ตอนนี้ เว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญ www.constitutionalcourt.or.th ถูกแฮ็ก และเปลี่ยนหน้สเว็บไซต์เป็นเพลง Death Grips - Guillotine (It goes Yah และยังเปลี่ยนชื่อไซต์เป็น Kangaroo Court ซึ่งมีความหมายว่าศาลเตี้ยด้วย
เมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ซึ่งมีนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็นผู้ปราศรัย เป็นการกระทำที่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
วันนี้เว็บไซต์ทางการของ #ศาลรัฐธรรมนูญ https://t.co/idRVSV3EzC ถูกแฮ็คเปลี่ยนหน้าเว็บเป็นเพลง Guillotine (It goes Yah) ของ Death Grips และเปลี่ยนชื่อ Site Title เป็น Kangaroo Court ซึ่งมีความหมายถึงกระบวนศาลที่บิดเบือน ไม่เป็นไปตามหลักการ หรือที่มักเรียกกันว่า ศาลเตี้ย pic.twitter.com/E9LOIj8b9l
— waymagazine (@way_magazine) November 11, 2021
ที่มา - Way Magazine
Comments
มีใครเคยเข้าไปดูเว็บ พวกนี้มั้ย หรือเว็บองกรต่างๆ ทำทิ้งไว้มีเฉยๆ
เวปพังเข้าไม่ได้แล้ว
น่าจะปิดหนีมากกว่า เพราะเห็นพยามกู้กลับแล้วยังโดนแฮคกลับอยู่ดี เตะปลักซะเลย
พวกเวบราชการนี้ ความปลอดภัยต่ำมาแต่ไหนแต่ไรล่ะ แฮกไประดับบนๆคงไม่มานั่งดูให้เดือดร้อนอะไร
คนเดือดร้อนก็ลูกน้อง-เด็กฝึกงาน ระดับล่างๆทั้งนั้น
‘You messed with the wrong generation’
+65535
(ไม่ประชด) ผมว่าเอาคำนี้ไปเตือนพวกม็อบวัยรุ่นดีกว่าครับ พวกนั้นปลดล็อก ม.113 ไปแล้ว จากนี้ิไปเราอาจได้พวกแกนนำม็อบโดนโทษประหารจริงๆ ก็ได้ เผลอๆ ก็ประหารสาธารณะ (ต่างจากเก้าอี้ฟาดที่สนามหลวง) ที่เอากิโยตินมาล้อกันนี่อาจได้เห็นจริงๆ ก็ได้ แต่คนที่โดนเป็นพวกม็อบแทน...
กล้าทำเหรอ
ถ้ากล้าทำถึงขนาดนั้น แล้วสลิ่มยังไม่ตาสว่าง ผมว่าก็ไร้สติกันแล้ว
ผมเชื่อว่าพวกนั้นกล้าทำ ถ้าม็อบยังไม่หยุด ส่วนพวกสลิ่ม เจอแบบนั้นมีแต่ความสะใจมากกว่าครับ
เราคิดว่าคงไม่กล้าทำ ถ้าทำจริงก็คงตกต่ำได้กว่านี้อีก
อย่าดูถูกเผด็จการครับ รวบอำนาจได้ ทำอะไรก็ถูกต้องหมดแหละ
ไม่งั้นศาสนจักรไม่รุ่งเรื่องในยุคกลางหรอก ทั้งๆ ที่มันเละเทะเน่าเหม็นขนาดนั้น
เดี๋ยวนะครับ จะจินตนาการไกลกันเกินไปหน่อยละ ประหารสาธารณะอะไรเนี่ย เอามาจากไหนครับ
ล้มล้างการปกครอง = กบฏ ครับ โทษสูงสุคคือประหารชีวิต เรื่องสาธารณะคงจะจินตนาการปนนิดหน่อยแต่ถ้ามาแนวนี้ ผมว่าอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ละครับ
มันเป็นภาระที่พวกวัยรุ่นต้องเจอนะ ภาระมาจากไหนก็ไม่รู้
ถ้าประหารสาธารณะ นี่มันตกต่ำมากๆเลย มันเข้าใกล้ ISIS เลยไหม
ประหารแล้วไงต่อครับ...คิดว่าเรื่องมันจะจบแค่นี้จริงๆหรอครับ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
หวังดีเลยเตือน หรือเป็นสลิ่มพร้อมซ้ำเลยเตือนครับ?
นี่ก็เปิดประเด็นเรื่องประหารต่อหน้าสาธารณชนมาให้ทะเลาะกันอีก -*-
ผมไม่รู้ว่าคุณโดนอะไรปั่นมาให้มีความคิดแปลกๆอย่างนี้หรอกนะ แต่ประเทศไทยหรือประเทศไหนๆเขาเลิกทำอย่างนี้มาเปนร้อยๆปีแล้ววว ฉะนั้นเลิกกังวลไปได้เลย (อย่างมากผมว่าก็แค่ฉีดยา)
ก็ยังคงเหมือนเดิมนั่นแหละครับ ‘You messed with the wrong generation’
คุณกำลังเล่นผิดรุ่น
สิ่งที่ทำให้ฝั่งน้อง ๆ เหนือกว่าอย่างมากและเป็นสิ่งที่ฝั่งคนรุ่นเก่า ไม่สามารถหามาทดแทนได้เลยนั่นก็คือ "เวลา" ครับ
คุณอาจชนะตอนนี้ คุณอาจจะชนะในอีก 1-2 ปีข้างหน้า คุณอาจจะจับแกนนำไปขังไว้ หรือประหารไปสักกี่ร้อยคน
แต่คุณอย่าลืมว่า น้อง ๆ บอกว่าให้มันจบที่รุ่นเรา ไอ้คำว่ารุ่นเรานี่ก็คือรุ่นของน้อง ๆ เขานะครับ ตอนนี้พวกเขายัง 18-24 ปี คุณคิดว่าอีกสัก 20 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง เด็ก ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในขณะที่บรรดาขุนศึก ศักดินาทั้งหลายกลายเป็นไม้ที่รอวันผุพัง
โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ข่าว 2 ทุ่ม แทบไม่มีใครดู ขนาดละครหลังข่าวยังแย่งจอจาก Netflix Youtube ไม่ได้เลย
รายการข่าวดัง ๆ เรตติ้งดี ๆ ก็กลายเป็นว่าคนดูสดมีแต่ลดน้อยลง แต่ยอดวิวในการดูย้อนหลังกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในยุคที่เด็กประถมก็ค้น Google หาข้อมูลเป็นกันแล้ว ลำพังการให้ รร. สอนค่านิยม 12 ประการ หรือ "ลุงตู่เป็นคนกล้าหาญเสียสละเข้ามายึดอำนาจ" ก็ไม่สามารถสร้างคนรุ่นใหม่ในฝ่ายอนุรักษ์ที่โดดเด่นขึ้นมาได้เลย กลับกันฝ่ายอนุรักษ์กลับหาดีสุดได้แค่ "คชโยธี" แค่นั้น
เพราะงั้นจริงแท้แน่นอนที่ในปี 2 ปีนี้หรือแถมให้สัก 4-5 ปีก็ได้ ที่อำนาจโบราณจะยังคงชนะได้
แต่เมื่อเวลาคืบคลานเข้ามา ตราบเท่าที่ยังต้องสวมหน้ากากหลอกตัวเองและแฟนคลับว่าเป็นประชาธิปไตยอยู่แบบนี้
ทายาทของเหล่าขุนศึก ศักดินา จะยังมีบารมีพอที่จะทำให้บริวารรุ่นถัดไปยังคงวางใจอุ้มชู ทำตามคำสั่งอยู่ได้หรือเปล่า
ใครบางคนจะยอมใช้ความรุนแรงเพื่อกดให้เด็กจมดิน แต่ก็มีราคาที่จะต้องจ่ายในโลกยุคใหม่
ถ้าเป็น มิน อ่อง ลาย ที่ไม่สามารถไปไหนนอกประเทศได้ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่สำหรับใครบางคน ถ้าไม่สามารถบินไปพักตากอากาศที่ต่างประเทศได้อีกต่อไป เขาคนนั้นจะกล้าแลกด้วยหรือเปล่า
+1
📸
-1 ครับ ถ้าอ้างเรื่องเวลาอยู่ข้างเรา ฝ่ายนั้นจะได้เปรียบมากกว่าอยู่ดีครับ อย่าลืมว่าฝ่ายนั้นเป็นมีอำนาจและทรัพยากรมากกว่า และก็มีผู้สืบทอดเช่นกัน วัดจากอายุขัยไม่พอหรอกครับ ฝ่ายม็อบต่างหากที่ดิ้นรนให้แนวคิด ปชต. อยู่ได้ (รวมถึงมวลชนตัวเองด้วย) ในสังคมที่ไม่ค่อยศรัทธาใน ปชต. ซักเท่าไร (ดูจากกระทู้ล่าง) ฝ่ายม็อบสภาพตอนนี้เหมือนลูกไก่ที่พร้อมจะถูกบีบคามือเมื่อไรก็ได้ (แค่ยื้อไม่ทำ) ทำได้แค่จิกมืออยู่
ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจจริงๆ ว่าอนาคตแนวคิด ปชต. จะยังถือว่า "ดี" ในสายตาคนไทยอยู่ต่อไปหรือเปล่า จะไม่มีจุดจบเหมือน "คอมมิวนิสต์" ในยุคนี้ที่แค่ชูค้อนเคียว คนก็รังเกียจแล้วโดดหนีหมด...
