เมื่อต้นเดือนนี้ Xiaomi ประเทศไทย เปิดตัวสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ Xiaomi TV A2 ที่มี 2 ขนาดหน้าจอคือ 43" (FHD) และ 58" (4K) จุดที่น่าสนใจคงเป็นเรื่องราคาที่ต่ำลงมาเหลือ 7,990 บาท และ 13,990 บาท ตามลำดับ (ราคาโปรโมชั่นที่ขายผ่าน Big C) ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในแง่ประสิทธิภาพต่อราคา
Blognone ได้รับ Xiaomi TV A2 รุ่นขนาดหน้าจอ 58" จาก Xiaomi ประเทศไทยมาทดสอบให้ดูกัน
ตลาดสมาร์ททีวีในไทย ถือว่าแยกเป็น 2 ระดับใหญ่ๆ คือ กลุ่มแบรนด์พรีเมียม เช่น Sony, Samsung, LG ที่เน้นคุณภาพของพาเนลจอ และฟีเจอร์ระดับสูงอื่นๆ กับกลุ่มแบรนด์ราคาถูก โดยเฉพาะแบรนด์จีนอย่าง Hisense หรือ TCL ที่เน้นทีวีที่มีฟีเจอร์พื้นฐานครบครัน (เช่น 4K Android TV) ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
กรณีของ Xiaomi TV ต้องถือว่าอยู่ในกลุ่มหลัง โดย Xiaomi เคยทำตลาดสมาร์ทีวีในไทยมาก่อนแล้วกับรุ่น Mi TV P1 ที่เป็น 4K ขนาด 55" (ขนาดต่างกัน 3") ในราคา 15,990 บาท
ส่วน Xiaomi TV A2 58" ที่ถือเป็นรุ่น "อัพเดต" ของปี 2022 มีสเปกบางส่วนลดลงจากรุ่น P1 เล็กน้อย เช่น ใช้พาเนลจอที่รองรับค่าสี DCI-P3 ลดลงจาก 94% เหลือ 90% และไม่รองรับ HDR10+ (แต่ยังมี Dolby Vision และ HDR10) แลกกับการขายในราคาที่ถูกลง ซึ่งคนทั่วไปที่ซื้อทีวีในระดับราคาเท่านี้คงไม่ได้สนใจประเด็นเหล่านี้มากนัก
ทิศทางเรื่องการทำราคาของ Xiaomi TV A2 ที่เน้นราคาถูกลง ยังสะท้อนถึงรุ่น 43" ที่นำรุ่นความละเอียด FHD มาขาย แทนที่จะเป็น 43" 4K แบบในบางประเทศ คำตอบจาก Xiaomi เป็นเหตุผลเดียวกันคือต้องการกดราคาให้ต่ำลง เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น
สมาร์ทีวีของ Xiaomi ที่มีขายในประเทศไทย ภาพจากหน้าเว็บ Xiaomi Thailand
สเปกโดยคร่าวๆ ของ Xiaomi TV A2 คือ
ต้องบอกว่าตัวพื้นฐานการใช้งาน ตั้งแต่ดีไซน์ตัวเครื่อง การวางพอร์ต ระบบปฏิบัติการ รีโมท ของ Xiaomi TV A2 นั้นเหมือนกับทีวีรุ่นอื่นๆ ของ Xiaomi (เช่น Xiaomi TV Q1E ที่ Blognone เคยรีวีวไปแล้ว) เกือบทุกประการ ในแง่การใช้งานไม่ต่างกันเลย เพื่อความกระชับของเนื้อหาจะไม่ลงรายละเอียดส่วนนี้มากนัก
ดีไซน์ภายนอกของ Xiaomi TV A2 58" ถือว่ามาตรฐานตามที่ทีวีปี 2022 ควรจะเป็น ใช้ดีไซน์ขอบจอบาง (แม้ไม่ถึงขั้นบางมากๆ หรือไร้ขอบแบบทีวีรุ่นท็อปบางรุ่น)
ด้านหลังเป็นพลาสติกชิ้นเดียวที่ Xiaomi เรียกว่าดีไซน์แบบ unibody ทั้งเครื่องใช้สีดำล้วน มีสีดำเดียว ไม่มีสีอื่นให้เลือก ตัวเครื่องด้านข้างไม่ได้บางแบบทีวีไฮเอนด์หลายๆ รุ่นในตลาด
