NASA ประกาศรายชื่อ 13 ตำแหน่ง ที่มีโอกาสเป็นจุดจอดยาน Artemis III ซึ่งเป็นโครงการที่จะส่งนักบินอวกาศกลับไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้ง โดยครั้งนี้ประกาศว่าจะมีนักบินอวกาศหญิงและนักบินอวกาศผิวสีไปเหยียบดวงจันทร์ด้วย
ทั้ง 13 ตำแหน่ง อยู่บริเวณขั้วดวงจันทร์ใต้ (South Pole) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มนุษย์ไม่เคยไปสำรวจมาก่อน และคาดว่าจะใช้ศึกษาโอกาสในการตั้งสถานีระยะยาว (ดูรายละเอียดทั้ง 13 ตำแหน่งท้ายข่าว)
โครงการ Artemis III กำหนดส่งนักบินอวกาศไปดวงจันทร์ในปี 2025 จะใช้เวลาสำรวจบนจันทร์ 6.5 วัน ส่วน Artemis I ซึ่งเป็นจรวดลำแรกในโครงการ Artemis ที่จะไปดวงจันทร์ มีกำหนดยิงจรวดวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ตามด้วย Artemis II ที่นำมนุษย์ไปโคจรรอบดวงจันทร์
ที่มา: NASA
รายชื่อจุดจอดที่เป็นตัวเลือก 13 จุด
Comments
พวกเชื่อทฤษฎีสมคบคิดยังจะเชื่อว่าไม่ได้ไปเหยียบดวงจันทร์จริงๆอีกไหม?? สมัยนี้อะไรๆก็ชัดระดับ 4K แล้ว
ไม่ได้ต่อต้านเรื่อง woke นะครับ
แต่แค่อึ้งว่าลามไปยัน NASA โดยถึงกับต้องมีการประกาศว่า มีนักบินอวกาศหญิงและผิวสี ด้วยเหรอ ทั้งๆ ที่ถ้าประกาศว่ามีใครบ้าง มีรูป คนก็น่าจะเห็นเองว่ามี diversity อยู่แล้ว
ยังไม่มีรูปนี่ครับ เพราะยังไม่ได้คัด นี่คือประกาศว่าจะมีโควต้า
เดี๋ยวนะคือต้องถึงกับมีโควต้าเลยหรอครับ ไม่ได้คัดตามความสามารถอย่างเดียวหรอภารกิจแบบนี้
บ.ที่ผมทำงานถึงกับระบุว่าจะเอาโปรแกรมเมอร์เพศหญิงเพื่อแสดงความตั้งใจที่จะให้มีความหลากหลายในบ.อ่ะครับ
1 ปีผ่านไปกันโควต้าให้ผู้หญิงไว้ 10 คนจากโควต้ารวม 30 คนมีผู้หญิงมาสมัคร 5 คน และผ่านสัมภาษณ์แค่คนเดียว
ผมเคยพูดตอนประชุมว่ากันโควต้าให้ผู้หญิงแบบนี้มัน discrimination นะ แต่ทางผู้บริหารพยายามบอกว่ากันโควต้าเพื่อป้องกัน cognitive bias
ผมก็เลยเฉยๆ เพราะฟังแล้วรู้สึกว่าดันทุรัง
ถ้าคนพออยู่แล้ว แล้วจะมีโควต้าแบบนี้มันก็ไม่เลือกปฏิบัติจนเกินไป เว้นแต่จะดันสุดซอยหน่ะครับ
คนไม่พอครับ ผมอยู่ในทีม core แต่มีคนแค่ 4 คน ซึ่งตามจริงแล้วทีมนี้อย่างต่ำควรมี 8 คนครับ ทีม ui ก็ขาดอีกหลายคนเลย
ช่วงโควิดทีมผมมี 6 คน บ.อยากเพิ่มเพิ่มผู้หญิงอีก 2 คน พอโควิดซาคนใหม่ไม่ได้ คนเก่าเหลือทนเลยออกไปอีก 2 เพราะเบื่อแบกงาน
จริง ๆ ปัญหาการแก้ปัญหาคนเบื่อที่ต้องแบกงานคือ เพิ่มเงินเดือนและให้ work from home พร้อมให้ OT สำหรับคนที่ทำงานได้ดี มีความรับผิดชอบ และ เขายอมรับได้ที่จะทำงานหนัก
แต่เหมือนบริษัทชอบที่จะจ้างคนเพิ่มโดยคิดแทนคนทำงานว่า ไม่อยากให้เขาทำงานหนักมากเกินไป ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาอาจจะชอบทำก็ได้
ทีมผมได้เงินเดือนเพิ่ม ไม่มีโอทีครับ แต่เป็น flexible hours มี remote working จะไปทำจากสเปนก็ได้ คนที่ลาออกคนนึงก็ไปนั่งทำงานที่สเปนนี่แหละครับ แล้วก็ลาออกตอนที่อยู่สเปนเลย เป็นคนเมกัน แบ้วไปทำงานที่เนเธอแลนด์ต่อ
ให้ขนาดนี้แล้วคนยังออก คือมันน่าเบื่อกับความดันทุรังอ่ะ
ในแง่นึงมันก็ต้องกระตุ้นกันระดับนึงก่อนแหละครับ ต้องยอมรับว่าช่วงนั้นมันจะไม่เท่าเทียมแต่อนาคตพอเห็นว่ามีคนทำได้มันก็ (น่าจะ) เยอะขึ้นมาเอง
อารมณ์ประมาณอาเบเบ้ บิกิล่าเปิดทางให้โลกรู้ว่านักกีฬาผิวดำวิ่งได้ดีละมั้งครับ แต่ตรงไหนคือเหมาะสมหรือสมดุลย์หน่อยนี่สิปัญหา
จีน กับ รัสเซีย จะกลับมาแข่งกับอเมริกาบ้างไหมนะ
ว่าแต่ แค่ภารกิจที่ 3 ก็ลงจอดเลยเหรอเนี่ย ดูไม่เทสเยอะเหมือนสมัยก่อนเลย
นับจริงๆก็ใกล้เคียงกันน่ะครับ
ขึ้นกับ Artemis I สำเร็จขนาดไหนด้วย
Artemis 1 เหมือนเทสต์เท่ากับ apollo 9 ไปในตัวเลย แต่ตัดมนุษย์ออก เพราะยุคอพอลโล ตัวจรวด saturn V กับยานบังคับการ-lunar module ทำเสร็จไม่พร้อมกัน
Artemis 2 เทียบเท่า apollo 8+10 ที่มีนักบิน
Artemis 3 ก็ apollo 11 ไปเลย
-