สหราชอาณาจักรเป็นประเทศล่าสุดที่กำลังพิจารณาออกกฎหมาย บังคับให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดต้องรองรับการชาร์จไฟด้วยพอร์ต USB-C ซึ่งสหราชอาณาจักรให้เหตุผลว่าเพื่อการกำหนดมาตรฐาน และสอดคล้องกับแนวทางที่สหภาพยุโรปได้ออกกฎหมายไปก่อนหน้านี้ (กฎหมาย EU จะมีผลธันวาคมปีนี้)
สถานะตอนนี้ยังเป็นข้อเสนอ ซึ่งต้องรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้า ผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย และลูกค้า ว่าหากออกกฎหมายบังคับใช้จะเกิดผลดีผลเสียอย่างไร จึงคาดว่าต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
เก็บตกประเด็นจากงานเปิดตัว Pixel 9 ฝั่งของอุปกรณ์เสริม กูเกิลเปิดตัวที่ชาร์จเร็ว 45W ตรงตามข่าวหลุด โดยต้องซื้อแยกในราคา 29.99 ดอลลาร์ ไม่แถมมากับตัวเครื่องด้วยตามความคาดหมายของยุครักษ์โลก
แต่สิ่งที่เกินคาดคือ Pixel 9 ทั้ง 4 รุ่นย่อยที่เปิดตัว กลับไม่มีรุ่นไหนเลยที่รองรับชาร์จเร็วเต็มกำลังไฟ 45W (แล้วพี่ทำมาขายใครเนี่ย) โดยสเปกการชาร์จของ Pixel 9 มีดังนี้
Realme โชว์ระบบชาร์จเร็ว 320W SuperSonic Charge ถือเป็นระบบชาร์จเร็วที่สุดในโลกตอนนี้ (Xiaomi เคยโชว์ 300W) สามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ เต็มภายใน 4.30 นาที
เบื้องหลังของการชาร์จเร็ว 320W มาจากการวางเซลล์แบตเตอรี่แบบพับ (folded battery) ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 4 เซลล์พร้อมกัน และกระจายความร้อนได้ดีขึ้น ส่วนตัวเทคโนโลยีฝั่งการชาร์จเรียกว่า AirGap Voltage Transformer เว้นระยะห่างของหม้อแปลงเพียงเล็กน้อย (ระดับมิลลิเมตร) เพื่อความปลอดภัย หัวชาร์จแบบใหม่มีชื่อเรียกว่า Pocket Canon Charger
Realme ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าจะนำเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 320W มาใช้จริงเมื่อไร
Realme ประกาศจัดงานแถลงข่าว 14 สิงหาคม เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่องชาร์จเร็วที่สุดในโลก (a new world record for the fastest charging speed)
คาดว่ามือถือรุ่นนี้คือ Realme GT 7 Pro ซึ่งจะทำลายสถิติมือถือชาร์จเร็วตัวเก่าของ Realme เองคือ Realme GT Neo 5 ที่มีระบบชาร์จเร็ว 240W โดยรอบนี้จะอัพเกรดเป็น 300W
อย่างไรก็ตาม Realme ไม่ใช่แบรนด์มือถือรายแรกที่เปิดตัวระบบชาร์จเร็ว 300W เพราะ Xiaomi โชว์ระบบชาร์จนี้มาก่อนแล้วช่วงต้นปี 2023 แต่ยังไม่เคยนำมาใช้ในสินค้าที่วางขายจริง
เมื่อพูดถึงแบรนด์มือถือที่ชูฟีเจอร์เรื่องระบบชาร์จเร็ว Google Pixel ย่อมไม่ใช่แบรนด์ที่เน้นเรื่องนี้สักเท่าไร (จะเรียกว่าล้าหลังก็พอได้ด้วยซ้ำ) แต่ในงานเปิดตัว Google Pixel 9 ช่วงกลางเดือนนี้ ดูเหมือนกูเกิลเริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้บ้างแล้ว เพราะมีหน้าตาของที่ชาร์จ USB-C กำลัง 45W หลุดออกมาแล้ว
ที่ชาร์จอย่างเป็นทางการของกูเกิลในปัจจุบัน รองรับกำลังไฟ 30W ซึ่งอาจน้อยไปแล้วกับยุคสมัยนี้ ถึงแม้ที่ชาร์จรุ่นใหม่ของกูเกิลขยับเพิ่มมาเป็น 45W ถ้าดูแค่ตัวเลขอาจยังด้อยกว่าของบางแบรนด์ที่เน้นตัวเลขกำลังไฟสูงๆ แต่กำลังไฟ 45W ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับคนส่วนใหญ่ และเป็นสิ่งยืนยันได้ค่อนข้างแน่แล้วว่า Pixel 9 ทั้งซีรีส์น่าจะรองรับชาร์จเร็วอย่างน้อย 45W