เวลาไม่ใช่เหตุผลที่จะชนะเลยจริงๆ ปัจจัยการผลิตมี4อย่าง เงิน ที่ดิน เทคโนโลยี คน ซึ่งในภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรมมีเหตุผลอะไรที่ต้องง้อคนไทยขนาดนั้น คนมีอำนาจ เขาคุม 1.ตำรวจ 2.ทหาร 3.ระบบราชการ 4.ระบบการเงิน ซึ่งม๊อบในปัจจุบันไปงัดส่วนต่างๆที่กล่าวมาไม่ได้สักอย่าง มองตามความเป็นจริง ไม่หลอกตัวเองนะ
ถ้าเวลาไม่ได้อยู่ข้างเรา เราคงไม่ได้เห็นคนนั่งในโรงหนังมากกว่าคนยืนหรอครับ
อำนาจเหล่านั้นตอนนี้ยังอยู่ที่ฝ่ายขวาก็จริง แต่การนำมาต่อสู้กับคนมากทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมาก
เงินหมดไวมากแล้วเงินเหล่านี้ก็คือเงินที่ต้องนำไปพัฒนาประเทศ เมื่อประเทศพัฒนาน้อยลง คนก็ไม่พอใจอยู่ดี
จริงๆแล้วฝ่ายขวาที่เคยอยู่ได้เพราะเมื่อก่อนการสื่อสารมันเน้นเห็นหน้า ใกล้ชิด ทำให้ถูกกดดันได้ง่าย แต่เด่ยวนี้มันสามารถสื่อสารได้ง่าย คนเลือกจะรวมกลุ่มในสิ่งที่ตัวเองชอบได้ง่าย หาความรู้เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียได้ง่าย โดยมันมีทางเลือกที่ไม่ได้โดนกดดันมากขึ้น เช่นเรื่องการเมืองถ้าเมื่อก่อนจะพูดอะไร ครอบครัวก็รับรู้หมด แต่เดียวนี้ครอบครัวแทบไม่รับรู้อะไรแล้ว กดดันอะไรไม่ได้
สำหรับคนที่เกิดมาที่ยังไม่ได้ถูกปลูกฝัง หรือแม้แต่ถูกปลูกฝังแล้วแต่มีกระแสสังคมให้เกิดคำถามต่อการปลูกฝังนั้น มีทางเลือกให้เค้าเลือกขึ้นมา ผมว่าเค้าเลือกได้ง่ายมากนะครับว่าจะชอบแบบไหนมากกว่ากัน
ผู้สืบทอดที่คุณคิดว่าพอจะก่อให้เกิดการเป็น "ศูนย์รวมจิตใจ" นี่มีด้วยเหรอครับ
ที่อำนาจโบราณฝังรากฐานอยู่ได้เพราะการโหม propaganda ในยุคที่ยังมีทีวี CRT และวิทยุ เป็นการสื่อสารทางเดียว
แต่ในยุคที่มีอินเตอร์เนต อุปกรณ์ Smart Devices ที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เนตได้จากที่ไหนก็ได้
การโหม propaganda ผ่านช่องทางเหล่านี้ไม่เพียงแต่ใช้ทรัพยากรสูงมากแล้ว แต่มันยังเป็นการสื่อสารแบบสองทาง
เมื่อการบรรจุข้อความอย่าง "ลุงตู่เสียสละกล้าหาญเข้ามายึดอำนาจ" ในหนังสือเรียน ก็สามารถโต้แย้ง และรวมถึงเด็ก ๆ ที่เรียนเองก็ยังสามารถสืบค้นต่อไปว่า "ลุงตู่" เนี่ย กล้าหาญ เสียสละจริงหรือเปล่า
เวลาได้พิสูจน์แล้วว่า อำนาจและทรัพยากรที่มี มันยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนคนรุ่นใหม่ได้ คุณเห็นคนยืนในโรงหนังเยอะเหมือนเดิมมั้ย คุณเห็นดาราที่ดาหน้าออกมาบอกว่า "วัคซีนที่ดีคือวัคซีนที่มี" ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
คุณเห็นเพลงบ้านเกิดเมืองนอนสารพัด Version ที่ปล่อยออกมา ที่ยอดวิวยังสู้เพลงในแคมเปญตะวันจะมาเมื่อฟ้าสาง ที่ปล่อยออกมาทีหลังไม่ได้เลย หรือแม้แต่ในเกมอำนาจ ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมให้มีเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ซะที ก็เพราะเขายังหาตัวแทนทายาทที่พอจะสู้อีกฝ่ายให้สูสีไม่ได้เลย
การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่มันลงไปในระดับไมโคร นาโนไปแล้ว เพียงแค่โพสเดียวในโซเชียล ก็มากพอที่จะระดมคนได้ แต่ถ้ามีคนแชร์โพสนั้นต่อ มันก็จะยิ่งทรงพลังมากไปอีก การจับขังการบังคับสูญหายมันทำได้แค่ชะลอแต่ไม่ได้ทำลายพลังของคนรุ่นใหม่เลย ยิ่งกดทับแรงเท่าไหร่ แรงต่อต้านก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น การร้องขอให้ปฏิรูป จึงเป็นการประณีประนอมที่สุดแล้ว
จริงที่สุดที่ตอนนี้เขายังมีอำนาจ จริงที่สุดที่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้าทายาทของเขาก็จะยังมีอำนาจอยู่ แต่หลังจากนั้นหละ
เด็ก ๆ ใช้เวลาแค่ปีเดียวเท่านั้นในการทำให้ประเด็นที่ถูกกดทับไว้ไม่แม้แต่มีการเอ่ยถึง ให้สามารถนำมาพูดคุยได้ เด็ก ๆ ใช้เวลาแค่ปีเดียวที่เปลี่ยนจากคนไม่ยืนในโรงหนังถูกด่ากลายเป็นคนที่ยืนกลับเขินอายจนนั่งลงไปเอง
