ช่วงเรียนจากบ้าน หรือทำงานจากบ้านต่อเนื่องยาวๆ แบบนี้ หลายๆ คนอาจเบื่อกับการนั่งหลังขดหลังแข็ง จ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กทั้งวัน จนอาจอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ออกมานั่งเล่นบนโซฟา หรือนอกระเบียงบ้าง โดยที่ยังทำงานได้อยู่ รวมถึงผ่อนคลายช่วงหลังเลิกงาน กับหนังและซีรีส์ หรือเกมแบบเต็มตา
Xiaomi Pad 5 เป็นอีกตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้ โดยเป็นแท็บเล็ตแอนดรอยด์ขนาด 11 นิ้ว หน้าจอ IPS LCD ความละเอียด WQHD+ (2560 x 1600 พิกเซล) พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz ลื่นไหล สบายตา ใช้งานกับ Xiaomi Smart Pen (ซื้อเพิ่ม) ตอบสนองได้ดีกว่าหน้าจอ 60Hz ทั่วไป
กล้องหน้า 8MP และ กล้องหลัง 13MP ทำให้หายห่วงทั้งเรื่องประชุมงาน หรือถ่ายภาพเอกสารส่งอีเมล แบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 8720 mAH พร้อมที่ชาร์จ 22.5W ในกล่อง ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวๆ จนเหลือมาดูซีรีส์หรือหนังหลังทำงานได้แบบสบายๆ ทั้งหมดนี้ในราคาเริ่มต้น 10,990 บาท
สเปก Xiaomi Pad 5
สัมผัสแรก
ตัวเครื่องดีไซน์แบบขอบจอบาง ขอบเครื่องเหลี่ยม มุมมน ด้านหน้าเป็นกระจก ด้านหลังเป็นอะลูมิเนียม ตัวเครื่องมีน้ำหนักพอสมควร แต่ยังถือสองมือใช้งานได้แบบสบายๆ ปากกา Xiaomi Smart Pen มีแม่เหล็กดูดติดกับด้านข้างตัวเครื่องได้ ลำโพงอยู่ด้านบนและล่างข้างละสองตัว ไม่มีรูหูฟัง มีพอร์ต Smart Connector เพื่อใช้งานคู่กับคีย์บอร์ดของ Xiaomi ได้ (ซื้อแยกเช่นกัน)
การใช้งาน
หน้าจอ Xiaomi Pad 5 เป็นแบบ LCD แม้สีดำจะไม่ดำสนิทเท่า AMOLED หรือ OLED แต่เรื่องความละเอียด WQHD+ หรือรีเฟรชเรต 120Hz ให้มาคุ้มราคาหมื่นต้น ทำงานได้ทั้งวันไม่เมื่อยตาเพราะมีโหมด Low Blue Light ช่วยลดแสงสีน้ำเงินด้วย
หากทำงานประจำวันจนเสร็จแล้ว ยังสามารถใช้ดู Netflix ต่อได้แบบ FullHD โดยรองรับ HDR แบบ Dolby Vision เพราะด้วยโคเด็ค Widevine L1 ได้ภาพคม สีสด เรนจ์สีกว้าง ระบบเสียงเป็นลำโพง 4 ตัวให้เสียงดัง มีรายละเอียดดี เสริมกับ Dolby Atmos ในหนังและซีรีส์บางเรื่องของ Netflix ยิ่งช่วยให้เสียงมีมิติชัดเจนขึ้น