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันนี้อุปกรณ์ชาร์จที่มีประสิทธิภาพและถูกเลือกให้นำมาใช้กับสมาร์ทโฟนทั้งหลายนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นหัวและสายชาร์จที่เป็น Type-C ซึ่งก็จะสามารถทำให้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลานาน ยิ่งเทคโนโลยีที่นำมารองรับนั้นก็ต้องบอกเลยว่า สามารถสร้างความปลอดภัยตลอดการใช้งาน รวมไปถึงการจ่ายไฟที่สูงอีกด้วย ซึ่งใครที่อยากได้ไปใช้งานกันละก็ ก็สามารถดู 10 หัวชาร์จ-สายชาร์จ Type C ยี่ห้อไหนดี 2024 เพื่อนำไปเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจสำหรับการซื้อมาใช้งาน จะมียี่ห้อไหนกันบ้างไปดูกันเลย
Xiaomi โชว์เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว HyperCharge 300W สามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh จาก 0% เป็น 100% ได้ภายใน 5 นาที
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเบื้องหลังเทคโนโลยีชาร์จ 300W และยังไม่บอกว่าจะนำมาใช้งานในสินค้ารุ่นที่ขายจริงเมื่อไร
ปัจจุบัน Xiaomi มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 210W ที่ชาร์จแบตเตอรี่เต็มใน 9.3 นาที และถูกนำมาใช้งานแล้วใน Redmi Note 12 Series
ที่มา - XDA
รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จ EV จำนวน 500,000 จุดทั่วประเทศ พร้อมกำหนดสเปกกลางของที่ชาร์จ EV ให้รถยนต์ทุกยี่ห้อใช้ร่วมกันได้
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐผ่านกฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Law) มาตั้งแต่ปี 2021 โดยมีงบประมาณลงทุนสร้างสถานีชาร์จ 7.5 พันล้านดอลลาร์ เงินจำนวนนี้จะใช้อุดหนุนการสร้างสถานีชาร์จของเอกชน ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องเป็นสถานีที่ปฏิบัติตามสเปกกลางของรัฐบาล และใช้วัสดุในการก่อสร้างอย่างน้อย 55% จากในสหรัฐอเมริกาเอง
มีผู้ใช้ Galaxy S23 ค้นพบตัวเลือกฟีเจอร์ชื่อ Pause USB Power Delivery ให้มือถือใช้ไฟตรงจากสายชาร์จเลย ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกันด้วย (bypass battery) ช่วยลดความร้อนของเครื่องลงในช่วงที่ใช้งานเครื่องหนักๆ เช่น ตอนเล่นเกม
ฟีเจอร์นี้จะทำงานเฉพาะในโหมด Game Booster ตอนเสียบสายชาร์จที่เป็น USB-PD เท่านั้น จากการรีวิวของช่อง NL Tech ของมาเลเซีย พบว่าลดการใช้พลังงานลงเหลือ 6W (ใช้ไฟตรงจากสายชาร์จอย่างเดียว) จากเดิม 17W (ใช้ไฟ+ชาร์จแบต)
ซัมซุงไม่เคยประกาศถึงฟีเจอร์นี้มาก่อน (อาจเป็นเพราะกลุ่มผู้ใช้ฟีเจอร์นี้อาจไม่ได้เยอะนัก) และยังไม่ชัดเจนว่ามือถือรุ่นอื่นๆ จะได้ฟีเจอร์นี้ด้วยหรือไม่หลังอัพเดตเป็น OneUI 5.1 เวอร์ชันเดียวกับใน Galaxy S23 แล้ว
รัฐสภาสหภาพยุโรป และคณะมนตรียุโรป ออกกฎหมายสำหรับการบังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในสิ้นปี 2024 เรียบร้อยแล้ว หลังจากอนุมัติแนวทางไปก่อนหน้านี้
โดยกฎหมายดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2024 หรืออีกกว่า 2 ปีข้างหน้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ขายในกลุ่มประเทศสหภาพทั้ง สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์แกดเจ็ตอื่น ๆ จะต้องใช้พอร์ต USB-C สำหรับการชาร์จไฟ ทั้งนี้ข้อกำหนดดังกล่าวไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้วิธีชาร์จแบบไร้สายเพียงวิธีเดียว สินค้ากลุ่มนี้ไม่ต้องมี USB-C ก็ได้
