กลับมาพบกันอีกครั้งกับนิทรรศเกมเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น Tokyo Game Show 2021 สำหรับปีนี้นั้นงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายนถึง 3 ตุลาคมที่ผ่านมาครับ โดยจัดออนไลน์เป็นหลักเช่นเดียวกับปีที่แล้ว งานในปีนี้นั้นมีบริษัทร่วมงานทั้งสิ้น 351 บริษัท ซึ่งลดลงเป็นอย่างมากจากปีก่อน ๆ (2019: 655 บริษัท, 2020: 351 บริษัท) ครับ ที่แตกต่างออกไปคือในปีนี้มีการจัดนิทรรศกาลแบบออฟไลน์ให้สำหรับสื่อมวลชนและ Influencer ด้วย ซึ่งผมก็มีโอกาสได้ไปร่วมงาน และเก็บบรรยากาศมาฝากกันเช่นเคยครับ
คำเตือน: ภาพประกอบเยอะมาก
เนื่องจากปีนี้ผู้ร่วมงาน (แบบออฟไลน์) นั้นจำกัดมาก ขนาดของงานจึงลดลงจากเดิมเป็นอย่างมากครับ ในปีก่อน ๆ นั้น งานจะใช้พื่นที่ทั้งหมดของของ Makuhari Messe รวม 2 อาคาร 10 ฮอล แต่ในปีนี้นั้นลดลงมาเหลือเพียง 2 ฮอล และเป็นส่วนจัดแสดงเพียงเกือบ ๆ 1 ฮอลเท่านั้นครับ บรรยากาศหน้างานนั้น ถ้าไม่บอกไม่รู้เลยว่าด้านในมีงานอยู่ บรรยากาศในงานโดยรวมเองก็ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากขาใหญ่อย่าง PlayStation หรือ Square Enix นั้นไม่มาร่วมออกบูท
บรรยากาศหน้า Makuhari Messe ไม่บอกไม่รู้เลยว่าด้านในมีงานอยู่
เป้าหมายหลักของผมในงานคือไปทดลองเล่น Blue Reflection Tie ครับ ในส่วนของ Presentation นั้นค่อนข้างคล้ายกับภาคแรก แต่ระบบต่อสู้นั้นได้รับอิทธิพลมากจาก Atelier Ryza อย่างชัดเจน มีความ Dynamic มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ ที่สำคัญคือมี Photo Mode เพิ่มมาแล้ว ตัวเกมเวอร์ชั่นทดลองเล่นนั้น เปิดให้ดาวน์โหลดได้แล้วใน PlayStation Store ด้วยครับ ไม่ต้องถ่อไปถึงงานแบบผมก็เล่นได้ ฮา
วันที่ผมไปนั้น Atelier Sophie 2 ยังไม่ประกาศ จึงไม่มีการพูดถึงในงาน แต่จากข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ รวมถึงมีสแตนด์ Atelier Sophie ภาคแรกวางอยู่ ก็พอจะเดาทางได้ครับ
โคนามิเป็นค่ายเดียวในปีนี้ที่ใช้บริการพริตตี้ครับ (ค่ายอื่น มี Mascot ประปราย) แต่เกมที่จัดแสดงนั้น โดยรวมค่อนข้างหน้าผิดหวัง ที่โดดเด่นที่สุดคือมีให้เล่น Power Pro Kun Pocket R กับพริตตี้ กับซีรีส์หากินของค่ายนี้ Yu-Gi-Oh! Master Duel ครับ
หลัก ๆ ของ Capcom ในปีนี้คือ Monster Hunter Rise เวอร์ชั่น Steam และภาคเสริม Monster Hunter Rise Sunbreak ครับ ที่บูทมีตัวอย่างสินค้าที่ขายออนไลน์ และสุนัข Palamute ให้ถ่ายรูป นอกจากนี้ในงานมีให้ทดลองเล่น Monster Hunter Rise เวอร์ชั่น Steam แต่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าหลายวัน กว่าผมจะรู้ตัวก็ไม่ทันแล้ว พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดายครับ
เป็นบูทที่ลึกลับที่สุดในงานครับ มีเกมให้ทดลองเล่น แต่ทุกอย่างปิดอยู่หลังกำแพงทึบ เกมที่นำมาแสดงในงานมีอยู่ 3 เกม คือ Lost Judgement, Shin Megami Tensei V, และ Demon Slayer -Kimetsu no Yaiba- The Hinokami Chronicles ครับ Lost Judgement นั้นวางจำหน่ายเรียบร้อยแล้วผมจึงไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ และ Demon Slayer นั้น อนุญาติให้เฉพาะสื่อสัญชาติญี่ปุ่นเข้าชมเท่านั้น ผมจึงได้ลองเล่นแค่ Shin Megami Tensei V อย่างเดียวครับ
