เมื่อเดือนก่อน Redmi แบรนด์แยกของ Xiaomi เพิ่งเปิดตัวมือถือระดับกลางรุ่นใหม่ คือ Redmi Note 11 Pro 5G ซึ่งมาพร้อมกับรุ่นรองที่ตัดคำว่า 5G ออกไปอย่าง Redmi Note 11 Pro ซึ่งทั้งสองรุ่นก็มีสนนราคาแตกต่างกันเกือบ 2 พันบาท ที่ราคา 10,990 บาท ในรุ่น 5G กับ 8,999 บาท ของรุ่นธรรมดา
วันนี้ Blognone จะมาลองให้ดูว่านอกจากเรื่องรองรับกับไม่รองรับเครือข่าย 5G แล้ว Redmi Note 11 Pro กับ Note 11 Pro 5G เนี่ย จะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วสิ่งที่ได้เพิ่มมาในรุ่น 5G จะคุ้มค่ากับเงินเกือบ 2 พันบาทที่ต้องจ่ายเพิ่มหรือไม่ โดยในรีวิวนี้ หากมีภาพ 2 เครื่องคู่กัน รุ่น 5G จะอยู่ฝั่งซ้าย และรุ่นธรรมดาจะอยู่ฝั่งขวามือเสมอ
Disclaimer: รีวิวนี้ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์จาก Xiaomi ประเทศไทย
สเปกเบื้องต้น
Redmi Note 11 Pro 5G
Redmi Note 11 Pro
ความเหมือนที่แตกต่าง
ทั้งสองรุ่นหน้าตาเหมือนกันเป๊ะเมื่อมองจากด้านหน้า หน้าจอทั้งสองรุ่นเป็นหน้าจอขนาด AMOLED 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล และอัตรารีเฟรช 120Hz เท่ากัน และรองรับ HDR 10 ทั้งสองรุ่น ระดับความสว่างไม่แตกต่างกัน (แม้แสงในรีวิวอาจสร้างความแตกต่างไปบ้าง) ส่วนซอฟต์แวร์ด้านในเหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว
ส่วนที่แตกต่างคือด้านหลัง ที่รุ่น 5G จะมีสัญลักษณ์ 5G ต่อท้ายแบรนด์ Redmi ส่วนรุ่นธรรมดาจะไม่มี และโมดูลกล้องหลังที่ 5G จะมีกล้องแค่ 4 ตัว ส่วนรุ่นธรรมดามี 5 ตัว น่าสนใจเหมือนกันว่าทำไมรุ่น 5G จึงมีกล้องน้อยกว่า โดยจะถูกตัดกล้อง depth sensor ออกไป และตรงเลนส์บนโมดูลจะกลายเป็นสัญลักษณ์ AI แทน ส่วนกล้องหน้าไม่มีข้อแตกต่าง ทั้งรูปลักษณ์และสเปก
เวลาทั้งสองเครื่องแตกต่างกันเพราะขณะถ่ายภาพยังไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ข้อแตกต่างแรก ชิปประมวลผล
Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมกับชิป 5G อย่าง Snapdragon 695 ส่วน Note 11 Pro เป็น Mediatek G96 ทั้งสองชิปเซ็ตจะเป็นชิปแบบ Octa-core แปดแกนเหมือนกัน แต่ความเร็วแกนหลักสูงสุด Snapdragon 695 สูงกว่าเล็กน้อยที่ 2.2 Ghz เทียบกับ 2.05 Ghz ของ Mediatek G96
ผลทดสอบใน Geekbench 5 ชิป Snapdragon 695 ทำคะแนนแบบ single-core ได้ 696 คะแนน ส่วน multi-core ได้ 1734 คะแนน เทียบกับ Mediatek G96 ที่ทำคะแนน single-core ได้ 522 คะแนน และ multi-core ได้ 936 คะแนน
ในการใช้งานจริง ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างอะไร ทั้ง Snapdragon 695 และ Mediatek G96 รองรับการใช้งานทั่วไปได้แบบไม่มีปัญหา ในด้านคะแนนคงต้องถือว่า Snapdragon 695 เร็วกว่า Mediatek G96 เล็กน้อย และข้อแตกต่างน่าจะชัดขึ้นเมื่อใช้งานหลายแอปพร้อมกัน หรือใช้งานแอปที่ใช้แกนของซีพียูได้หลายแกน ซึ่งก็คงขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้ใช้งาน