เพียงเพราะโพสแบบไม่คิดของแอดมินเพจคนเดียว ทำให้บริการขนส่งอาหารเจ้าหนึ่งถึงกับเกือบสิ้นชื่อ(ตอนนี้ในต่างจังหวัดยี่ห้อนี้หายไปหมดแล้ว) แล้วคุณคิดว่า ทายาทของอำนาจโบราณจะสืบทอดอำนาจอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างไร
ในโลกที่สังคมโลกมันเชื่อมถึงกัน ในระบบเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวและการลงทุน
พวกเขาจะกล้ากลับไปอยู่แบบพม่าเมื่อ 15 ปีก่อนได้หรือเปล่า มื่อถึงตาจนและขาดปัญญา พวกเขาอาจกล้า แต่คิดเหรอว่ากลุ่มทุนที่หนุนอยู่ จะยอมกลับไปเป็นแบบนั้นด้วย
พม่าได้ประชาธิปไตยแบบบางส่วนมาแค่ไม่กี่ปี ประชาชนของเขายังสู้เพื่อรักษามันเอาไว้
แล้วประเทศนี้ ถ้าจะกลับไปเป็นแบบยุคสฤษดิ์ ถนอม ประภาส อีกรอบ คิดเหรอว่าประชาชนเขาจะยอม
ดังนั้นการที่ "ทายาท" จะสามารถครองอำนาจสืบต่อไปได้ ตัวทายาทเองก็ต้องสร้างภาพให้ตัวเองมีสถานะที่สาวกควรให้การสนับสนุนทายาทคนนี้สืบต่อไป เช่นการใช้ประชาธิปไตยบังหน้า ใช้ภาพเป็นคนดีย์น่าเคารพยกย่องเทิดทูน
แต่เท่าที่เห็นคือไม่มี แม้แต่ทายาททางความคิดที่ไม่จำเป็นต้องมีอำนาจ แค่ให้น่าจดจำอย่างที่ รุ้ง ไมค์ เพนกวิน ไผ่ ทำได้ก็ยังไม่มีให้เห็น ซ้ำร้ายการที่พยายามโหน คชโยธี อยู่ช่วงหนึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดไหน
ดังนั้นในระยะสั้นเขาคงหาทายาทมาได้แหละ แต่ในระยะยาวการที่จะให้ทายาทยังคงสืบต่อทายาทรุ่นถัด ๆ ไปได้อีกนั้นง่อนแง่นเต็มที ในขณะที่เหล่าคนรุ่นใหม่ยังคงมีเวลาเหลือเฟือ
ตราบเท่าที่อำนาจโบราณยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากเป็นคนดีย์ ในสายตาสาวกและชาวโลกอยู่ เวลาและโลกยุคใหม่นั่นแหละจะเป็นภัยคุกคามอันตรายต่ออำนาจโบราณเหล่านี้
เด็ก ๆ เหล่านี้ได้ปลูกต้นกล้าที่มีคุณสมบัติคือปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศ(ยุคสมัย)ได้เรียบร้อยแล้ว และไม่ได้ปลูกเพียงแค่ไม่กี่ต้นด้วย พวกเขาปลูกไปเป็นล้าน
ตอนนี้ต้นกล้าเหล่านั้นอาจจะถูกเด็ดทิ้งไปบ้างถูกพายุโถมทำลายไปบ้าง แต่ในที่สุด ต้นกล้านับล้านก็จะเติบใหญ่ให้ร่มเงาต่อไป และค้นไม้เหล่านั้นก็จะให้กำเนิดต้นใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก
ต้นไม้โบราณที่กำลังผุก่อนและไม่ยอมปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศ(ยุคสมัย) อาจจะพอให้กำเนิดต้นใหม่ได้อีกสักต้นสองต้น แต่สุดท้ายสภาพอากาศ(ยุคสมัย)ก็จะทำให้แคระแกร็นจนตายในที่สุด
+1
ผมมองคำว่า "ผู้สืบทอด" ของโพสต์ต้นทางได้อีกมุมครับ คือไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์จากผู้มีอำนาจในตอนนี้ เช่น บรรดาลูกหลาน นายพล เจ้าสัว ผู้มีอิทธิพล อำนาจมืด เราปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเหล่านี้มีทรัพยากรเยอะ แล้วจะมีโอกาสแค่ไหนที่บรรดาลูกหลานของคนกลุ่มนี้ที่จะเลือกลดข้อได้เปรียบของตัวเองในการได้ผลประโยชน์เพิ่มกว่าคนอื่น แล้วมาเข้าฝั่งประชาธิปไตย์จริงๆ (แบบคุณลูกนัท)
ที่ผมคิดคือ ถึงเด็กๆรุ่นใหม่ถึงจะเข้าใจประเทศมากขึ้นกว่าคนยุคเก่าแต่เขาก็ยังไม่มีพลังมากพอครับ ประท้วงกันหนักสุดก็ได้เท่านี้ มันไม่มี move อะไรที่จะแรงไปกว่านี้ได้แล้ว และถึงจะคิดทางสู้ได้แรงกว่านี้แค่ไหน อย่าลืมว่าฝั่งเราไม่ใช่ฝั่งที่มีปืน รถถัง กองกำลัง และศาล (ตีความข้อกฎหมาย) นะครับ
ถ้าให้นึกย้อนก่อนหน้านี้ ลุงตู่ก่อนมาเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร เขาก็เป็นแค่ทหารยศสูงๆคนนึง ถึงหมดยุคของลุงก็ต้องมีกลุ่มคนพวกเดียวกันนี้ถูกดันขึ้นมาอีก
ส่วนผู้สืบทอดในความหมายของท่าน ผมว่าถึงจะจบไปแบบหาผู้สืบทอดไม่ได้ ยังไงๆทหารก็ยังคงเป็นคนถือปืนอยู่ดี ถ้าจะมีการพลิกเหตุการณ์เกิดขึ้น ผมว่าอาจเลวร้ายแบบพม่าไปเลยก็ได้
สิ่งที่พอจะหวังได้ตอนนี้น่าจะเป็นการเลือกตั้งครับ แต่หวังน้อยในระดับปาฎิหาริย์เลยนะ เพราะคงมีการโกง ซื้อตัว กีดกัน ขัดขวาง ใช้กำลังอำนาจ กันแบบสุดๆอีก
แต่ในระยะยาวสุดๆ ผมก็เห็นด้วยกับท่านครับ เหล่าคนรุ่นใหม่ชนะแน่นอน