การเล่นเกม ผู้เขียนทดสอบด้วยเกม Asphalt 9 ประสิทธิภาพ Snapdragon 860 แม้ไม่ใช้ชิปเรือธง แต่ก็มาพร้อมจีพียู Adreno 640 ที่เล่นเกมทั่วไปได้แบบสบายๆ แม้อาจบังคับลำบากนิดหน่อย แต่ก็เป็นปกติของการเล่นเกมบนแท็บเล็ตไซส์นี้ และสามารถต่อจอยบลูทูธสำหรับแอนดรอยด์ได้ด้วย
ส่วนการใช้งานทั่วไป เช่น เล่นเว็บไซต์ ดู YouTube ดู Netflix ทำงานบน Google Suite หรือวิดีโอคอล ก็ไม่มีกระตุกหรือหน่วงให้พบเลยตลอดการทดสอบใช้งาน การโอนย้ายไฟล์ เปิดแอป ทำได้รวดเร็วเพราะใช้หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1
จุดที่ได้เปรียบแท็บเล็ตรุ่นอื่นในราคาหมื่นต้นอีกอย่างคือหน้าจอ 120Hz ที่ทำให้การอ่านบทความ เลื่อนหน้าเว็บ ตอบสนองลื่นไหลกว่าที่เคย เมื่อเชื่อมต่อกับ Xiaomi Smart Pen ผ่าน Bluetooth ก็สามารถวาดภาพในแอปเช่น Sketchbook ให้ความรู้สึกตอบสนองดีกว่าหน้าจอแบบ 60Hz ตัวปากกามาพร้อมแม่เหล็ก ชาร์จได้ในตัวเมื่อแปะติดด้านขวาของตัวเครื่องที่มีแถบชาร์จอยู่
หลายคนอาจสงสัยว่าหน้าจอเป็นแบบ 120Hz แบบไม่ Adaptive (แต่ปรับเป็น 60Hz ได้) แล้วแบตจะหมดไวหรือเปล่า ตรงจุดนี้หายห่วงได้ เพราะ Xiaomi ให้แบตมาขนาดใหญ่ถึง 8720 mAh และหลังผู้เขียนทดสอบ ถ่ายภาพ ดูยูทบ และ Netflix กับ Disney+ รวมถึงสแตนด์บายเครื่องไว้อีกหนึ่งวันเต็มๆ แบตเตอรี่ก็ยังเหลืออีกเพียบ ตามภาพด้านล่าง
ตัวอย่างภาพถ่าย
Xiaomi Pad 5 มาพร้อมกล้องหน้าและกล้องหลังอย่างละหนึ่งตัว กล้องหลังความละเอียด 13 MP, f/2.0 กล้องหน้า 8 MP, f/2.0 คุณภาพภาพถ่ายเพียงพอจะใช้ถ่ายภาพทั่วไป ถ่ายภาพเอกสาร หรือใช้สำหรับวิดีโอคอลเพราะประชุมงานได้แบบสบายๆ
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
สรุป
Xiaomi Pad 5 มีให้เลือกด้วยกันสองสี คือสีเทา Cosmic Gray ในบทความนี้ และสีขาว Pearl White มีรุ่นความจุ 128GB และรุ่น 256GB ราคา 12,990 บาท ทั้งสองรุ่นให้แรมมา 6GB เท่ากัน ไม่รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ และไม่รองรับการใส่ microSD card เพิ่ม อาจต้องคิดไว้ล่วงหน้าว่าต้องการเก็บข้อมูลมากแค่ไหน ก่อนตัดสินใจซื้อ แต่ละความจุมีราคาดังนี้
ปากกา Xiaomi Smart Pen ที่ต้องซื้อเพิ่ม หากซื้อพร้อมกับ Xiaomi Pad 5 ราคาอยู่ที่ 1,499 บาท หากซื้อแยกอยู่ที่ราคา 2,499 บาท
โดยรวมแล้ว Xiaomi Pad 5 เป็นแท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงานจากบ้าน วิดีโอคอล การวาดภาพ จดโน้ต รวมไปถึงการเสพย์สื่อบันเทิงไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้แบบลื่นไหล ไม่มีสะดุด