เนื่องจากเครื่องขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงต้องใช้ขาตั้ง 2 ขาแยกซ้าย-ขวาช่วยกันรับน้ำหนัก วัสดุขาตั้งเป็นพลาสติก การติดตั้งเพียงไขน็อตธรรมดาด้านละ 2 ตัวก็วางได้มั่นคงดี (ตอนไขน็อตต้องหาคนมาช่วยประคองสักหน่อย)
เมื่อเสียบปลั๊กแล้วก็ใช้งานได้ทันที (ในกล่องมีปลั๊กมาให้ 2 แบบคือ ปลั๊กแบบไทย และปลั๊กแบบอังกฤษ ซึ่งน่าจะใช้สำหรับขายในประเทศมาเลเซีย-สิงคโปร์ เป็น SKU เดียวกันเลย) หน้าจอการเซ็ตอัพเป็นหน้าจอมาตรฐานของ Android TV ที่เดี๋ยวนี้ง่ายตรงที่ซิงก์การตั้งค่าจากมือถือได้เลย
พอร์ตการเชื่อมต่ออยู่ด้านหลังทั้งหมด มี HDMI จำนวน 3 พอร์ต, USB-A อีก 2 พอร์ต น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานของยุคสมัยนี้ในระดับหนึ่ง (การที่มี Android TV ในตัวก็ลดความจำเป็นของการต่อพวกกล่องทีวีลงไปเกือบหมด เหลือแค่ต่อเกมคอนโซล พีซี หรือบางคนอาจยังใช้เครื่องเล่น Blu-ray อยู่)
ข้อติเดียวคงเป็นการวางพอร์ตที่อยู่ด้านขวาหลังทั้งหมด อาจไม่สะดวกนักสำหรับบ้านที่จำเป็นต้องวางอุปกรณ์เชื่อมต่อไว้ด้านซ้าย
ระบบปฏิบัติการของ Xiaomi TV A2 ใช้ Android TV เวอร์ชัน 10 ของกูเกิล (ยังไม่ได้เป็น Google TV เหมือนบางยี่ห้ออย่าง Sony หรือ TCL) โดยปรับแต่งเพิ่มแอพของ Xiaomi เข้ามาเล็กน้อย เช่น Xiaomi TV+ ที่เป็นสตรีมทีวีของบริษัทเอง (ในบางประเทศมี UI เพิ่มเติมเรียกว่า PatchWall ที่ยังใช้งานไม่ได้ในบ้านเรา)
แต่โดยหลักใหญ่ใจความแล้วก็เป็น Android TV รุ่นมาตรฐานเหมือนทีวีค่ายอื่นๆ มี Google Play ติดตั้งแอพได้เองตามต้องการ แอพสตรีมมิ่งพื้นฐานที่มีมาให้คือ YouTube, Netflix และ Amazon Prime Video
ผมเชื่อว่าลูกค้าที่ซื้อสมาร์ททีวี 4K น่าจะเลือกดูคลิปแบบออนดีมานด์ผ่านสตรีมมิ่ง มากกว่าช่องสัญญาณทีวีภาคพื้นแบบดั้งเดิม (หรือถ้าดูช่องทีวีก็เลือกดูแบบสตรีมผ่านเน็ตแทนเสาอากาศ)
ในกรณีของ Xiaomi TV A2 ที่เป็น Android TV ระบบปฏิบัติการมาตรฐานของทีวียุคนี้ ก็สามารถดูเนื้อหาผ่านสตรีมมิ่ง เช่น YouTube, Netflix หรือบริการสตรีมมิ่งของไทยอย่าง True ID, AIS Play ได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวังจากการซื้อสมาร์ททีวีอยู่แล้ว ตรงนี้คงไม่ต่างอะไรจากสมาร์ททีวี Android TV ยี่ห้ออื่น
ส่วนคอนเทนต์ระดับ 4K คงขึ้นกับแหล่งที่มาว่าดูจากที่ไหน เช่น YouTube 4K ที่ยังมีเฉพาะบางคลิปเท่านั้น หรือ Netflix 4K ที่ต้องจ่ายแพ็กเกจตัวแพงสุดถึงจะดูได้