Xiaomi เปิดตัวสมาร์ทโฟน Redmi Note 12 Series ในประเทศจีน มีมือถือเปิดตัวทั้งหมด 4 รุ่นย่อย เรียงตามราคาจากแพงไปถูก ดังนี้
คณะมนตรียุโรป (European Council) ซึ่งประกอบด้วยผู้นำชาติสมาชิกของสหภาพยุโรปได้ผ่านแนวทางกฎหมาย (directive) ให้บังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในสิ้นปี 2024 หลังจากก่อนหน้านี้รัฐสภายุโรปได้ผ่านแนวทางกฎหมายนี้ไป
แนวทางกฎหมายบังคับใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ภายในสิ้นปี 2024 ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ตและอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-reader) กล้องดิจิทัลและคอนโซลวิดีโอเกม หูฟังและลำโพงเคลื่อนย้ายได้ เม้าส์และคีย์บอร์ดไร้สาย อุปกรณ์นำทางแบบเคลื่อนย้ายได้ ส่วนแล็ปท็อปจะบังคับใช้ในปี 2026
เมื่อต้นเดือนที่แล้วนี้เองกระทรวงยุติธรรมของบราซิลมีคำสั่งให้ Apple หยุดขาย iPhone ทุกรุ่นที่ไม่แถมอุปกรณ์ชาร์จไฟมาให้ ล่าสุดสัปดาห์นี้ศาลประจำรัฐ Sao Paulo ของบราซิลมีคำสั่งปรับ Apple เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านรีลจากประเด็นนี้อีกครั้ง หรือคิดเป็นเงินไทยเท่ากับเงินประมาณ 718 ล้านบาท
การสั่งปรับเงินในครั้งนี้มาจากการร้องเรียนโดยหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค Brazilian association of borrowers, consumers, and taxpayers (AMBCC) ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศาลบราซิลสั่งปรับเงิน Apple ย้อนไปเมื่อเดือนมีนาคมปี 2021 ก็เคยมีการปรับเงินไปแล้วรอบหนึ่งเป็นเงิน 10.5 ล้านรีล (ประมาณ 60 ล้านบาท)
รัฐสภาสหภาพยุโรปผ่านแนวทางกฎหมาย (directive) บังคับใช้ USB Type-C ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ขนาดเล็กและขนาดกลาง ต้องมีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จไฟ ภายในสิ้นปี 2024 ส่วนอุปกรณ์ขนาดใหญ่เช่นโน้ตบุ๊กจะมีเวลาให้ถึงปี 2026
แนวทางกฎหมายของสหภาพยุโรปนี้ครอบคลุมอุปกรณ์เป็นวงกว้าง เช่น โทรศัพท์, แท็บเล็ต, หูฟัง, เกมคอนโซลเคลื่อนที่, เครื่องอ่านอีบุ๊ก, คีย์บอร์ด, เมาส์, GPS, กล้องถ่ายภาพ ไปจนถึงโน้ตบุ๊ก แต่จะบังคับเฉพาะอุปกรณ์ที่ชาร์จไฟด้วยสายเท่านั้น สำหรับอุปกรณ์ที่ชาร์จไร้สายเท่านั้นยังไม่บังคับในข้อบังคับนี้ แต่การแถลงข่าวครั้งนี้ก็ระบุว่าสหภาพยุโรปควรกำหนดมาตรฐานให้ใช้งานร่วมกันได้ต่อไป
สำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐอเมริกาได้รับรองสิทธิบัตร Apple ที่ทำให้อุปกรณ์บางอย่างที่รองรับการชาร์จไร้สายมีความสามารถทั้งการส่งและรับสัญญาไร้สาย ทำให้อุปกรณ์หนึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ชาร์จไร้สายที่ส่งพลังงานไปยังอุปกรณ์อื่นได้
หมายความว่า iPhone เครื่องหนึ่งจะสามารถชาร์จ iPhone เครื่องอื่น ๆ ได้โดยการหันด้านหลังเครื่องชนกัน หรือแม้แต่ใช้ iPhone ชาร์จ Apple Watch หรือ AirPods ได้ นอกจากนี้ จะสามารถใช้ MacBook และ iPad ชาร์จ iPhone และ Apple Watch ได้แบบเดียวกับที่ Android บางรุ่นทำได้