หน้าจอที่ให้รีเฟรชเรต 120Hz ที่ส่วนมากจะหาได้จากแท็บเล็ตรุ่นโปร ก็ทำให้การวาดภาพ ท่องเว็บ และเล่นเกม ตอบสนองทันใจกว่ารุ่นอื่น แบตเตอรี่ที่ให้มาแบบเต็มที่ ช่วยให้ทำงานนอกสถานที่ได้แบบหายห่วง ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องหาที่ชาร์จ ทำให้จะเล่นหนักหรือทำงานสนุกเต็มที่แค่ไหน ก็หายห่วงทุกด้านแบบครบครัน
Comments
น่าจัดมาก รอตกรุ่นก่อน 55
เอิ่ม...... เหมือนตั้งแต่ข้างนอก(design) ยันข้างใน(ui)
+1
ก้าวข้ามไปแล้วครับ ไม่แถมสายชาร์จแล้ว
แปลกใจนะที่ Xiaomi เปิดตัวเปิดใจมาตั้งแต่แรกที่ทำมือถือแล้วว่าตรูจะลอกตามแอปเปิ้ล คือลอกให้รู้เลยว่าทำตาม แอปเปิ้ลทำอะไร Xiaomi ก็ทำหมด ก็แอบงงที่ว่าจนถึงตอนนี้มันยังมีคนทักอีกเหรอว่ามันลอกแอปเปิ้ล ทั้ง ๆ ที่มันก็ลอกมาตั้งแต่แรก
คงเหมือนพอร์ต lightning จอบาก ไม่มีแสกนนิ้ว มั้งที่ผลไม้โดนทักตลอด
ราคาอย่างช็อก เรียกได้ว่าสู้สุดแรงเกิดเลย ณ จุด ๆ นี้ ใครเห็นราคานี้ยังไงก็ต้องคิดอีกรอบแล้ว
...แต่ส่วนตัวยังไงก็เลือก iPad อยู่ดี 555
น่าซื้อกว่า ipad มาก
น่าสน อยากถามว่ากล้องหลังนูนหรือเปล่าครับ
นูนตรงกระจกด้านข้างรองกล้อง และตรงกล้องนูนสูงกว่ากระจกอีกที
นูนแบบนี้
ความนูน: https://www.picz.in.th/image/u43ep9
ใส่เคสแถม ยี่ห้อrock space: https://www.picz.in.th/image/u43Irf
ถูกกว่า iPad 410 บาท
น่าจัดมาอ่าน eBook เหมือนกันนะเนี่ย
สอบถามหน่อยครับ รุ่นนี้สามารถต่อ hdmi เข้าจอได้ไหม แล้วมี desktop เหมือนของ samsung dex มั้ยครับพอดีเห็นรีวิวต่างประเทศ มีอยู่แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นรูปแบบ apk เอามาติดตั้งหรือเปล่า
The All-New Xiaomi Mi Pad 5 PRO Is an Amazing Tablet!
ไม่น่าได้เจ้านี่เข้าเน้น USB 2.0 มานานแล้ว
ไม่เหมือนตรงไหน เอาปากกามาวง
ตรงกล้อง 1 จุด
พอกระแส tablet กลับมาเพราะเรียนออนไลน์และ work from home แต่ในช่วงที่หายไป iPad ก็พัฒนาไปไกลกว่า Android แล้ว หวังว่า google จะจริงจังกับ tablet มากกว่านี้ ตอนนี้หลายค่ายเลยทำแบบได้แรงบันดาลใจจาก Apple ทั้งนั้น
ออกแบบ UI เว้นที่เยอะๆ แบบไอแพดซะด้วย ไม่ต้องคิดเยอะซิเนี่ย