การสั่งงานผ่านรีโมทของ Xiaomi ทำได้สะดวก มีปุ่ม Google Assistant สำหรับกดเพื่อสั่งงานด้วยเสียงได้ ถ้าจะมีข้อติคงเป็นการวางตำแหน่งปุ่ม Back/Home ที่เข้าใจยากไปสักนิดในตอนแรก แต่ถ้าคุ้นเคยแล้วคงไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า Xiaomi TV A2 รุ่นนี้ไม่มีฟีเจอร์ระดับสูงเหมือนแบรนด์พรีเมียมอื่นๆ เช่น ยังขาดฟีเจอร์ด้านเกมมิ่งอย่าง VRR (variable refresh rate), ระบบเสียง Dolby Atmos หรือพาเนลจอขั้นสูงที่ให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่าทีวีทั่วไป
แต่ถ้าเป้าหมายของการซื้อใช้งานคือการดูทีวีจอใหญ่ 58" ดูคลิปผ่านสตรีมมิ่ง มีแอพให้เลือกครบถ้วนในจักรวาล Android TV หรืออาจมีต่อกับเครื่องเกมคอนโซลเพื่อเล่นเกม 4K บ้าง ก็ต้องบอกว่า Xiaomi TV A2 ตอบโจทย์ครบทุกอย่าง ในราคา 13,990 บาท (ตอนนี้มีโปรโมชั่นแถมพัดลมด้วย) โดยได้แบรนด์ Xiaomi ด้วยก็ต้องถือว่าน่าสนใจมากเมื่อเทียบกับตัวเลือกทั้งหมดในตลาดตอนนี้
Comments
TV จีนกากๆ สู้ samsung ไม่ได้
แอดมินคร้าบบ คนบ้ามาอีกแล้วคร้าบบ
ผมจะพูดอะไรมันก็เรื่องของผมอ่ะ free speech นิ
ระวังเป็น ASPD นะครับ น่าเห็นใจ
นั้นใช่ Woke บ้าวนะะะ
พี่นี่ก็เรียกหาแต่แอดมิน
ตอน Samsung รุ่ง ๆ ผมก็คิดแบบนี้แหละ (แต่ไม่โพสนะ)
แล้วดูสภาพ Sony ทุกวันนี้ดูก็แล้วกันฮะ ว่าน่าอนาถขนาดใหน
ทีวีโซนี่ ก็ยังถือว่าเป็นแถวหน้าในตลาดอยุ่นะครับ
ยอดขายทีวี ทั้งไทย และต่างประเทศ Sony ไม่ใช่เบอร์หนึ่ง ยิ่งยอดขายในต่างประเทศ เกือบจะอยู่แถวล่าง ๆ ทีวีที่ยอดขายดีที่สุดในโลก ตลอด 1 ปี มียอดขาย 20% แต่ Sony ยอดขายที่ 4% เท่านั้น
เขาอาจจะพูดถึงในแง่คุณภาพหรือเปล่าครับ ซึ่งตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าถ้ามองเรื่องนี้ คุณภาพของ Sony อยู่ในระดับสูงแบบเดิมอยู่มั้ย ไม่ได้เปลี่ยนทีวีมานานเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงแล้ว
คำว่า แนวหน้าในตลาด ควรน่าจะมองที่ ยอดขาย เป็นหลักมากกว่านะ
ต่อให้คุณภาพดีระดับ โยนจากดวงจันทร์ ทิ้งมาบนโลกแล้วไม่พัง
แต่ถ้ายอดขายมันออกมาไม่เยอะ มันจะเรียกว่า แนวหน้า ได้ไหม?
น่าเสียดาที่คนที่นี่แยก free speech กับ bully ไม่ออก
น่าจะเรียกว่า hate speech นะ
ตอนนี้คำว่า Bully ถูกนำมาขยายความจนกว้างเกินไป บวกกับ มีคำที่เหมาะสมกับบริบทแล้ว (ซึ่งก็คือ Hate speech นั่นเอง)
เป็น racist hate speech เลยครับ
LG No.1 ครับ ซัมซุงอะไร เหอะๆ
The Dream hacker..
