แม้ช่วงหลังๆ Huawei จะแผ่วไปบ้าง หลังถูกสหรัฐฯ กีดกันไม่ให้บริษัท Google ทำการค้าด้วย จนเสีย Google Mobile Services และแอป Google ไป แต่อย่างไรก็ตาม Huawei ยังมีดีที่ด้านฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะด้านกล้อง ถึงขั้นที่หลายๆ คนพกไว้เป็นโทรศัพท์เครื่องที่สอง เพื่อไว้ถ่ายรูปโดยเฉพาะ
Huawei P50 Pro กลับมาพร้อมกล้องระดับเทพแบบไม่ต้องสงสัย ณ ขณะที่เขียนรีวิวนี้ ก็ครองตำแหน่งกล้องที่ทำคะแนนอันดับ 1 ประจำเว็บไซต์ DXOMark ยาวตั้งแต่เปิดตัว แต่จุดที่ผู้ใช้งานอยากจะรู้กัน น่าจะเป็นด้านซอฟต์แวร์ของ Huawei และเรื่องแอปพลิเคชั่นต่างๆ ในเครื่องมากกว่า ซึ่งวันนี้ Blognone จะมารีวิวให้ดูกันว่าการใช้งานเช่นดาวน์โหลดแอปต่างๆ เป็นอย่างไรบ้าง
สเปกเบื้องต้น
ลักษณะภายนอก
หน้าจอเป็นแบบขอบโค้งตามสไตล์มือถือยุคนี้ ทั้งด้านหน้าและหลังเป็นกระจก ค่อนข้างดูดรอยนิ้วมือ แต่ถ้าใส่เคสก็ไม่มีปัญหา ลำโพงเป็นแบบลำโพงคู่บน-ล่าง ชาร์จด้วยพอร์ต USB-C ช่องใส่ซิมอยู่ด้านข้างพอร์จชาร์จ ปุ่มเปิดปิด และเพิ่ม-ลดเสียง อยู่ฝั่งขวาทั้งหมด
ตัวโมดูลกล้องมาแบบวงกลมสองวง ด้านบนจะมีกล้องธรรมดา กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องโมโน ส่วนด้านล่างเป็นกล้องซูมกับแฟลชแยกออกมา คาดว่าเพื่อจัดการพื้นที่ให้กับกล้องซูมแบบ Periscope ไม่ไปเบียดกล้องตัวอื่น ตัวเครื่องขนาดพอดีมือ ไม่รู้สึกใหญ่เกินไป น้ำหนัก 195 กรัม ใกล้เคียงกับ iPhone 13 Pro ที่ 204 กรัม
การใช้งาน ดาวน์โหลดแอป
ตัว EMUI 12 ใช้งานไม่ยากนัก การใช้งานจะคล้ายคลึงกับแอนดรอยด์ในเวอร์ชั่นปรับแต่ง การตั้งค่าต่างๆ แทบจะถอดแบบกันมา ลากจากด้านบนจอด้านขวาเพื่อดูการตั้งค่า และด้านซ้ายสำหรับดูการแจ้งเตือนต่างๆ ปลดล็อกก็ลากจากด้านล่างขึ้นบนตามปกติ ผู้ที่คุ้นเคยกับแอนดรอยด์อยู่แล้วคงใช้เวลาไม่นานให้ชิน
การดาวน์โหลดแอปหลักๆ มีสองช่องทาง ช่องทางแรกอย่างเป็นทางการคือ Huawei App Gallery ซึ่งจะมีแอปที่ Huawei รองรับอย่างเป็นทางการให้ดาวน์โหลด แต่ก็จะไม่มีแอปที่เกี่ยวข้องกับ Google ให้ดาวน์โหลดโดยตรง แต่ก็มีแอปไทยที่หลายคนต้องใช้อย่างหมอพร้อม เป๋าตัง ไทยชนะ หรือแอปธนาคารเช่น SCB Easy รวมถึงแอปสั่งอาหารเช่น Grab, Lineman และ Foodpanda แต่ยังไม่มี Robinhood
ด้านแอป Google เมื่อผู้ใช้ทำการค้นหาใน Huawei App Gallery ตัวแอปก็จะแสดงสิ่งที่เรียกว่า Results from Petal Search ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็นเซิร์ชเอนจิ้นสำหรับหาไฟล์ APK ของแอนดรอยด์มาให้ผู้ใช้ ซึ่งเมื่อกดเข้าไป ก็จะส่งผู้ใช้ไปหน้าเว็บเพจที่สามารถดาวน์โหลดไฟล์ APK ของแอป Google ต่างๆ เช่น Google Maps, YouTube หรือ Gboard ได้ (คีย์บอร์ดเริ่มต้นในเครื่องเป็น Microsoft SwiftKey และ Kaka)