ก่อนหน้านี้ ได้มีข่าวลือมาว่า Apple จะเพิ่ม Reverse Charging มาตั้งแต่ iPhone 11 แต่ปัจจุบัน iPhone 14 ก็ยังไม่รองรับการชาร์จด้วยวิธีนี้
Belkin เปิดตัวแท่นชาร์จไร้สาย BOOST CHARGE PRO 3-in-1 Wireless Charging Pad ที่รองรับการชาร์จ iPhone, AirPods และ Apple Watch พร้อมกัน โดยรองรับการชาร์จ iPhone 14 สูงสุด 15W และรองรับระบบชาร์จเร็วใน Apple Watch Series 7, Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra แท่นชาร์จจะวางขายในราคา 6,990 บาท
สินค้าอีกตัวหนึ่ง คือ BOOST CHARGE PRO 3-in-1 Wireless Charger แบบตั้ง ที่รองรับการชาร์จ iPhone 14 สูงสุด 15W และรองรับระบบชาร์จเร็วใน Apple Watch Series 7, Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra เช่นเดียวกัน จะวางขายในราคา 6,590 บาท
มีรายงานว่า ในเว็บขายสินค้าของแอปเปิล อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB ขนาด 5 วัตต์ ได้ขึ้นข้อความสินค้าหมด ซึ่งพบแบบนี้ในเว็บของแอปเปิลหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วย ในบางประเทศสินค้าถูกนำออกจากเว็บไปเลย จึงไม่ชัดเจนว่าแอปเปิลจะเลิกขายอะแดปเตอร์ตัวเล็กสุดนี้ต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้สินค้ายังพบว่ามีขายในอเมริกา อังกฤษ และสิงคโปร์
Oppo/OnePlus พยายามชูความเป็นผู้นำเรื่องระบบชาร์จเร็วมายาวนาน ล่าสุดคือ ระบบชาร์จเร็ว SUPERVOOC 150W ที่เริ่มใช้ใน OnePlus 10T รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวเมื่อคืนนี้
ข้อจำกัดของระบบชาร์จเร็ว Oppo/OnePlus อยู่ที่การต้องใช้สายชาร์จ-อะแดปเตอร์รุ่นเฉพาะเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วจะแถมอะแดปเตอร์เสียบปลั๊กไฟบ้านมาให้ แต่หากต้องไปชาร์จในรถยนต์แล้วก็ยังเจอข้อจำกัดเดิมอยู่ดี
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา EU ได้บรรลุข้อตกลงใหม่บังคับใช้พอร์ตประเภทเดียวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยกำหนดเป็นพอร์ต USB-C มีผลในปี 2024 ล่าสุด กลุ่มวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครตสหรัฐฯ ได้ยื่นหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอให้ออกกฎบังคับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนใช้พอร์ตชาร์จไฟเป็นมาตรฐานแบบเดียวกันเหมือนกับยุโรปบ้าง
สำหรับหนังสือที่ยื่นนี้เขียนโดย Ed Markey, Elizabeth Warren และ Bernie Sanders โดยขอให้กระทรวงพาณิชย์เริ่มดำเนินแผนบังคับพอร์ตชาร์จเป็นพอร์ตเดียวสำหรับอุปกรณ์พกพาทั้งหมด
สมาชิกรัฐสภาและ EU ประกาศบรรลุข้อตกลง บังคับใช้พอร์ตประเภทเดียว ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้ง สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และกล้องดิจิทัล ตามที่คณะกรรมการยุโรปโหวตผ่าน และนำเสนอร่างไปก่อนหน้านี้ โดยกำหนดเป็นพอร์ต USB-C มีผลในฤดูใบไม้ร่วง หรือครึ่งหลังของปี 2024
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นที่ถูกบังคับใช้ในประกาศนี้ยังมี อีรีเดอร์ หูฟังเอียร์บัด เฮดโฟน เฮดเซต วิดีโอเกมพกพา ลำโพงพกพา ยกเว้นแล็ปท็อป ที่จะมีผลบังคับใช้ 40 เดือน นับจากวันที่คำสั่งนี้เริ่มมีผล