ทุกวันนี้ยังไม่มีบุญได้ดู disney+ ใน samsung เลยครับ
ตัวนี้ความสว่างเท่าไหร่ครับ?
จอ 10 bit นี่ 10 แท้หรือเทียม
ระบบเสียงทำไมไม่ให้ Atmos กับ DTSX
ทีวี ตัวนี้ ลำโพงติดทีวี จะไม่ให้ atmos แต่ถ้าต่อ ลำโพงด้วย earc จะออก atmos
ส่วน X อย่าไปหวัง ขนาดทีวี ญี่ปุ่น เกาหลี หลายรุ่น ยังมีตัวที่รองรับ X ไม่กี่ตัว
ฉะนั้นอย่าไปด้อยค่ามากนัก ยี่ห้ออื่นก็ไม่มีเหมือนกัน ทีวีหมื่นนิด ๆ รองรับ X อันนี้คงต้องนอนฝัน
ทีวีเกาหลี ญี่ปุ่น ตัวเป็นแสน รองรับ X เอามาเทียบกันไม่ได้
ทีวี ตัวนี้ ลำโพงติดทีวี จะไม่ให้ atmos แต่ถ้าต่อ ลำโพงด้วย earc จะออก atmos
- มันแปะ dolby audio นะครับ เข้าใจว่าต่อลำโพง Atmos แต่ TV ก็ต้องรองรับ Atmos ด้วยไม่ใช่เหรอครับ ทีวีโง่ ๆ ผมก็แปะ Audio
ส่วน X อย่าไปหวัง ขนาดทีวี ญี่ปุ่น เกาหลี หลายรุ่น ยังมีตัวที่รองรับ X ไม่กี่ตัว
- ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกครับ มีไว้แล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี เผื่อไอนาคตไว้ก็ไม่เสียหาย เห็นปกติ Dolby Audio มักมากับ DTS:Virtual X ส่วน Dolby Atmos มากับ DTS:X
ฉะนั้นอย่าไปด้อยค่ามากนัก ยี่ห้ออื่นก็ไม่มีเหมือนกัน ทีวีหมื่นนิด ๆ รองรับ X อันนี้คงต้องนอนฝัน
- ด้อยค่าตรงไหนอ่ะครับมาถามข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ผมก็ใช้ทีวีจีนแปะตราญี่ปุ่นอยู่ ตอบอย่างติ่ง mg #อวยxiaomi ซะละมั้ง
ทีวีเกาหลี ญี่ปุ่น ตัวเป็นแสน รองรับ X เอามาเทียบกันไม่ได้
- ไม่เคยซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาเกินห้าหมื่นครับ
ทีวี ตัวนี้ ลำโพงติดทีวี จะไม่ให้ atmos แต่ถ้าต่อ ลำโพงด้วย earc จะออก atmos
- มันแปะ dolby audio นะครับ เข้าใจว่าต่อลำโพง Atmos แต่ TV ก็ต้องรองรับ Atmos ด้วยไม่ใช่เหรอครับ ทีวีโง่ ๆ ผมก็แปะ Audio
อ้างอิงจาก LCDTHAILAND ไปหาข้อมูลเอง
ส่วน X อย่าไปหวัง ขนาดทีวี ญี่ปุ่น เกาหลี หลายรุ่น ยังมีตัวที่รองรับ X ไม่กี่ตัว
- ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกครับ มีไว้แล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี เผื่อไอนาคตไว้ก็ไม่เสียหาย เห็นปกติ Dolby Audio มักมากับ DTS:Virtual X ส่วน Dolby Atmos มากับ DTS:X
ฉะนั้นอย่าไปด้อยค่ามากนัก ยี่ห้ออื่นก็ไม่มีเหมือนกัน ทีวีหมื่นนิด ๆ รองรับ X อันนี้คงต้องนอนฝัน
- ด้อยค่าตรงไหนอ่ะครับมาถามข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ผมก็ใช้ทีวีจีนแปะตราญี่ปุ่นอยู่ ตอบอย่างติ่ง mg #อวยxiaomi ซะละมั้ง
ทีวีเกาหลี ญี่ปุ่น ตัวเป็นแสน รองรับ X เอามาเทียบกันไม่ได้