ผมไม่ได้พูดถึงผู้สืบทอดแค่รุ่นเดียวครับ แต่หมายถึงผู้สืบทอดในรุ่นถัด ๆ ไปจากนั้น
เพราะงั้นเงื่อนไขของเวลานี่แหละครับที่เป็นสิ่งที่อำนาจโบราณไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะมีข้อได้เปรียบได้
และเงื่อนไขอีกอย่างหนึ่งที่ผมย้ำมาตลอดคือกลุ่มอำนาจโบราณยังจำเป็นต้องรักษาภาพของการเป็นคนดีย์เอาไว้เพื่อรักษาสาวกและเหล่าบริวารให้เชื่อว่าการเป็นลูกน้องเขาคือการอยู่ข้างคนดี ยิ่งไปกว่านั้น การที่ยังต้องการรักษาภาพคนดีย์นี้ก็เพื่อภาพลักษณ์ในการเดินทางไปต่างประเทศอีกด้วย ระดับบนของอำนาจโบราณมีที่พำนักและบริวารในต่างประเทศและแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่ายินดีแค่ไหนที่ได้เดินทางไปต่างประเทศอันแสดงให้เห็นว่ามีปมที่ต้องการการยอมรับจากนานาชาติด้วย
ดังนั้นการที่จะถอดคราบคนดีย์โดยการใช้ความรุนแรงกับคนรุ่นใหม่ มันมีราคาที่จะต้องจ่ายสูงมาก
ซึ่งอำนาจโบราณเหล่านี้จะยอมแลกไหม และหากยอมแลก แล้วกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังจะยอมด้วยหรือเปล่า
หากจะไปถึงขั้นพม่า หรือแค่สั่งปิด Facebook Twitter Line Google ขึ้นมากลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังจะรับได้หรือไม่
ยังไม่นับที่สร้างภาพเอาไว้ว่าตัวเองเป็นเทวดา ก็ยิ่งทำให้ไม่สามารถเดินหมากรุนแรงได้เต็มที่ เพราะต้องรักษาภาพพจน์คนดีย์เอาไว้หลอกสาวกที่ยังหลงเหลือน้อยเต็มทีอยู่
ผมเชื่ออย่างยิ่งว่าตราบเท่าที่ยังไม่สามารถหาทายาทคนใหม่ที่เป็นศุนย์รวมจิตใจได้ ก็มีแต่แค่ยื้อเวลาออกไปได้เท่านั้น
นี่คือการต่อสู้ทางความคิด ย่อมจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำทางความคิดหรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีอุดมการณ์ให้ยึดมั่น
แต่เมื่ออุดมการณ์ของอำนาจโบราณไม่สามารถสร้างสาวกรุ่นใหม่ ๆ ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ เมื่อทำได้ดีสุดแค่ใช้กำลังกดขี่ สุดท้ายแรงต้านของการกดขี่ก็จะสะท้อนกลับด้วยแรงที่พอ ๆ กันหรือมากกว่า ก็มีแต่จะถูกลบไปตามกาลเวลา
เรามาถึงจุดที่จะต้องมีหน่วยงานรัฐจัดเสวนาทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่ดูข่าว 2 ทุ่ม หรือให้นายกมาบอกว่าให้กล้าหาญที่จะยืนในโรงหนังกันแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เมื่อ 3 ปีที่แล้วก็คงจะคาดไม่ถึง
การต่อสู้นี้ยังต้องต่อสู้อีกยาว และเด็ก ๆ เขามีเวลาพอที่จะสู้ต่อไปได้ เราเองต่างหากที่ได้แต่หวังว่าจะมีชีวิตได้อยู่ร่วมฉลองชัยชนะกับพวกเขา คำว่าให้มันจบที่รุ่นเรา ไม่ได้หมายความว่ารุ่นของพวกเราที่ตอบ ๆ กันอยู่ในนี้ แต่เป็นรุ่นของพวกเขาเหล่าเยาวชน
‘You messed with the wrong generation’
เห็นด้วยเลยครับ
ในระยะยาว ยังไงแนวคิดใหม่ๆ ก็ชนะ ถ้ายอมปรับตัวก็คงพออยู่ได้เหมือนอังกฤษ
แต่ถ้าไม่ อันนี้ก็ตอบยากแล้วครับ
+1 ค่ะ
ผมว่าไม่ครับ แค่จะหาวิธีที่แยบยลและเงียบๆ มาจัดการซะมากกว่า จะทำให้เสียชื่อตัวเองในช่วงข้ามคืนทำไม ซึ่งอันตรายและเลวร้ายกว่าครับ
และต่อให้เป็นเผด็จการก็ยังรู้ตื้นลึกหนาบางในบางเรื่อง และยังพอจะเกรงใจที่จะไม่ทำอะไรโผลงผลางให้เป็นจุดเด่นแน่ๆ กลุ่มคนที่ทำงานกับเขา คงคิดลึกกว่านั้นนะผมว่า
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ถ้ากล้าเอากิโยตินมาใช้ผมฮาเลยครับ
ทำไมคนรุ่นเก่าถึงยังอยากอยู่ในตำแหน่ง ทั้งๆที่อีกไม่นานก็ต้องตายอะคะ ทำไมไม่ลองหาอะไรใหม่ๆให้คนรุ่นใหม่ๆมาทำงานบ้าง
เงิน อำนาจบารมี ความเห็นแก่ตัวครับ ตายไปอนาคตก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้วสู้กอบโกยให้ตัวเองตอนนี้ดีกว่า ส่วนลูกหลายก็รอรับต่อจากเขาไป อันนี้คือที่เจอๆและเห็นๆมานะ
ผมเชื่อว่าไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อขนาดนั้น
คาดว่าคงล้อมแล้วก็ M-16 มากกว่า ฅหรือไม่ก็ผู้ไม่หวังดีจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย......
ตื่นๆ เช้าแล้ว
แฮคเวปแล้วไงต่อ?