ความคืบหน้าประเด็นที่คณะกรรมการยุโรป หรือ European Commission เสนอบังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท โดยมีเป้าหมายในการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ล่าสุดคณะกรรมาธิการด้านการปกป้องตลาดและผู้บริโภคยุโรป ลงคะแนนเสียง 43 ต่อ 2 สนับสนุนการแก้ไขระเบียบบังคับตามที่เสนอ
ข้อกำหนดใหม่ระบุว่าอุปกรณ์อย่าง สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เฮดโฟน เฮดเซต วิดีโอเกมพกพา และลำโพงพกพา ที่สามารถชาร์จผ่านสายได้ จะต้องรองรับพอร์ต USB-C มีข้อยกเว้นสำหรับอุปกรณ์ที่เล็กเกินไปสำหรับการใส่พอร์ต USB-C เช่น สมาร์ทวอทช์ สายรัดข้อมูลสุขภาพ
Oppo เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 2 รุ่นในงาน MWC 2022 คือชาร์จเร็ว 150W แบบถนอมแบตเตอรี่ และชาร์จเร็ว 240W
150W SUPERVOOC flash charge with Battery Health Engine (BHE) เป็นวิวัฒนาการของระบบชาร์จเร็ว 125W ที่เปิดตัวในปี 2020 อัพเกรดกำลังเพิ่มเป็น 150W แล้วใส่ระบบถนอมแบตเตอรี่ BHE เข้ามาเพิ่ม ซึ่ง Oppo ระบุว่าสามารถรักษาประจุได้ 80% เมื่อชาร์จไปแล้ว 1,600 รอบ เพิ่มจากแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนทั่วไปที่อยู่ราว 800 รอบ
ในแง่ความเร็วของการชาร์จ Oppo บอกว่าระบบชาร์จเร็ว 150 วัตต์ สามารถชาร์จแบต 4500mAh จาก 1% เป็น 50% ได้ภายใน 5 นาที และใช้เวลาอีก 10 นาทีชาร์จให้เต็ม 100%
วันนี้สื่อต่างประเทศหลายแห่งเริ่มเผยแพร่รีวิว Galaxy S22 มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ การชาร์จเร็ว 45 วัตต์ ที่ปรากฏว่าไม่เร็วอย่างที่คิด
เว็บไซต์ GSMArena มีการทดสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด โดยใช้ Galaxy S22+ และ S22 Ultra ที่รองรับการชาร์จเร็ว 45 วัตต์ (S22 ตัวธรรมดารองรับที่ 25 วัตต์) โดยทดสอบกับที่ชาร์จ 3 รุ่นคือ 25 วัตต์และ 45 วัตต์ของซัมซุงเอง และที่ชาร์จ 65 วัตต์ Power Delivery (PD) ของแบรนด์อื่น
ผลการทดสอบปรากฏว่าที่ชาร์จทั้ง 3 แบบให้ผลแทบไม่ต่างกัน ตัวอย่างของ S22 Ultra ใช้เวลาชาร์จ 30 นาที ได้แบตเตอรี่ 61% ด้วยที่ชาร์จ 25 วัตต์, 60% ด้วยที่ชาร์จ 45 วัตต์ และ 65% ด้วยที่ชาร์จ 65 วัตต์ PD
มาตรฐาน USB ในปัจจุบันมีความสับสนอย่างมาก เพราะมีทั้งเรื่องอินเทอร์เฟซของหัวเสียบ (USB Type-C), อัตราการส่งข้อมูล (USB4) และกำลังในการชาร์จ (USB Power Delivery หรือ USB PD)
ล่าสุดกลุ่ม USB-IF พยายามแก้ปัญหานี้โดยออกโลโก้ใหม่ ที่รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน โดยระบุอัตราการส่งข้อมูล 20/40 Gbps (USB4) และกำลังการชาร์จ 60w/240w (USB PD 3.1) ไว้ที่ตัวโลโก้บนแพ็กเกจต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจง่ายขึ้นว่าสายและที่ชาร์จอะไรได้บ้าง แทนการเขียนเวอร์ชันของสเปก (USB 4, USB PD 3.1) ที่ผู้บริโภคอ่านแล้วไม่รู้ว่าคืออะไร
คณะกรรมการยุโรป (European Commission) ซึ่งเทียบได้กับหน่วยงานรัฐบาลของสหภาพยุโรป ออกข้อเสนอเรื่องการบังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท เพื่อลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์
กฎข้อนี้มีชื่อเรียกว่า Radio Equipment Directive ตอนนี้ยังมีสถานะเป็นข้อเสนอจาก EC ที่ต้องรอไปโหวตรับรองในรัฐสภายุโรปก่อน หากโหวตผ่านแล้วจะมีเวลาเตรียมตัวก่อนบังคับใช้จริงอีก 24 เดือน
รายละเอียดของกฎมีทั้งหมด 4 ข้อคือ