ผลทดสอบ Redmi Note 11 Pro 5G (Snapdragon 695)
ผลทดสอบ Redmi Note 11 Pro (Mediatek G96)
กล้องถ่ายภาพ
อีกจุดที่แตกต่างกันคือกล้องถ่ายภาพ โดย Redmi Note 11 Pro 5G จะถูกตัดเอากล้อง depth sensor ออกไป นอกนั้นสเปกของกล้องทั้งสองรุ่นที่มีก็เท่ากันทั้งจำนวนพิกเซลและรูรับแสง รวมถึงใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/1.52 นิ้วเท่ากัน แต่คุณภาพภาพถ่ายต่างกันเล็กน้อย เช่นรายละเอียด สีสันของภาพ ที่แม้ Redmi Note 11 Pro 5G จะมีกล้องน้อยกว่า แต่ภาพกลับมีสีสันสดกว่า ส่วน Note 11 Pro ได้เปรียบในด้านการโฟกัสจาก depth sensor สังเกตได้จากขอบของดอกไม้ในภาพถ่ายระยะใกล้
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Redmi Note 11 Pro 5G เทียบกับ Redmi Note 11 Pro
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพถ่ายกล้องหลัก Redmi Note 11 Pro
ภาพถ่ายระยะใกล้ Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพถ่ายระยะใกล้ Redmi Note 11 Pro
ภาพถ่ายกลางคืน
ด้านภาพถ่ายกลางคืน ทั้งสองรุ่นยังทำได้ไม่ดีทั้งคู่ แต่ละรุ่นเร่งแสงจนสีเกิดเพี้ยนในกรณีต่างๆ กัน ไม่ว่าจะ Redmi Note 11 Pro หรือ Note 11 Pro 5G ก็ตาม ในบางจังหวะ กล้อง depth sensor ของ Note 11 Pro รุ่นธรรมดาช่วยเรื่องโฟกัสสำหรับการถ่ายภาพกลางคืนได้ดีกว่า แต่ด้านการประมวลผลแสง Note 11 Pro 5G อาจทำได้ดีกว่า แต่ถ้าจะถึงขั้นเพิ่มเงินเพื่อซื้อรุ่น 5G มาถ่ายภาพตอนกลางคืน ก็ยังไม่น่าจะคุ้มเท่าไร
ภาพกลางคืน โหมดออโต้ Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพกลางคืน โหมดออโต้ Redmi Note 11 Pro
ภาพกลางคืน เปิด Night Mode Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพกลางคืน เปิด Night Mode Redmi Note 11 Pro
ภาพกลางคืน โหมดออโต้ Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพกลางคืน โหมดออโต้ Redmi Note 11 Pro
ภาพกลางคืน เปิด Night Mode Redmi Note 11 Pro 5G
ภาพกลางคืน เปิด Night Mode Redmi Note 11 Pro
สรุป
สุดท้ายแล้ว Redmi Note 11 Pro 5G ยังมีข้อดีกว่าอยู่บ้าง ในด้านชิปเซ็ต Snapdragon 695 ที่เร็วกว่า Mediatek G96 อยู่เล็กน้อย กับการรองรับสัญญาณ 5G ที่ให้ความเร็วสูงกว่าและความหน่วงต่ำกว่า ทำให้อาจใช้งานในอนาคตได้ยาวนานกว่าเมื่อเครือข่าย 5G เป็นที่นิยมมากขึ้น
ด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อื่นๆ แทบไม่มีข้อแตกต่าง กล้องถ่ายภาพ คุณภาพต่างกันแค่สีสันและรายละเอียดเล็กน้อย ไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ควรค่าแก่การเพิ่มเงินขนาดนั้น ทำให้สุดท้ายแล้วปัจจัยหลักว่าคุ้มค่าหรือไม่ น่าจะตามชื่อรุ่น คือผู้ใช้มองว่าระบบ 5G นั้นสำคัญพอจะเพิ่มเงินอีกเกือบ 2 พันบาทหรือเปล่า แต่ถ้าถามผู้เขียน ประหยัดเงินใช้รุ่นธรรมดาไปก่อน แล้วค่อยไปอัพเกรดเป็นมือถือ 5G ในอนาคตก็ไม่เสียหาย
Comments
ตรงสเป็คชื่อรุ่นซ้ำกันนะครับ
อยากให้เพิ่มรีวิวปริสิทธิภาพเวลาเล่นเกมด้วย