เย็นนี้ดวดเบียฉลองชัยชนะ? XD
จริง ผมเองก็อยากรู็ว่าแฮคแล้วไง ช่วยอะไรใครในทางปฏิบัติไม่ได้เลย
ได้ออกข่าวนี่แหละครับสร้างความรับรู้ ชิงพื้นที่สื่อ ถ้าฟลุกๆก็ได้ข้อมูลภายในด้วย
อันนี้อยากให้เข้าใจนะครับ ต่อให้ทุกคนคิดไปในทางเดียวกัน แต่ถ้าไม่มีอำนาจอยู่ในมือก็ต่อรองอะไรไม่ได้ครับ
ผมไม่รู้ว่าฝ่ายซ้ายยุคใหม่เข้าใจเรื่องนี้ดีแค่นี้ แต่ฝ่ายขวายุคใหม่ยังยึดอำนาจด้วยการปฏิวัติอยู่ แปลว่าฝ่ายขวาเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่า
ถูกด่าก็อยู่เฉยๆ ถูกประท้วงก็รับมือไปวันๆ ออกข่าวลบอะไรก็ตอบแค่ไม่รู้ๆ แต่อำนาจยังอยู่ ยังคุมทิศทางประเทศได้ เรื่องขายหน้า เรื่องงามหน้ามันกลายเป็นเรื่องเล็กครับ
ถ้าฟังกลุ่มซ้ายในระดับผู้ขับเคลื่อนจะรู้ว่าเค้ารู้หมดแหละครับเรื่องอำนาจ ผมนั่งฟังเค้ารับรู้ว่าไม่ได้จะจบในเร็ววันนี้นะครับ
เค้าบอกเลยว่าเลือกตั้งครั้งหน้าก็ยังไม่จบ เค้าวางเป้าหมายคือ 2570 เลยครับ ระหว่างนั้นจะพยายามดึงแนวรวมเข้ามาเรื่อยๆ
แต่สิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนและเห็นผลที่สุดคือเวลา ตอนนี้คือดึงอำนาจเข้ามาทีละน้อยเพื่อเป็นตัวเร่ง เช่น ลงไปเล่นระดับท้องถิ่น เลือกตั้งครั้งหน้าก็จะดึงอำนาจในระดับประเทศ เมื่อได้ 2 ส่วน ก็ค่อยๆทำลายระบบ ซึ่งตรงนี้ก็มีโอกาสถูกรัฐประหารอีก
ผมพูดตามตรงนะครับ อย่าเรียกว่ากลยุทธ์เลยครับ เรียกว่านั่งรอดีกว่า ระหว่างนี้ก็รอดูความหายนะในภาคส่วนต่างๆ พร้อมกับการถูกดำเนินคดีของแกนนำ และผู้ชุมนุมไปเรื่อยๆ
ยิ่งยืดเยื้อยิ่งแย่ครับ ยิ่งปล่อยให้วางฐานอำนาจได้นานๆ ก็ยิ่งแย่ ซึ่งเรื่องการกุมอำนาจนานๆ นี้ผมพูดรวมถึงทุกฝั่งทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่ฝั่งอนุรักษ์นิยมครับ ทุกวันนี้ทักษิณยังมีอำนาจในพรรคอยู่เลย ถึงขนาดว่าเอาลูกสาวมาลงการเมืองได้แล้วด้วย
เรื่องพยายามกุมฐานอำนาจระยะยาวมันเป็นเป้าหมายของพรรคการเมืองไทยอยู่แล้วอ่ะนะ
มันเป็นกลยุทธ์ครับ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในต่างประเทศแล้วนำมาใช้ ผมจำชื่อไม่ได้แล้วเค้าเคยพูดถึงอยู่ ซึ่งใช้เวลา 10 ปี
สิ่งที่เค้าทำเค้าไม่ได้ต้องการกุมฐานเสียงครับ แต่เค้าต้องการให้พรรคการเมืองเกิดการแข็งขันกันเอง ใครจะมากุมอำนาจก็ได้ แต่ขอให้มาจากกติกาที่ยุติธรรม มีการแข็งขันกันทางด้านยโยบาย พอเกิดการแข็งขันคนที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชนครับ
ดังนั้นสิ่งที่ทำไม่ใช่หาฐานเสียงเพื่อพรรค แต่เป็นการสร้างความรับรู้ เปลี่ยนแนวคิดการบริหารแบบเดิมครับ ซึ่งมันใช้เวลานานกว่าจะเปลี่ยนความคิดคนได้ครับ
ดูเก๋าในโลกเสมือน แต่ความเป็นจริงเปลี่ยนอะไรแทบไม่ได้เลยเรื่องแฮคเวป แต่ก็ยังดีที่ได้มีที่แสดงออก
ผมกลัวมันจะเป็น ม็อบ แบบ 16 ตุลา พฤษา ทมิน คือเอากำลังมาระงับเหตุ
ถ้าไม่มีฝั่งไหนยอมงอ สุดท้ายมันก็ต้องหักครับ
ถึงทั้ง2ฝั่งไม่งอ มันก็ไม่หักหลอกครับ ถ้ากฏมันแฟร์กับทั้ง2ฝ่าย
เรียกว่าหักอยู่ฝ่ายเดียวได้มั้ยครับ
สารขัณฑ์ยังไกลจากความสงบ
พึ่งเปิดประเทศจะปิดประเทศตีเด็กแล้วเหรอ
เป็นกองเชียร์ก็ดีอย่างนี้ ไม่ว่าจะเชียร์ม็อบไหน แดง เหลือง ส้ม
แต่ไม่เอาตัวไปเสี่ยง นั่นม็อบบาดเจ็บล้มตาย ติดคุก กองเชียร์ยังสบาย
ทำเท่าทีทำได้ก็พอแล้วครับ เชียร์ยังดีกว่าไม่เชียร์ เฉยเมย
ประหารคงเว่อร์ไปมั้ง ส่วนเรื่องเปลี่ยนมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆแหละ แต่จะหวังแลนด์สไลด์นี่ก็เพ้อเจ้อ
.
การเปลี่ยนแปลงดีขึ้นเยอะแล้วครับ สองสามปีก่อนใน blognone นี่แหละเม้นท์แนวๆ นี้ไม่ได้เลย มีสลิ่มมาด่าเยอะแยะ เดียวนี้แทบจะ 0 พัน อิอิ
📸
นึกว่าเพลงกิโยตินนี้ https://youtu.be/0Twol-8HRhg?t=12
เว็บมันไม่มีอะไรเลยเหรอ หรือแค่ทำ worldpress เสนอข่าวๆทั่วๆไป ไม่มีระบบป้องกันอะไรมาก
เข้ามาอ่านเดี๋ยวนี้ blognone มีสลิ่มเยอะขึ้นแหะ
ทั้งๆที่เป็นเว็บที่น่าจะเป็นศูนย์รวมคนที่มีตรรกะ มีความสามารถในการวิเคราะห์ที่ดี
ผมไม่มีตรรกะ ผมสาย art
ผมไม่ได้ถึงอย่างนั้นครับ ใครก็มีตรรกะได้ ไม่ว่าสายอาชีพอะไร
แต่ผมเข้าใจว่าสาย IT ควรจะมีตรรกะมากกว่า
เพราะใช้ในสายอาชีพตัวเองมากกว่าสายอาชีพอื่นๆครับ
ผมรู้จักพี่คนนึงเป็นโปรแกรมเมอร์ ตรรกะแกดีมากนะ การทำงานก็คือเก่งเลย การใช้ชีวิตก็ค่อนข้าง open
แต่เรื่องการเมืองคือคุยไม่ได้เลยยย เหมือนเป็นคนละคน แตะนิดเดียวก็เริ่มด่า3นิ้วแล้ว
บางทีก็อยากจะยกเรื่องที่แกเคยใช้ตรรกะที่ถูกต้องมาเทียบว่ามันย้อนแย้งนะ แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวเสียเพื่อน
เข้าใจเลยครับ ที่ทำงานก็มีเหมือนกัน
ผมก็เจอครับ ในสาย IT ก็เยอะพอสมควรนะ ทั้งที่ทำงานและไซต์ลูกค้าก็ยังมีเยอะอยู่
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เผด็จการทหาร vs เผด็จการนักศึกษา ?
การชุมนุมเรียกร้องไม่ว่าจะอะไรก็ตามพูดเหมือนกันหมด "เราจะไม่หยุดชมนุมจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ บลาๆๆ" แล้วถ้าสิ่งที่เรียกร้องมันไปบังคับคนอื่นๆที่เขาไม่ได้เห็นด้วย ก็เรียกว่าเป็นเผด็จการหรือเปล่า ?
จะบอกว่าเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง... วัดจากอะไรดี ? ผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็เหมือนเดิม
หรือระบบประชาธิปไตยมีช่องโหว่มากมาย เพราะออกแบบไว้นานมากแล้ว และก็ไม่เห็นมีประเทศไหนทำได้ อเมริกาที่อ้างเป็นแม่แบบ ก็ดันเป็นต้นกำเนิดกลุ่ม 3K การเหยียดผิว สารพัด
ปี 2021 ทำอะไรดี ?
