สายการบิน Japan Airlines (JAL) ได้ออกแบบและติดตั้งระบบตรวจสแกนสัมภาระติดตัวของผู้โดยสารแบบใหม่ ทำให้ลดการเสียเวลาต่อคิว ทั้งยังทุ่นเวลาการรื้อและจัดเก็บสัมภาระของผู้โดยสารเพราะไม่จำเป็นต้องนำคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตออกจากกระเป๋าก่อนทำการสแกนอีกต่อไป
JAL เรียกระบบตรวจสแกนใหม่นี้ว่า JAL Smart Security ซึ่งทาง JAL ได้เริ่มทยอยติดตั้งในสนามบินฮาเนดะมาตั้งแต่เดือนเมษายน และตอนนี้ก็พร้อมให้ใช้งานแล้วสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินภายในประเทศ
ระบบตรวจสแกนสัมภาระ JAL Smart Security
การออกแบบ JAL Smart Security มีเป้าหมายหลักเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารและผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบสัมภาระใช้เวลาน้อยลงและลดเวลาการรอคิว โดยมีจุดเด่นที่สำคัญ 3 ประการ
1.การใช้อุปกรณ์ตรวจสแกนแบบ X-ray CT inspection อธิบายโดยง่ายคือการฉายรังสี X ผ่านกระเป๋าจากหลายมุมมอง จากนั้นใช้ระบบคอมพิวเตอร์สร้างภาพ 3 มิติโดยอาศัยภาพเหล่านั้น ซึ่งความจริงแล้วระบบสแกนนี้เป็นเทคโนโลยีที่มีใช้งานอยู่แล้วในปัจจุบัน อย่างเช่นที่สนามบินสุวรรณภูมิก็มีระบบนี้เพื่อใช้ตรวจสัมภาระที่ถูกโหลดไปใต้ท้องเครื่องบินโดยสาร อย่างไรก็ตามระบบสแกนกระเป๋าที่ติดตัวขึ้นเครื่องส่วนใหญ่ยังคงอาศัยการตรวจด้วยรังสี X ที่ให้ผลลัพธ์เป็นแค่ภาพ 2 มิติเป็นหลัก การใช้ระบบนี้ทำให้สามารถตรวจจับและรับรู้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้นว่าสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าคืออะไร และด้วยระบบนี้ทำให้ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องเสียเวลารื้อเอาคอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต รวมทั้งขวดบรรจุของเหลว (ในปริมาณเท่าที่ได้รับอนุญาตตามกฎการบิน) ออกจากกระเป๋าก่อนเข้าเครื่องสแกน
2. การออกแบบพื้นที่เตรียมสัมภาระก่อนเข้าเครื่องสแกน ซึ่ง JAL Smart Security ออกแบบพื้นที่ให้ผู้โดยสารใช้เตรียมกระเป๋าและสัมภาระอื่นๆ (เช่น เสื้อนอก) วางในถาดใส่กระเป๋า ด้วยการออกแบบแนวลูกกลิ้งลำเลียงสัมภาระเป็นแนวโค้งรูปตัว J ซึ่งจะช่วยลดการยืนแออัดของผู้โดยสารที่อาจกีดขวางช่องทางเดินเข้าสู่เครื่องตรวจโลหะ นอกจากนี้ JAL Smart Security ยังแบ่งพื้นที่ให้ผู้โดยสารทำการเตรียมสัมภาระเข้าเครื่องสแกนด้วยการแบ่งช่องยืนเป็น 3 ตำแหน่งที่มีช่องป้อนถาดวางกระเป๋าเป็นอิสระต่อกัน ทำให้ไม่ว่าผู้โดยสารคนไหนจะเตรียมความพร้อมเสร็จก่อนก็สามารถส่งกระเป๋าเข้าเครื่องสแกนพร้อมเดินไปผ่านเครื่องตรวจโลหะได้ทันที ว่าง่ายๆ คือแม้ใครมาถึงทีหลังแต่หากจัดการตัวเองเสร็จก่อนก็สแกนกระเป๋าได้ก่อนนั่นเอง
3. ระบบฆ่าเชื้อถาดวางกระเป๋า เมื่อผู้โดยสารผ่านเครื่องตรวจโลหะและรับกระเป๋าพร้อมสัมภาระที่ผ่านการสแกนเสร็จแล้ว ก็เพียงแต่นำถาดวางกระเป๋าใส่ลงช่องรับคืน ระบบ JAL Smart Security จะนำถาดเหล่านั้นส่งเข้าเครื่องฆ่าเชื้อด้วยลำแสง UV ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อได้ 99.9% ก่อนส่งถาดที่ปลอดเชื้อแล้ววนกลับไปยังพื้นที่สัมภาระรอให้ผู้โดยสารหยิบไปใช้งานต่อไป
ระบบ JAL Smart Security ตอนนี้ได้รับการติดตั้งพร้อมใช้งานแล้ว 12 จุดในสนามบินฮาเนดะ โดยจะยังคงมีระบบตรวจสแกนกระเป๋าแบบเดิมใช้ควบคู่กันไปด้วย
ที่มา - SoraNews24
Comments
JAL Smart Security
โลโก้นึกว่า กองสลากพลัส
ปกติเป็นหน้าที่ของสายการบินหรอครับ คิดว่าเป็นหน้าที่ของสนามบินมาโดยตลอด