Starlink บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของบริษัท SpaceX ประกาศนโยบาย Fair Use policy กำหนดปริมาณใช้งานข้อมูลไม่เกิน 1TB ต่อเดือน หากใช้เกินจะถูกลดความเร็วลงตลอดเดือนนั้น
เพดานข้อมูล 1TB ต่อเดือน นับเฉพาะการใช้งานช่วงกลางวันและหัวค่ำ (ตามเวลาสหรัฐและแคนาดา) ที่มีการใช้งานหนาแน่น ตั้งแต่ 7.00-23.00 น. ส่วนช่วงดึกๆ ไปจนถึงเช้าไม่จำกัดปริมาณข้อมูลส่วนนี้ และหากผู้ใช้จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเกิน 1TB ในความเร็วปกติ สามารถซื้อเพิ่มในราคา GB ละ 25 เซนต์
Starlink ระบุว่ามีผู้ใช้ราว 10% ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ และมีผลบังคับใช้เฉพาะผู้ใช้ตามบ้านเท่านั้น (ผู้ใช้กลุ่มธุรกิจ รถบ้าน การบิน เรือเดินสมุทร ต้องจ่ายแพ็กเกจในอีกราคาอยู่แล้ว)
การจำกัดปริมาณอินเทอร์เน็ตต่อเดือน เป็นสิ่งที่ ISP บางรายในสหรัฐอเมริกาทำมาก่อนแล้ว เช่น Comcast มีนโยบายจำกัดข้อมูลที่ 1.2TB ต่อเดือน
Comments
ต่อไปพอ AIS ซื้อ 3bb แล้วบ้านเราจะเป็นแบบนี้มั้ยนะ
ไม่เกี่ยวกัน อันนี้ดาวเทียม ไม่เหมือนไฟเบอร์
เรื่องนี้ เพราะธรรมชาติของ wireless ธรรมดาที่ต้องจำกัดจัดการจราจร เมื่อลูกค้าเยอะขึ้น
คลื่นในอากาศ คือการผสมสัญญาณไปในคลื่นวิทยุ ทำ speed (bandwidth ใหญ่ๆ) ได้ลำบากยิ่งกว่าคลื่นแสงในท่อใยแก้ว เลยต้องจำกัดการจรจาร
แล้วก่อนผสมคลื่น ก็คือผ่านไฟเบอร์มาแล้ว
เมื่อเข้ากับสถานี ยิ่งขึ้นไปในอากาศ ขึ้นอวกาศแล้วกลับลงมา กลายเป็นสัญญาณถูกกระทำอีกครั้ง เดินทางลำบากขึ้น
ดาวเทียมก็แบบเดียวกับเรื่องที่จำกัดกันในการใช้มือถือ มีข้อจำกัด bandwidth มากกว่า fiber
ผมว่าไม่แปลกที่จะตั้งคำถามครับ เพราะต่างประเทศที่มีปัญหาผูกขาดกัน Fiber, ADSL ก็โดนจำกัดการใช้รายเดือนทั้งนั้น เมื่อคู่แข่งน้อยลงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นก็มากขึ้นเรื่อยๆ ครับ
แต่ Comcast ที่อยู่ท้ายข่าวไม่ใช่ wireless นะครับ
โทษAIS เฉยทั้งที่ไม่ใช่ผู้เริ่ม
ผมไม่ได้โทษ AIS ในประเด็นนี้เลยนะครับ (เข้าใจเค้าด้วย) แค่ตั้งคำถามถึงสถานการณ์ในอนาคตเมื่อเกิดการแข่งขันน้อยลงเฉยๆ ครับ
เมืองนอกพี่แกจัดกัดปริมาณ Traffic ยันเน็ทสาย เลย ไม่เหมือนบ้านเราใช้สายไม่ล็อคเลย แถมเน็ทก็ดีครอบคลุม เหมือนทรูบ้านเราเคยมีเขียนบอกไว้ถ้าใช้เกินเท่าไรแต่ทางปฏิบัติเหมือนทำให้เกินไม่ได้ละมั้ง
โดยปกติแล้ว การที่จะทำแบบจำกัดข้อมูลนั้นมันต้องร่วมมือกันทำทุกเจ้า ไม่งั้น จะเกิดข้อได้เปรียบเสียบเปรียบ แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ เหตุผลที่มีการจำกัดข้อมูล เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานมันยังไม่สามารถรองรับ ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ ถ้าตอนนี้มาดูของประเทศไทย พบว่า โครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตเราดีอันดับต้นๆของโลกแล้วนะครับ Fiber to Home บ้านเราลากกันมาเกือบจะ 10 ปีแล้ว จนตอนนี้เป็นเรื่องปกติ ขนาดบ้านนอกยังลากสายพาดทุ่งนากันเลยครับ ความเร็วอินเตอร์เน็ตบ้านเรา อยู่ TOP 5 ของโลกมาได้สองสามปีแล้ว แซงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ไปได้สักพัก เราเลยต้องกลับมาคิดกันว่า แล้วจะมีค่ายไหนจำกัด Bandwidth