เห็นว่าไม่มีแถมที่ชาร์จ 22.5W นะครับ ลองเช็คกับเจ้าของสินค้าดูใหม่ ในกล่องมีแต่ Tablet กับคู่มือโล่งๆเลย
มีที่ชาร์ต 22.5w กับสาย C to C ครับ
ของผมได้มาเป็นหัวชาจ Type A อะครับ แต่อย่างอื่นไม่ได้ดู ว่าสายเป็นแบบไหน หรือหัวชาจกี่วัตต์ เพราะแกะมาดูก็เก็บสายกับหัวลงกล่องเหมือนเดิม ไม่ได้ใช้
อยากได้สาย Type C to 3.5 แบบจีนมากกว่า ไม่มี เซ็งเลย
ไม่ได้ใช้ที่ชาร์ตเหมือนกันครับ แกะมาดูเฉยๆ
ที่ชาร์ต PD 22.5w Type C ปลั๊ก EU
เอ้า ทำไมของผมได้ Type A 22.5w ปลั๊ก EU สายก็ Type A to Type C
ไม่ทราบว่าซื้อรุ่นตัวไหนครับ ของผม 6/128
ขออภัยครับ กลับไปดูอีกรอบ เป็น Type A จริงๆด้วย ขอโทษทีทำให้สับสนครับ
555 แกะมาดูแล้วเก็บลงกล่องเหมือนผมเป๊ะ
อันนั้น ที่รีวิวน่าจะเป็นโมเดลจีนครับ สั่งมารีวิวก่อน ส่วนของไทยจะแถมหัวชาจกับสายชาจครับ (แต่ผมไม่ได้ดูว่ากี่วัตต์) แต่ไม่แถม Type C TO 3.5 ครับ
ขอบคุณมากครับ เค้าสั่งมารีวิวกันก่อนนี่เอง
น่าจะมีรุ่น 5G
เครื่องนี้มีปัญหาเปิดไม่ติดเวลาปิดเครื่องทิ้งไว้ 2-3 วันบ้างไหมครับ พอดี ช่วงนี้โทรศัพท์แบรนด์นี้ที่ทำงาน เจอเปิดไม่ติดหลายเครื่องพร้อมกันเพราะ ic พังแบบไม่รู้ตัว เลยชักเริ่มหลอน
mipad มีรุ่นใส่ซิมได้รึเปล่าครับ พอดีใช้เดินทางบ่อย
มี MiPad5Pro ครับใส่ซิมได้รับ 5G แต่Xiaomiไทยไม่นำเข้ามาครับ
เข้ามาแค่ MiPad5 ธรรมดา
ถ้าเครื่องนอกพวกร้านก็นำเข้ามาขายครับ ราคาความจุสูงสุดถูกกว่า IpadAir4wifi นิดหนึ่งครับ
ต้องตัว Pro ครับ รองรับ 5G แต่เหมือนจะยังไม่เข้าไทยแบบ official
ใช้โทรศัพท์ได้ไหมนะ?
ราคานี้ไปถอยไอแพดดีกว่านะ
แล้วคนที่ไม่ได้อยากใช้ iOS ละครับ ? หรือต้องใช้งาน Android ?
มีตัวเลือกก็ดีแล้วนี่
ความเห็นนี้ผมก็มองว่าไม่ผิดนะครับ ถ้านับแค่ SoC iPad แรงกว่ามากจริง ๆ
แต่อย่างอื่น iPad กากกว่ามากจริง ๆ อันนี้ต้องยอมรับ นอกจาก CPU แรงกว่าแล้ว อย่างอื่นมันสู้ไม่ได้เลย จอก็ห่วยกว่า ลำโพงก็สู้ไม่ได้ คือสอบตกในการ Consume content น่ะครับ ส่วนเรื่องเกม เรื่องแอพ อันนั้นยกให้ iOS เลย
ส่วนตัวผมก็ลังเลอยู่ในระหว่างสองตัวนี้ แล้วผมก็ตัดสินใจเลือก Mi pad 5 (ไม่อยากเรียกชื่อจริง มันเหมือนโฆษณามากไป 555) เพราะผมเอามาเสพ Content ทางด้านวีดีโอเป็นหลัก ซึ้งตัวนี้จอและลำโพงดีกว่า iPad ครับ ในราคาที่ถูกกว่า แล้วพรีออเดอร์นี่ได้ฟิล์มกระจก กับ Cover ที่ดีเลยทีเดียว ถ้าถอยไอแพด ผมว่าโดนอีกหลายพัน รวม ๆ แล้วสำหรับผมที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าดู Netflix YouTube ผมว่าตัวนี้ดีกว่า iPad ครับ ในราคาที่ถูกกว่า