- ไม่เคยซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาเกินห้าหมื่นครับ
ทีวีราคา หมื่นนิด ๆ ไม่มี X อย่างเก่งก็ Atmos แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัว
อ้างอิงจาก LCDTHAILAND ไปหาข้อมูลเอง
อันนี้คือคุณทำความเข้าใจกระจ่างแล้วใช่มั้ย? เอาเว็บเค้ามาอ้างอ่ะทำความเข้าใจตามที่เค้าบอกมั้ย? ถ้าคุณเข้าใจว่า เอาลำโพง atmos มาต่อทีวีระบบ dolby audio แล้วกลายเป็น atmos ได้นี่ก็ไม่มีอะไรต้องคุยต่อละครับ 555
มันแปะ dolby audio นะครับ เข้าใจว่าต่อลำโพง Atmos แต่ TV ก็ต้องรองรับ Atmos ด้วยไม่ใช่เหรอครับ ทีวีโง่ ๆ ผมก็แปะ Audio
อันนี้คือคุณทำความเข้าใจกระจ่างแล้วใช่มั้ย? เอาเว็บเค้ามาอ้างอ่ะทำความเข้าใจตามที่เค้าบอกมั้ย? ถ้าคุณเข้าใจว่า เอาลำโพง atmos มาต่อทีวีระบบ dolby audio แล้วกลายเป็น atmos ได้นี่ก็ไม่มีอะไรต้องคุยต่อละครับ 555
LCDTHAILAND เขาบอกว่า ตัวนี้ ต่อ ARC แล้วออกเสียง ATMOS ถ้าคุณ ยังมี นัยอะไรในใจอีก อันนี้ไม่ทราบนะว่า คุณต้องการอะไรในใจ
ยี่ห้อนี้เคยเข้าไปดูกลุ่มโต๊ะคอม พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่ามันถูกดี แต่ซ่อมน่ะอีกเรื่อง พร้อมกับร้องหาจอเดลล์กันยกใหญ่
เข็ดกับ P1 ละครับ
Ooh
หลักๆ แล้ว P1 มีปัญหาอะไรครับ พอดีเมื่อวานมีลดราคาตัว 43 นิ้ว เหลือ 7 พันกว่าบาท + รุ่นใหม่ของ Mi มีขายแค่ใน BigC หาออนไลน์ไม่ได้เลยกดสั่ง P1 มาครับ 😭😭
จะเอา Notebook มาต่อกับจอนี้ ตอนแรกของบ Dell U4320Q ไป แต่พอคิดว่านานๆ ใช้ที เดือนนึงใช้ไม่กี่ครั้ง บางเดือนก็ไม่ได้ใช้ เลยจัดถูกๆ มาแทน
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
หมายความว่าไม่มี Tuner ในตัว?
อ่านดีๆ ครับ "มากกว่า"
ครับ เพราะจากประโยตที่ยกมาก็ไม่ได้บอกว่ามันมีหรือเปล่า แค่บอกว่าผู้ซื้อน่าจะเลือกใช้แบบไหนมากกว่า และในข่าวก่อนก็ไม่ได้พูดถึงเลย ก็เลยสงสัยครับ สรุปว่ามีสินะครับ
ขึ้นชื่อว่าเป็น ทีวี มันก็เข้าใจได้ว่าต้องมีจูนเนอร์อยู่แล้วรึเปล่านะครับ
ทีวีรุ่นในบทความนี้ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้า ทีวียี่ห้อ เซียวหมี่ รุ่นก่อนๆในไทย จะไม่มี ทูนเนอร์จึงดูทีวีดิจิทัล ด้วยตัวของทีวีเองไม่ได้ ต้องไปซื้อกล่องทีวีดิจิทัลมาเสียบถึงจะดูได้ครับ
ถ้าเป็นเคสพิเศษแบบนั้นก็ควรแก่การพูดถึงชัดๆ เป็นพิเศษอยู่แล้วครับ
แต่ถ้าเป็นทีวีทั่วไป มันก็เรื่องพื้นฐานที่ต้องมีอยู่แล้ว เหมือนกับเราไม่รีวิวมือถือว่า มือถือรุ่นนี้รับ 4G ได้ในปี 2022 นั่นล่ะครับ
ใช้ดีไหมครับยี่ห้อนี้
That is the way things are.