ช่องโหว่ประชาธิปไตยไทยนี้มากจาก back door ที่ถูกวางไว้จากเผด็จการทหารทั้งนั้น
ไม่ต้องทำอะไรครับ ไอ่นุ่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ใช่ ประชาธิปไตยก็มีช่องโหว่ เมกาก็ไม่ได้เรื่อง ไม่มีอะไรperfectซักอย่าง ไม่มีอะไรวัดได้ซักอย่าง อยู่เฉยๆแบบผมดีกว่าครับ ให้เด็กๆเขาสู้กันไปไม่ว่าใครจะชนะเมื่อถึงวันนั้นเราก็อยู่ข้างนั้นแล้วเสพสุขกันตามปรกติ สบ๊าย สบาย ดีออกผมว่า
Don't let perfect be the enemy of good?
ผมเพิ่งรู้ว่าการเหยียดผิวเกิดเพราะประชาธิปไตยนะเนี้ย
ปัญหานี้ถ้าอเมริกาเป็นเผด็จการจะไม่เกิดใช่ไหมครับ
สิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยคือการนำข้อเรียกร้องไม่ว่าเรื่องใด มาทำการรณรงค์ในที่สาธารณะได้
แล้วถ้ารัฐบาลไม่สามารถตัดสินใจได้หรืออธิบายให้คนส่วนมากเข้าใจได้ก็จะใช้การโหวต
คือประชาธิปไตยมีไว้เพื่อใช้การโหวตในการตัดสินปัญหาต่างๆ เพื่อจะได้ไม่ใช้กำลังเข้าตัดสิน
แค่นี้เองครับ ถ้าเป็นเผด็จการหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์การเปลี่ยนผ่านการปกครองคือการนองเลือด
ประชาธิปไตยมันไม่ใช่เรื่องของ "การโหวต" แต่มันเป็นเรื่องของ "การรับฟังและพูดคุย" ครับ
ในทางตรงกันข้าม การโหวตมันเป็นดาบสองคม ถ้าใช้งานไม่ดีมันอาจจะทำลายประชาธิปไตยด้วยซ้ำ (กลายเป็นระบบพวกมากลากไป) เพราะมันจะเป็นการฟังแต่เสียงส่วนใหญ่ โดยละเลยเสียงส่วนน้อย (แบบที่ไทยเราปลูกฝังกันมาผิดๆ)
ประชาธิปไตยที่แท้จริง มันคือการรับฟังทุกเสียง ไม่ว่าจะเสียงส่วนใหญ่หรือเสียงส่วนน้อย และพยายามพูดคุยหาทางออกที่ทุกคนแฮปปี้ที่สุดครับ แต่มันใช้จริงยาก แค่ตกลงกับเพื่อนว่าจะกินข้าวที่ไหนยังแทบจะตกลงกันไม่ได้เลย มันก็เลยต้องมีเครื่องมือช่วยตัดสินใจอย่างเช่น การโหวต
การโหวตอย่างเดียวสามารถทำให้คนส่วนใหญ่สั่งให้คนส่วนน้อยไปตายได้หรือไปเป็นทาสได้ แต่ประชาธิปไตยไม่สามารถทำแบบนั้นได้ครับ
มันคือการรับฟัง หาทางออกที่ดีที่สุด ได้รับผลประโยชน์ หรือยอมรับได้ทุกฝ่ายนั้นแหละครับ
แต่ถ้าสองฝ่ายไม่ยอมทั้งคู่ล่ะ มันก็ตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องโหวตนั้นแหละครับ คือกรณีมันหาทางออกร่วมได้ มันไม่มีปัญหาหรอกครับ
ซึ่งจริงๆแล้ว ระบอบก็ได้มีการวางกลไกที่ป้องกันตัวอย่างที่คุณว่ามาไว้แล้วครับ เช่นการมีสิทธิมนุษยชน การมีหลักประชาธิปไตยสากลเป็นแบบอย่าง และยังมีเรืองของกฏหมายต้องเท่าเทียมบังคับใช้ได้กับทุกคนครับ
อีกเรื่องคือเรื่องของมโนสำนึก จากการเรียนรู้เรื่องสิทธิ์ ทำให้ไม่มีใครเสนอให้มีการฆ่าคนสอนน้อยครับ กลไกหลายอย่างมันถูกป้องกันไว้แล้วครับ
อย่างที่ผมบอกครับ มันเป็นดาบสองคม ถ้าใช้ดีมันก็เป็นผลดี ถ้าใช้ไม่ดีมันก็เป็นผลเสีย ยังไงมันก็ต้องใช้ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจหรือในสถานการณ์ที่หาข้อยุติไม่ได้จริงๆ (แต่โหวตเสร็จแล้วก็ต้องกลับมาสนใจปัญหาของเสียงส่วนน้อยด้วย ไม่ใช่ช่างหัวเสียงส่วนน้อยไปเลย นี่คือจุดที่มักจะลืมกันหลังโหวตเสร็จ)
ผมไม่ได้ปฏิเสธการโหวตครับ แต่ผมต้องการจะสื่อว่าแก่นของประชาธิปไตยมันไม่ใช่การโหวตเลย ถ้าทำได้มันไม่ควรจะมีการโหวตด้วยซ้ำ ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการสื่อสารทำนองว่า "ประชาธิปไตย = การโหวต" เพราะการสื่อสารแบบนี้มันจะทำให้เราลืมแก่นที่แท้จริงของมันไปครับ
"ประชาธิปไตยมีช่องโหว่มากมาย" ถูกต้องครับ ประชาธิปไตยมันเป็นหลักการที่นำมาใช้จริงในระดับประเทศหรือคนจำนวนมากได้ยาก ก็เลยต้องมีเครื่องมือต่างๆนานาช่วย แต่ถ้าจัดการไม่ดี เครื่องมือเหล่านั้นก็จะกลายเป็นช่องโหว่เสียเอง
ซึ่งเครื่องมือที่อาจกลายเป็นช่องโหว่ใหญ่ที่สุดก็คือ "การโหวต" นั่นเอง เพราะความเห็นของคนส่วนใหญ่มันอาจทำให้คนส่วนน้อยเดือดร้อน ถ้าให้ความสำคัญกับผลโหวตเพียงอย่างเดียว ปัญหาของคนส่วนน้อยเหล่านั้นก็จะถูกละเลยไม่ได้แก้ไข จนเป็นที่มาของปัญหาและความขัดแย้งต่างๆครับ
ในไทยตอนนี้ยิ่งเห็นชัดครับ อย่างเรื่องสว 250 เสียง หรือการอภิปรายที่ไม่ว่าฝ่ายค้านจะทำยังไง อีกฝั่งก็ยกมือให้ผ่านอย่างเดียวและเรื่องทุกอย่างก็จบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันคือการใช้ช่องโหว่ของการโหวตอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับการชุมนุมต่างๆนานาที่เกิดขึ้น ทางออกแบบประชาธิปไตยมันก็ง่ายๆ (แต่ทำจริงไม่ง่าย) ก็แค่เอาทุกฝ่ายมานั่งพูดคุยหารือ หาทางออกร่วมกันแค่นั้นเอง แต่ไม่ว่ายุคสมัยไหนมันก็แทบจะไม่เกิดขึ้นเลย
การโหวตเฉยๆ เป็นแค่เครื่องมือครับ จะนับว่าเป็นการโหวตในระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนในยุคปัจจุบัน มันต้องเป็นการโหวตที่เกิดจากสิทธิ์ที่ได้รับมอบหมายเป็นตัวแทนในการตัดสินใจด้วยความสมัครใจ และต้องการมาเลือกตัวแทนอย่างโปร่งใส เป็นธรรม
ไม่งั้นเราก็ต้องยอมรับว่า ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเหนือ เป็นประเทศประชาธิปไตย เพราะมีชื่อประชาธิปไตยบนชื่อประเทศ และมีการเลือกตั้ง ที่ทุกคนเลือกผู้นำด้วยคะแนน 99.99% ด้วย(แต่ถ้าใครไม่เลือกท่านผู้นำ?)