ส่วนตัวผมให้คุณค่าของสเปกตัวเลข น้อยกว่าคุณค่าของสิ่งที่เราจับต้องได้และใช้งานได้น่ะครับ Mi CPU ด้อยกว่า แต่เวลาใช้งานจริง ด้วยจอ 120 hz มันลื่นกว่า iPad เยอะอยู่ครับ แบบรู้สึกได้เลยไม่ต้องดูตัวเลข (มีทริคคือ เปิด Dev mode ปรับ Animation เป็น 0.5 ลื่นปรื้ดเลย)
อยากได้สเปกประมาณนี้ แต่ขนาด iPad Mini มากเลยครับ ฮืออ ผมเน้นอ่านหนังสือบนเตียง แต่ไม่อยากได้ Kindle เพราะจะเอามาดู YouTube กับอ่านพวกบทความในเว็บข่าวด้วย
+1 ครับ
ในราคาหมื่นต้นนี่ผมมองว่า iPad ดีกว่าแค่ CPU กับ iPadOS แค่นั้นเอง
การใช้งานของคนเราแตกต่างกัน ถ้า Tablet ตัวอื่น CPU หรือ OS มันห่วยกว่ามากๆก็เรื่องนึง แต่ถ้ามันดีเพียงพอกับการใช้งานของเรา (ซึ่ง SD860 ก็ไม่ได้ห่วยอะไร ส่วน OS อย่างแย่สุดมันก็แค่มือถือ Android ที่จอใหญ่ขึ้นแค่นั้นเอง) การให้ความสำคัญเรื่องอื่นอย่างเช่น จอ ลำโพง หรืออื่นๆ มันอาจจะตอบโจทย์เรามากกว่าครับ
ราคานี้ iPad ดีกว่าไหม? ก็ต้องถามว่าเอาไปใช้ทำอะไรครับ
iPad มีดีแค่
1) แอป productivity
2) Processing power
3) ปากกา (ถ้าบางคนจะนับเรื่อง fine tilting กับฟิล์มกระดาษเข้ามาด้วย)
ที่เหลือแพ้ราบคาบ
ผมลองซื้อมาตัวนึง สั่งแบบ Pre ได้ที่ราคา 9990 บาท มีฟิล์มกันรอย กับ เคส Cover มาให้เรียบร้อย
ความรู้สึก UI คล้าย iPad มากครับ พอดีผมเอามาดู YouTube ก็เลยไม่ซีเรียสอะไรมาก คิดว่าคุ้มกว่าซื้อ iPad Mini ครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
Ipad ไม่ใช่ทุกอย่างนะเด็กๆ
มีหลากหลายวิธีที่จะแสดงความคิดเห็นโดยที่ไม่กระทบกับผู้อื่น
สั่ง Xiaomi Pad 5 มาใช้แล้วชอบนะ แต่มีปัญหาเรื่อง Dark Mode ที่มันขืนใจทุกแอปให้เป็น Dark Mode หมด (Force Dark Mode) แอปไหนที่ไม่ได้ออกแบบให้มี Dark Mode ก็กลาย UI เป็น Negative เลย ถ้าจะปิด Force Dark Mode ก็ต้องปิดผ่านคำสั่งใน ADB (ไม่มีให้เลือกปิดใน Dev Options) ที่จริงมีตัวเลือกให้ปิด Dark Mode เฉพาะแอปอยู่นะ แต่สุดท้ายกลับไปใช้ Light Mode แทน
จริง ยังบัค ต้องรอแก้ เพราะไปปิดรายแอปไม่ได้ช่วยอะไรเลย ปิดplay books แต่ก็ยังบังคับมืด ต่างกับบนโทรศัพท์ที่ไม่เป็น(Rmn8pro)