เข้ากลุ่มจัดโต๊ะคอมใน fb ครับ เคยมีมินิดราม่าในนั้นด้วย
ผมไม่ทันแฮะมีสรุปคร่าวๆมั้ยครับ
เคยเห็นผ่านๆนานแล้วในกลุ่มทีวี
มีปัญหาจอลอกหรือไรนี่แหละ
ไปยี่ห้อจีนอื่นสบายใจกว่า
ใช้ P1 42" มีปัญหาเยอะครับ เสียบปลั๊กทิ้งไว้แล้วเครื่องจะล๊อกค่าความสว่างที่สูงสุด เปลี่ยนไม่ได้จนกว่าจะรีสตาร์ทเครื่อง
เสียบปลั๊กทิ้งไว้แล้วจะเปิดเครื่องไม่ติด ต้องถอดปลั๊กเสียบใหม่
เสียบใช้กับคอมแล้วตั้งค่าภาพนอกจาก Game mode ค่าสีจะไม่เป็น 4:4:4 และไม่มีวิธีตั้ง ต้องรีสตาร์ททั้งคอมทั้งทีวีถึงจะหาย เมื่อก่อนปรับเป็น Monitor mode ก็ทน ๆ ใช้ไป ตอนหลังลองปรับเป็น Game mode หายเลย
ปัญหาที่ว่า ได้แจ้งช่างมาซ่อม 3 ครั้ง ครั้งแรกเปลี่ยนบอร์ด ครั้งสองเปลี่ยนแผงวรจรสวิตซ์ ครั้งสามเปลี่ยนเครื่อง
ปัจจุบัน เรื่องความสว่างหน้าจอยังไม่หาย (หลังจากที่เปลี่ยนเครื่องแล้ว) แต่เรื่องเปิดไม่ติดไม่แน่ใจ เพราะทุกวันนี้ถอดปลั๊กหลังใช้งานตลอด เพราะรำคาญ
ปล ผมใช้เป็น Monitor คอมไม่ได้ใช้ดูยูทูป หรือทีวีเท่าไร ก่อนหน้านี้ใช้ TCL ประสบการณ์ใช้งานดีกว่านี้มาก
เจอเหมือนกันเลยครับ ผมว่ามันไม่ใช่ปัญหา hw หรอก แต่มันก็ไม่เคยมี sw update ใดๆเลย
Ooh
เรื่อง Software update นี่ผมก็งง ๆ เหมือนกันครับ คือทั้งสองตัวผมเชค OTA Update แล้วมัน Up to date ทั้งคู้ แต่ตัวที่เปลี่ยนกับตัวแรก Software มันคนละ Build กัน แล้ว Boot logo ก็คนละแบบด้วย @_@
ผมว่าไป TCL หรือ HISENSE ดูน่ามั่นใจกว่านะ อย่างน้อยเขาผลิตมาหลายรุ่น
OEM ก็น่าจะ 2 เจ้านั้นครับ
-- ^_^ --
จะใช้ของจีน ไป TCL Hisense น่าเชื่อถือกว่าครับ
ถ้า Android TV ราคาระดับนี้ ผมว่าไป TCL หรือ Hisense ดีกว่า
แต่ส่วนตัวผมก็คงใช้ LG Nanocell ต่อไป เพราะมีเรื่อง ALLM ด้วย (เอาจริง ๆ คือเพิ่งซื้อมาแหละ จอ 43" ราคาตอนที่ซื้อก็ 11K นิด ๆ)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เคยใช้ในโรงแรมจอเล็ก โอเคอยู่นะ
แต่อ่านรีวิวจอใหญ่ กลัว ไม่กล้าซื้อ - -"