มันมีองค์ประกอบอื่นๆ มากกว่าแค่พิธีกรรม
ส่วนเรื่องสว 250 เสียง เป็นสิ่งที่เรียกว่าผลไม้พิษ เพราะมีอำนาจในการเลือกนายก โดยที่ไม่ได้ยึดโยงจากประชาชนหรือพลเมืองเลย แต่ถูกแต่งตั้งด้วยกรรมการไม่กี่คน ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นสมัยรบ.ทหารที่เกิดจากการรัฐประหาร และยัดไส้กฎหมายมาด้วยกรรมการที่ถูกแต่งตั้งจากคณะรัฐประหารทั้งหมดอีกที
บางคนพยายามอ้างconcensus ที่เกิดจากการลงประชามติรับร่างรธน.2560 แต่ถ้ามองย้อนไปจริง ในร่างฯก็ไม่ได้เขียนเรื่องอำนาจในการเลือกนายกชัดเจน และไม่นับว่าตอนนั้นขั้นตอนการลงประชามติมีปัญหา ทั้งการจับผู้รณรงค์ฝ่ายตรงข้าม และจำกัดเวลาผิดจากการเลือกตั้งตามปกติอื่นๆ
ในความเป็นจริงเราไม่สามารถย้อนกลับไปใช้ ประชาธิปไตยทางตรง แบบให้ทุกคน60กว่าล้านคนให้ความเห็นทีละคนและนั่งโหวตทีละเรื่องได้อีกแล้วครับ มันเป็นสิ่งที่เรียกว่าอุดมคติและใช้งานไม่ได้จริง สุดท้ายก็ต้องใช้ระบบตัวแทนอยู่ดี
ใช่ครับ ไม่ว่าจะการโหวตและระบบตัวแทนมันก็เป็นแค่เครื่องมือ จะดีไม่ดีก็อยู่ที่การนำไปใช้
ผมไม่ได้ต่อต้านการนำไปใช้ครับ ยังไงมันก็ต้องใช้ เพราะประชาธิปไตยในอุดมคติมันไม่มีประสิทธิภาพพอจะใช้บริหารประเทศได้ (แค่นัดกันข้าวกับเพื่อนหลายๆคน กว่าจะตกลงกันได้ว่าร้านไหนวันไหนยังยากเลย) เพียงแต่อยากให้นำไปใช้อย่างถูกหลักการประชาธิปไตย ไม่ใช่สักแต่ใช้และบอกว่านี่แหละคือประชาธิปไตยครับ
ปัญหาตอนนี้คือหลายๆคนเข้าใจว่า "การโหวต = ประชาธิปไตย" ครับ เพราะงั้นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจึงถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตยแล้ว (ก็โหวตชนะไปแล้วนี่นา) ใครไม่ยอมรับผลโหวตก็จะถูกตีตราว่าต่อต้านประชาธิปไตยไปโดยปริยาย ผมก็เลยอยากจะแก้ไขค่านิยมนี้ครับ
เหยียวผิวแบบประชาธิปไตยมันแย่ครับ ควรจับไปเข้าค่ายกักกันใช้แรงงาน+ล้างสมองแบบที่ผเด็จการจีนทำกับอุยกูร์ถึงจะดี
จัดซื้อ Web App Firewall ใหม่ยังหว่า
เป็นกิมมิคเล็ก ๆ เหมือนสมัย เหนือเมฆกุอยู๋ไหน แหละครับ
ไม่ต้องทะเลาะกัน
ไม่รู้ว่าม๊อบจำการโดนบังคับตัดจบละครได้หรือเปล่า
เหมือนทำเป็นไม่เห็นกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
นี่แหละเป็นผลของการรับรองคณะประหารบ่อยๆ
ทั้งที่สามารถปฏิเสธได้
ดูตัวอย่างได้จากกบฏยังเติร์ก 2524 ขนทหารออกมา 42 กองพัน ยึดกรงเทพได้และจับตัวเปรมได้ ใครก็ว่าชนะ ที่ไหนได้เข้าเฝ้ากษัตรย์ไม่ได้ ไม่ได้รับอนุญาต ฉิบหายละทีนี้แถมยังโดนกดดันให้ปล่อยตัวเปรม พอเหล่าทหารรู้ว่าเบื้องบนปฏิเสธ ก็เริ่มแปรพักตร์ทันที เรียบร้อยเลย
เหตุการณ์เป็นหลักฐานว่าสถาบันสามารถปฏิเสธไม่รับรองคณะรัฐประหารได้
เพราะทหารไทยเชื่อฟังกษัตริย์มากกว่านายพลตัวไหนๆ ไม่มีทหารตัวไหนกล้าทำร้ายสถาบันหรอก ขอแค่ปฏิเสธทหารที่เหลือก็พร้อมจะกลับลำอยู่แล้ว แต่...ไม่ทำ
นี่เป็นเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายที่ไม่ชอบทหารอยู่แล้ว พาลไม่ชอบสถาบันด้วย มองว่าสถาบันเลือกข้าง เพราะทหารพวกนี้ทหารการเมือง
เปลี่ยนแปลงอะไรได้ไหมไม่รู้ แต่เมื่อวานนายกต้องขอให้คนยืนในโรงหนัง ฝาบ้านของเพื่อนๆหลายคนก็เกลี้ยงดีจัง วันสำคัญๆต่างๆปรกติพวกดาราจะแห่กันโพสต์อวยยศทั้งวงการ ตอนนี้แทบจะนับหัวได้ ใช่อยู่ฝ่ายขวามีอำนาจมายาวนานมากไม่ยอมปล่อยให้อำนาจหลุดมือเลย แต่อำนาจจะยั่งยืนไม่ได้ ถ้าไร้ซึ่งบารมี มีแค่อำนาจอย่างเดียวจะไปได้อีกสักกี่น้ำนี่ก็รอดูอยู่ ตอนนี้ก็เทหมดหน้าตักละเปิดหน้ากันหมด คงไม่ต้องทำอะไรลับๆล่อๆเหมือนสมัยก่อน สู้กับเวลามันก็เหนื่อยหน่อยน๊า กรั่กๆ
ฝั่งนึงมีอำนาจและปืน ดูมินอ่องลายได้ ประท้วงทั้งประเทศก็สั่นคลอนไม่ได้ ปืนเหนือกว่ามือเปล่า และอำนาจสืบต่อได้ อย่าคิดว่าหมดคนนี้แล้วจะจบ ก็มีทายาทสืบทอดอำนาจต่อไปเรื่อยๆได้ ดูรบ.ทหารพม่าอยู่มากี่สิบปีแล้ว...