หรือผู้ใช้จะกดเข้าไปในแอป Petal Search เลยก็ได้ ซึ่งตัวแอปจะทำหน้าที่เป็นเหมือนแอปศูนย์กลางคล้าย Google Now ที่จะรวมข่าวต่างๆ รวมถึงเป็นเซิร์ชเอนจิ้นสำหรับดาวน์โหลดแอปจากทั้ง App Gallery และ APK ภายนอก รวมถึงมีฟีเจอร์จิปาถะอย่างสถานที่น่าสนใจที่อยู่ใกล้ๆ หรือแม้แต่ช็อปปิ้ง ติดอย่างเดียวที่หน้าตาของตัวแอปจะมีข้อมูลหลายอย่างเยอะไปหมด อาจจะดูรกไปบ้าง
กล้องถ่ายภาพ
ด้านกล้องถ่ายภาพนี่หายห่วง กล้องหลังหลัก 50MP ถ่ายภาพได้ชัดเจน สีสด รายละเอียดครบถ้วน แม้ในวันที่ทดสอบเครื่องท้องฟ้าจะมีเมฆมาก ทำให้แสงที่ได้ค่อนข้างน้อย แต่ภาพก็ยังออกมาไม่ดูมืดจนเกินไป
กล้องอัลตร้าไวด์คุณภาพดี ถ่ายแล้วขอบภาพบิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดูขัดตาอะไร การถ่ายภาพกลางคืนเก็บแสงได้มากโดยไม่ต้องถือกล้องนิ่งมากหรือใช้ขาตั้ง และสีสันยังสดใส ครบถ้วน
กล้องซูมทำได้ดีจนถึงระยะประมาณ 10x แต่เมื่อเกินจากนั้นไปภาพก็จะถูก AI ปรับแต่งจนรายละเอียดต่างๆ เริ่มกลายเป็นเหมือนภาพสีน้ำมันเล็กน้อย แต่ก็ยังพอใช้ได้ และเป็นปกติสำหรับการซูมในระดับเกินกว่า 10x ขึ้นไปบนกล้องมือถือ แม้จะเป็นเลนส์ Periscope ก็ตาม
ตัวอย่างภาพถ่าย
ภาพจากกล้องหลัก
ภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์
ซูม 10x
ซูม 100x
ภาพจากกล้องหลัก
ภาพจากกล้องอัลตร้าไวด์
ซูม 10x
ซูม 100x
ภาพถ่ายด้วยโหมดกลางคืน
สรุป
Huawei P50 Pro น่าจะเหมาะกับผู้ใช้งานที่รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ ตัวกล้องยังครบครัน และเป็น “กล้องเทพ” ของมือถือเหมือนเคย หน้าจอ OLED คุณภาพดี อัตรารีเฟรชทั้งของหน้าจอและของการตอบสนองการสัมผัสสูง ให้ความรู้สึกว่าเครื่องตอบสนองรวดเร็ว
น่าเสียดายเล็กน้อยตรงที่แม้จะใช้ชิป Snapdragon 888 ที่เป็นชิปเรือธง แต่เครื่องกลับรองรับแค่ 4G เท่านั้น ถ้าไม่ได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมือถือหนักๆ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าจะใช้งานอินเทอร์เน็ตเยอะๆ หรือต้องการใช้มือถือให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฝั่งซอฟต์แวร์แม้จะไม่มี GMS แล้ว ตัวทั้งตัว Huawei App Gallery และ Petal Search ก็เข้ามาทดแทนได้ดีพอสมควร แม้อาจจะติดขัดหรือมีปัญหาด้านความเข้ากันได้ของแอปบ้าง แต่สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่น่าจะเป็นจุดใหญ่อะไร
สุดท้ายความคุ้มค่าของ Huawei P50 Pro น่าจะต้องรอไปตัดสินกันที่ราคาไทยที่ใกล้ประกาศเร็วๆ นี้ แต่ถ้าดูจากราคาประเทศจีน รุ่นเริ่มต้น ที่แรม 8GB หน่วยความจำ 128GB ราคา 5,988 หยวน หรือราว 30,465 บาทแล้ว ผู้ที่จะซื้อมาใช้ น่าจะต้องเป็นผู้ที่ถูกใจกล้องของ Huawei มายาวนานจริงๆ
Comments
โดนตีซะพิการไปเลย น่าสงสาร การค้าโลกช่างโหดร้าย
เรือธง 2022 ไม่มี 4G....สตันแปร๊บ ?
