เว็บไซต์งานศิลปะ ArtNet ชี้ประเด็นว่า หลังจากคนดัง เซเลบ ดารา นักร้อง นักกีฬา หันมาตื่นเต้นกับกระแส NFT โดยซื้อคอลเลคชัน NFT ยอดนิยม (เช่น Bored Ape Yacht Club) และนำภาพขึ้นเป็นภาพโปรไฟล์ในบัญชีโซเชียล ยิ่งทำให้กระแส NFT มาแรงในหมู่แฟนๆ ที่ติดตามคนดังเหล่านี้
แต่ตอนนี้เมื่อกระแสเริ่มตก ตลาดเริ่มซบเซา สิ่งที่พบคือคนดังหลายราย เช่น Serena Williams, Reese Witherspoon, Shonda Rhimes, Lil Durk, Travis Barker, Meek Mill เริ่มเปลี่ยนภาพโปรไฟล์กลับเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่คอลเลคชัน NFT แล้ว
สองคนดังที่เป็นสัญลักษณ์ของวงการ NFT คือ Jimmy Fallon พิธีกรทีวีชื่อดัง และ Paris Hilton ไฮโซชื่อดัง ซึ่งเคยออกรายการและพูดเรื่อง NFT ด้วยกัน (ดูคลิปท้ายข่าว) ต่างก็ถอดรูปภาพ NFT ออก แม้ยังคงชื่อ .eth ต่อท้ายโปรไฟล์ก็ตามที
ที่มา - ArtNet
Comments
ไม่เคยเข้าใจวงการนี้เลย ซื้ออะไรกัน - -
ตลาดมโนภาพ ซื้อขายอากาศ ผมก็ไม่เคยเข้าใจ
Greater Fool Theory ขายฝันปั่นกันเป็นทอดๆ ครับ โลกนี้ไม่มีอะไรใหม่จริงๆ
ซื้อสิทธิในการครอบครองทรัพย์สินดิจิตอล เช่น รูปภาพ ที่จะเป็นของคุณคนเดียว แต่ถ้าคุณแปะลงบนอินเตอร์เนต ใคร ๆ ก็สามารถ copy ไปดูได้หมดนะ
คนรู้จักผมที่ทำงานด้านศิลป์เขาบอกว่ามันเป็นการซื้อสังคมครับ ก็คือได้มีโอกาสไปเข้าสังคมกับกลุ่มเซเลบรวมถึงผู้ซื้ออื่นๆด้วย
เพราะของพวกนี้ประโยชน์ของมันอย่างเดียว(ไม่นับเก็งกำไร)คือเอาไปอวดได้ และคนที่น่าจะสนใจก็คือกลุ่มคนที่ซื้อด้วยกันนั่นแหละ
คนที่ได้ผลประโยชน์ทุกคนก็พูดแบบนี้แหละครับ
แต่เคสผมนี่ตรงกันข้ามเลยนะครับ... คนรู้จักผมนี้ออกไปทางแอนตี้ด้วยครับ สับเละเลย บอกเลยว่ามันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับสายอาชีพพวกนี้ในวงการเลย (สวนกระแสตอนแรกๆที่บอกกันว่านี่เป็นอนาคตของวงการเลย) คนที่เข้ามาเล่น NFT มีแต่พวกอยากดังเท่านั้น (แต่ผมเอามาเล่าให้มันซอฟท์ลง 55+)
นั่นแหละฮะ เห็นคนสาย creative บอกว่ามันเป็นอนาคตของวงการ ใจก็อยากจะเถียงสู้ด้วย แต่มันก็วงการเค้า จะไปยุ่งกับเค้ามากก็รู้สึกแปลก ๆ
สายครีเอทีฟบางส่วนครับ คนที่ไม่เห็นด้วยก็มีเยอะ แค่ตอนมีกระแสเสียงฝั่งเชียร์จะดังกว่า ทำอะไรก็ดีไปหมด พร้อมวาทกรรมที่หลักๆ จะเป็นเรื่องโดนกดราคาจากนายจ้าง, NFT รวยกว่าเยอะ, ฯลฯ hype กันเองในคอมมู ไม่ต่างอะไรกับเหล่าคริปโตโบรกาวเหรียญ