แต่มันก็เปลี่ยนความคิดคนหมู่มากได้ อาจจะยาวนานแต่ก็ต้องรอดูกันไป หลายเรื่องเป็นสิ่งที่เมื่อสิบปีที่แล้วไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น ถึงขนาดอีกฝั่งต้องมารณรงค์ให้กล้าที่จะ"ยืน" ลองนึกถึงสมัยก่อนสิครับ มันตรงข้ามกันสุดๆ
คนโกงมีเยอะเกินไป ประเทศนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้
พรรคนี้โกง เลือกพรรคนั้นก็โกง เหลือพรรคโน้นก็โกง
บางพรรคยังไม่เคยเป็นรัฐบาล ตอนนี้ก็สร้างภาพไปก่อน ค่อยไปออกลายทีหลัง
ประเด็นคืออะไรเหรอครับ? หรือว่าตอบผิดโพส?
เปลี่ยนแปลงได้สิครับ แค่ทำระบบให้มันชัดเจน ไม่ต้องรอการตีความหรือดุลพินิจของใคร
เปิดข้อมูลของรัฐทั้งหมดให้เข้าถึงได้โดยง่าย องค์กรอิสระต้องอิสระจริงๆไม่ใช่แต่งตั้งกันเองสลับไปมา
แค่นี้ต่อให้คนชั่วได้เป็นรัฐบาลมันก็อยู่ไม่ได้นานหรอกครับ ถ้ามันยากไปลอกงานต่างประเทศมาก็ได้ ก็มีใช้งบบินไปดูงานอยู่เยอะแยะนี่คนติดตามก็พกไปด้วย คงไม่ได้เอาไปเที่ยวเฉยๆหรอกเนอะ
แล้วก็พรรคไม่ควรเป็นแค่การรวมตัวของกลุ่มผลประโยชน์ พรรคควรเป็นการรวมตัวของอุดมการ์ณเดียวกัน มันน่าจะมีระบบอะไรซักอย่างที่ถ้าไม่ทำหรือไม่พยายามทำตามที่หาเสียงไว้ จะโดนทำโทษนะ หรือถ้าไม่อยากทำตามที่หาเสียงไว้ก็ต้องลาออกจากการเป็น สส.ไปเลย
แต่ก็นั่นแหละ ผลประโยชน์มันค้ำคอเขาไม่ทำหรอก ประชาชนต้องผลักดันกันเอง
วาทะกรรมนักการเมืองมันชั่ว มันโกง
วาทกรรมคนโกงเยอะเกินไป มีขึ้นมาก็เพื่อสนับสนุนให้เกิดเทวดาในรูปของคนดีย์ เข้ามา
อ้างคนนั้นโกง คนนี้ก็โกง ขนาดเขายังไม่เคยแม้แต่ได้อำนาจรัฐก็ไปกล่าวหาว่าเดี๋ยวอีกหน่อยเขาก็โกงแล้ว
แบบนี้นี่แหละครับคือร้องเรียกหาคนดี เป็นลัทธิบูชาตัวบุคคล สมมุติเทพ แล้วจบท้ายด้วยการยกอำนาจให้คนที่โฆษณาตัวเองว่าดี
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงคืออย่างน้อยจะต้องสร้างระบบให้คนดีคนเก่งได้เข้ามา และยังจะต้องสามารถกำจัดไอ้คนไม่ดีที่หลุดรอดเข้ามาแล้วออกไปได้ง่าย ๆ ด้วย
เพราะงั้นโลกถึงได้พัฒนามาเป็นระบบอบประชาธิปไตย ซึ่งมันไม่ได้ดีเด่นเลิศเลอหรือสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นระบบเดียวในตอนนี้ที่โลกรู้จัก ว่ามันจะให้โอกาสคนดีคนเก่งได้เข้ามา และมันยังสามารถไล่คนไม่ดีที่พลาดหลุดเข้าไปได้อีกด้วย
ถ้าเป็นประชาธิปไตย ถ้าแม้ว ปู ทอน มันชั่วมันเลว ครบวาระก็แค่ไม่ต้องไปเลือกมัน หรือมีกระบวนการโน่นนั่นในการถอดถอนอีกสารพัดสิ่ง
แต่ตู่นี่ขนาดแพ้ไม่ได้เลือกมา มันก็ยังกลับมาได้อีก เพราะว่ามี สว.คนดีย์ มีศาลพระภูมิ มีกรรมการที่พวกมันเลือกมาเองคอยอุ้มชูอยู่ แล้วก็โฆษณาว่าฉันเป็นคนดีย์ ฉันจงรักภักดี คนของฉันก็เป็นคนดีย์
เทวดาที่เข้ามาก็เป็นคนดีย์ ขนาดผลาญเงินเล่นไปสรรหาสาว ๆ มาอวยยศเป็นนางฟ้านางสวรรค์ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร เพราะการบูชาเทวดา บูชาคนดีย์ ดังนั้นสิ่งที่เทวดาทำก็ถือเป็นสิ่งดี ๆ ที่ใคร ๆ เขาก็ทำกัน
อย่าไปยึดติดกับคนดี คนที่ไม่โกง บริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่เลยครับ มองคนให้เป็นคน มีดีมีเลวปะปนไป แล้วหาวิธีที่จะทำให้คนที่เข้าไปในระบบแล้ว โกงกินได้น้อยลง ก็เท่านั้นเอง
ถ้ายังอยากได้คนที่ไม่โกงมากมายขนาดนั้น ทำไมไม่นิมนต์เจ้าอาวาสวัดไหนสักวัด ให้สึกออกมาเป็นนายกซะเลย
น่าสนใจว่าเราสามารถจินตนาการระบบการปกครองแบบสุดติ่งได้ขนาดใหน แล้วมองย้อนไปในประวัติศาสตร์ว่ามีระบบการปกครองแบบนั้นอยู่จริงๆไหม แล้วได้ผลลัพธ์ยังไง น่าสนุกเหมือนกันนะ
อย่างที่คุณยกตัวอย่างมา เอาพระมาปกครองประเทศ ทิเบตก็เคยใช้พระมาปกครองนะ วาติกันก็ใช้สันตะปาปา วาติกันใช้ประชาธิปไตยเลือกจากพวกนักบวชด้วยกันเอง เหมือนกับจีนที่ใช้คนจากพรรคคอมฯเลือกผู้นำ ไม่ไช่คนจากทั่วประเทศ อาจมีระบบการปกครองแปลกๆอีกมากมาย แค่ลองคิดเล่นๆสนุกๆดู
ตอนที่กำลังพิมพ์ตอบกระทู้ก่อนหน้านี้ก็เคยจินตนาการสุดติ่งถึงขนาดที่ว่า หลังเหตุการณ์ประหารสาธารณะ ประเทศไทยจะเกิด holocaust คนในประเทศจะเหลือแค่ชนชั้นนำ สลิ่ม และ Ignorant ที่ยังเป็น "คน" ในสังคมอยู่ ที่เหลือก็อยู่ในค่ายกักกัน...
ความคิดน่าขยะแขยงชิบหาย
ใครบอกจะโดเนท วันนี้ได้โอกาสโดเนทแล้วนะฮะ