้ คงมีเวลาวางแผนละครับว่าจะเอาไง จะไป type C หมดเลยไหม หรือจะแยกตลาดโลกกับ EU ผมว่าเค้าไม่เดือดร้อนหรอกครับ
สำหรับทิมคุก ผมว่าเค้าไม่คิดแบบนั้นน่ะ
เพราะ economy of scale ของการผลิตแยกระหว่าง iPhone แบบ USBC กับ lightning ไว้คนละตลาด มันกระทำต้นทุนเค้าเต็มๆ
เหมือนว่ากฏจะไว้สำหรับอุปกรณ์ที่มีพอร์ตชาร์จรึเปล่าหว่า ถ้าใช่ Apple คงรีบดัน iPhone no port/magsafe เลยครับ
แล้วจะ back up ลงคอมยังไงดี
ถ้าจำไม่ผิด itune support wireless backup นะ
แต่ผมใช้ icloud backup อย่างเดียวสะดวกดี
มันช้าครับ
ตั้ง auto backup มันก็จัดการตัวเองตอนเราชาร์จทิ้งไว้ตอนนอนนะครับ
auto backup มันเรื่องนึงเนอะ แต่อันนี้ถ้าเราจะ manual backup มันช้าไงครับ
ตอน restore มันช้าครับ
ปกติตอนผมเปลี่ยนเครื่อง ผมใช้วิธีเสียบสาย backup + restore เลยนะครับ
ไม่งั้นรอนานกวัาข้อมูลจะมาครบ
แต่เวลาปกติก็ให้มัน auuo backup บน icloud แหละ
+1 ครับ ตั้งแต่มี icloud ก็ทนกลับไปใช้ itunes backup ไม่ได้อีกเลย (ทั้ง usb และ wifi)
ก็คงโปรโมท incremental backup ลง cloud แหละครับ
ใช้จริงในอีก 24 เดือน ป่านนั้นออกพอร์ทใหม่แล้วมั้ง
น่าจะดัน wireless chargers เต็มรูปแบบ ตอนนี้มันได้ 15w แล้วนี่ ปรับต่อยอดอีกหน่อย ทีนี้ก็ซีลทั้งเครื่องได้เลย