แต่ตอนนี้ผมว่าส่วนใหญ่ก็คงตาสว่างกันแล้ว เกมนี้เป็นเกมของคนมีทุน มีทีม มีแบรนด์ มีคอนเนกชั่น เกี่ยวกับการเงินมากกว่าศิลปะ และไม่ใช่เกมของคนตัวเล็กๆ ซื่อๆ หรือเถรตรง มันเหมาะกับคนที่มีหัวการค้า เพราะนี่คือการค้า ซึ่ง creator ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแนวนั้น
อันนี้พูดในฐานะสายครีเอทีฟที่เคยไปลองๆ ยุ่งๆ พวกนั้นบ้าง แต่รู้สึกไม่ใช่แนว เลยออกมา มาตอนนี้ก็รู้สึกแปดเปื้อนเล็กน้อย ว่าไม่น่าเอางานเราเข้าไปยุ่งเล้ย 55
(กดเบิ้ลครับ)
มีใครเป็นเหมือนกันไหม ส่วนตัวผมเชื่อ BTC อย่างเดียวเลย เหรียญอื่นไม่
NFT DeFi GameFi ไม่ได้รู้สึก fomo หรืออินอะไรกับมันเลย
มูลค่าเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อจริงๆ กับอีกกรณีคือเก็งกำไรเฉยๆ ไม่มีความเชื่ออะไร
WE ARE THE 99%
btc ผมก็ไม่เชื่อน่ะครับ ผมมองว่ามันก็แค่การเก็งกำไร ถ้าจะเอาใช้งานจริง eth ยังดูเป็นไปได้มากกว่า แต่ผมก็ไม่เชื่อว่ามันจะได้ใช้จริง ๆ ในฐานะเงินอยู่ดี
ตามนั้นแหละครับ แต่ของแบบนี้ก็สไตล์ใครสไตล์มัน และเปลี่ยนความคิดกันได้ยาก สายกาว สายพนัน สายเทรด ฯลฯ ถ้ามาคุยกันก็จะตีกัน สุดท้ายใครใคร่ชอบแบบไหนก็ไปแบบนั้น
ผมว่าเงินดิจิทัลที่ติดตามเส้นทางการใช้เงินไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลทั่วโลกแน่นอน
เพราะมันจัดเก็บภาษียาก
sponsor ไม่จ่ายแล้วเปล่าหว่า
ช่วงนีงรูปโปรไฟล์ IG คนดังเป็นรูปลิงกันเยอะ เราก็งงคืออะไร ที่แท้ก็ nft
รอดูว่า cryptobros จะพูดยังไงต่อกับกรณีนี้…
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ที่เห็นก็ประมาณว่าพวก Mainstream Media คือตัวทำลาย NFT (ประมาณว่าโห่ว ไม่ cool แล้ว)
ไม่แปลกใจกับพวก cryptobros ทั้งหลายเล๊ยยยย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Boom And Bust Cycle....ตอนช่วง Bust Cycle มันก็จะเหงาๆหน่อย 5555
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
เอารูปหน้าตัวเองไปขายบน NFT ดีกว่า
รอวันที่โลกเลิกให้ความสนใจ กับสิ่งที่ไม่ได้มีคุณค่าใด นอกจากการเกร็งกำไร และอวดกัน
แต่เน้นให้คุณค่ากับสิ่งที่มีคุณค่าที่จับต้องได้
เช่น สิ่งที่ทำให้ผู้คนสะดวกสบายมากขึ้น สิ่งที่ทำให้ผู้คนผ่อนคลาย ฯลฯ
วงการนี้ ยิ่งศึกษายิ่งหงุดหงิดจริง ๆ
แบบ เฮ้ย มี nft แบบการ์ดพลังด้วยนะ แล้วก็เฮโลกันไปปั่นซื้อขายราคา
เอาการ์ดพลังไปใส่ที่ไหนก่อนนนน
ค่อนข้างเข้าไม่ถึงจริง ๆ ว่าตื่นเต้นอะไรกัน
แต่ nft ที่เป็นรูปภาพสวย ๆ อันนี้พอเข้าใจได้นะ
NFT = วงการซื้อขายใบเสร็จของสินค้า
ผมเข้าใจว่าผลประโยชน์ของ cryptocurrency คือเอาไว้เทรดทำเงิน
แต่ไม่เข้าใจ nft จริงๆ