ปู่โจหวดหนักไม่ต่างกับลุงทรัมป์เลย?
เดาว่าชิปรุ่น 5G ขาดตลาดจาก semiconductor shortage ครับ 55
ติดเงื่อนไขห้ามเข้าถึงเทคโนโลยี 5G จากมาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ ครับ.
ถ้าเป็นงี้ไปอีกเรื่อยๆ ที่ทุกคนไป 5G กันหมด
ฝั่งธุรกิจ Mobile พี่หัวไปแน่นอนเลยสิครับ?
US ไม่ใจดีก็แทบหมดหนทางไป??
อ้อ ขอบคุณครับ โดนอิมแพคซะเยอะเลย
มีรุ่นไม่แพงไหมครับจะลองซื่อมาเล่นดู
ที่ไม่มี GMS มันจะเป็นยังไง
น่าจะต้องดูตระกูล Huawei Nova รุ่นปีก่อนๆ ครับ
ถ้า CPU เท่ากัน ในเครือข่ายที่ Support 5G
เวลาใช้งานจริง User แยกความแตกต่างระหว่าง 4G กับ 5G ออกไหม
ยังรู้สึกว่า 5G ช่วยลดต้นทุน Operator เพราะช่วยเพิ่ม Cap โดยใช้เสาเท่าเดิมนะ
5G ช่วยเพิ่มกำไรด้วยครับ ค่าบริการเริ่มต้นแพงกว่า 4G
ณ ปัจจุบัน 5G เร็วกว่า 4G 10 เท่าได้ (เพราะ 4G หนาแน่นมาก)
แค่โหลดแพทช์เกมก็เห็นความต่างแล้ว
ไปทำอีท่าไหน ถึงต้องมาใช้ชิปของฝรั่งเนี่ย
แปลกใจที่ใช้ Snap นะ เห็นว่าโดนห้ามซื้อขาย
Kirin นี่คงตายไปแล้วจริงๆ
น่าเสียดายนะครับ ผมชอบ Kirin นะ นี่ใช้ P40 Pro ก็ยังติดใจอยู่เลย
ควอลคอมน์ไปขออนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ครับ แต่มีเงื่อนไขที่โดนสั่งลงมาคือห้ามให้เข้าถึง 5G.
จริง ๆ ก็เลิกดิ้นไปเหอะ แล้วไปขายผ้าทอ หรืออะไรก็ว่าไป
หัวเหว่ยก็หนีไปทำอย่างอื่นเยอะแล้วนะนอกจากมือถือ ทำจอ ทำหูฟัง ลำโพง เราว์เตอร์ นาฬิกา เพียงแต่หาตัวที่ปังแบบมือถือไม่ได้แค่นั้นเอง
ชิป Kirin ของดีมากไม่ใส่เข้ามา
พอได้มาใช้ 5G ลืม 4G ไปเลย ถึงจะกินแบตหน่อยๆ แต่รุ่นใหม่ๆ เข้ากันได้ดีขึ้นขึ้นกินแบตน้อยลง แถมเสาก็มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตัวถ้าแนะนำคนรอบข้างให้เลือกรุ่นที่รองรับ 5G เลย