Shin Megami Tensei V ระบบโดยรวม ซับซ้อนกว่า Persona 5 แต่กราฟฟิค และ Presentation ค่อนข้างจืดชืดกว่าอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างวิ่งเล่นอยู่ใน Field เลเวลต่ำ ๆ ผมดันไปเจอศัตรูเลเวลสูง กดหนีพลาด Game Over โดยผู้พัฒนาบอกว่าผมซวยจริง โอกาสเจอต่ำมากครับ
อีกส่วนหนึ่งของ Tokyo Game Show ที่มักจะไม่ถูกพูดถึงสักเท่าไหร่ (เนื่องจากถูกกระแสจากบูทใหญ่ ๆ กลบ) คือบูทจากโรงเรียนเฉพาะทางด้านการทำเกมครับ แต่ด้วยขนาดของงานในปีนี้ ทำให้บูทนี้ถือว่าโดดเด่นขึ้นมาเลยทีเดียว ทางโรงเรียนมีการนำผลงานของนักเรียนมาให้ทดลองเล่น ซึ่งก็น่าสนใจทีเดียวครับ
เกมจำลองการเป็น VTuber ช่วงชิงความเป็นหนี่งในวงการ โดยการไลฟ์โพสต์ท่าตามที่แฟน ๆ เรียกร้อง แล้วนำเงิน Superchat ที่ได้ ไป Sabotage ไลฟ์คู่แข่ง ไอเดียเด็ดมากครับ
เกม VR จำลองการประกวดเพาะกาย เล่นแล้วรู้สึกว่าอะไรในอย่างบางตัวมันตื่นขึ้นมาเลยทีเดียว เล่นเสร็จ ทีมงานบอกว่าผมได้คะแนนเยอะที่สุดในบรรดาคนที่มาลองเล่นทั้งหมดด้วย
Little Nightmares 2 มีจัดการแสดงเล่นซ่อนแอบครับ เป็นบูทเดียวที่มีโชว์พิเศษเลย
Earth Defense Force 6 มีตัวอย่างเกมมาให้ทดลองเล่น และมีหุ่นทหารมาให้ถ่ายรูปครับ
Heaven Burns Red เป็นอีกเกมที่ผมสนใจเป็นการส่วนตัว เนื่องจากพัฒนาร่วมกับค่าย Key แต่ในงานมีเพียงแค่จอฉาย Trailers และใบปลิววางแจกเท่านั้นครับ
Hypergryph เจ้าของเกม Arknights มาโปรโมทเกมใหม่ Ex Astris ครับ จัดบูทอลังการมาก มีมอเตอไซค์ (?) มาให้ถ่ายรูป และนั่งได้ด้วย แต่ยังไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับตัวเกมมากนัก
Bandai Namco ที่ปกติต้องต่อคิวรอเล่นเกมเป็นชั่วโมง ปีนี้มี Staff และเครื่องทดสอบมากว่าแขกเสียอีก
Ikea นำชุดเฟอนิเจอร์เกมมิ่งที่ออกแบบร่วมกับ ASUS ROG มาจัดแสดง รวมถึงมีเก้าอี้เกมมิ่ง (?) หลากหลายรูปแบบครับ
รวม Goods จากเกม Apex Legends แฟน ๆ เห็นแล้วจะต้องกรีดร้อง
งานในปีนี้ (ในส่วนออฟไลน์) นั้นค่อนข้างเงียบเหงาครับ ปกติผู้เขียนต้องใช้เวลา 1-2 วันในการสำรวจงานให้ครบ โดยเสียเวลากว่าครึ่งไปกับการต่อคิวเล่นเกม แต่ในปีนี้นั้น เดินไม่ถึงชั่วโมงก็ครบหมดแล้ว และข่าวประกาศต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ก็ย้ายไปอยู่ในส่วนออนไลน์หมด งานออฟไลน์จึงมีหน้าที่หลัก ๆ เพียงแค่ใน Influencer มาพบปะกับผู้พัฒนาเกม และลองเล่นเกมใหม่ ๆ ก่อนใครเท่านั้น
สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณ Blognone ที่ให้โอกาสผมได้เป็นตัวแทนไปร่วมงานนี้ครับ แล้วพบกันใหม่ปีหน้าครับ
Comments
ชอบที่เล่าอธิบายตามภาพประกอบได้สั้นกระฉับ กำลังกลมกล่อม อ่านง่าย???
อ่านเพลินมากครับ เหมือนได้ไปเอง
[S]
ผมยังชอบแบบออฟไลน์มากกว่าออนไลน์อยู่ดี
VR เพาะกายนี่น่าสนใจจัง
หวังว่าปีหน้าจะจัดได้ตามปกติ