ข่าวของ Twitter ยังมีมาเรื่อย ๆ นอกจากการปลดพนักงานแล้ว Reuters ยังมีรายงานว่า Elon Musk ออกคำสั่งให้ลดต้นทุนครั้งใหญ่ โดยให้ทีมงานศึกษาหาวิธีลดค่าใช้จ่ายด้าน Infrastructure ให้ได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หรือคิดเป็น 1.5-3 ล้านดอลลาร์ต่อวัน และต้องให้รายละเอียดแผนการลดค่าใช้จ่ายภายในวันที่ 7 พฤศจิกายน
ตัวเลขนี้มีที่มาจากผลประกอบการของ Twitter ที่ขาดทุนอยู่ โดยคิดเป็นวันละ 3 ล้านดอลลาร์
ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของ Infrastructure ก็คือเซิร์ฟเวอร์และการเช่าพื้นที่คลาวด์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อคุณภาพการให้บริการ โดยเฉพาะเวลามีผู้ใช้งานจำนวนมาก ซึ่งในอเมริกาใกล้ถึงวันจัดการเลือกตั้งกลางเทอม 2022 ที่คาดว่าจะมีคนใช้ Twitter เพื่อแสดงความเห็นจำนวนมาก ก็อาจเป็นการทดสอบว่า Twitter จะรองรับการใช้งานไหวหรือไม่
ที่มา: Ars Technica
Comments
ผมมองไม่ออกเลยว่าคุณมัสก์จะผลักดันให้ทวิตเตอร์กลายไปเป็นอะไรในอนาคต
Super app
วาฬบินจะกลับมา!
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
เขารู้หมดว่าเล่นมานาน
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
เออ หายไปนานเลย ผมทันสมัยนั้น 🤭
WE ARE THE 99%
ชอบแนวคิดนี้ครับ ผลักดันลดค่าใช้จ่ายสำหรับ Infrastructure
ที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นใครหรือผู้บริหารที่จะคิดหรือให้คำความสำคัญกับเรื่องนี้
มีแต่มีให้ใช้ก็ใช้ไป มีให้เช่าก็เช่าไป และจ่ายไป
การคำนึงถึงค่ายใช้จ่าย Infrastructure นั้นมีรายละเอียดเยอะ ต้องมองลึกถึงระดับการออกแบบ และ coding
บริษัทที่ผมทำ เคยมีโปรเจ็คลด MIPS ที่ mainframe ตัวเองใช้ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปซื้อเครื่องเพิ่ม แต่พอบริษัทโดนซื้อโปรเจ็คนี้ก็หายไป
ดีครับที่เจ้าของใหม่ทวิตเตอร์มีแนวคิดนี้ 555
น่ากลัวจะต้อง ออกแบบ+เขียนใหม่หมดเลย
แถม data เดิม มันจะเป็น technical debt ที่ต้องจ่าย
ดูกันว่า Elon จะเงินหมดก่อนหรือแก้เสร็จก่อน
ยิ่งมีกลุ่มจองกฐินยกเลิกโฆษณาอีก
บางทีแก้เสร็จ ลดรายจ่ายได้ แต่รายได้ไม่เข้า = ตายอยู่ดี
ทยอยจัดการข้อมูลฝั่ง server ก่อนก็ได้ครับ ไอ้ที่ไม่ได้ใช้ก็ปิดไป อันไหนรวมได้ก็รวม แค่นี้ก็ลดไปได้เยอะแล้วล่ะครับ
ผมลงโฆษณากับ FB และ GG เป็นหลัก
เคยลองลง Twitter ครั้งนึง มันแย่มากนะครับ สร้างผลลัพธ์อะไรไม่ได้เลย มีประโยชน์อย่างเดียวคือการกระตุ้นให้คนพูดถึง สำหรับแบรนด์ใหญ่ๆ ที่คนรู้จักอยู่แล้ว จริงๆแค่ Twitter ปรับปรุงระบบโฆษณาให้ดีเท่าคนอื่นได้ ก็น่าจะดีขึ้นเยอะแล้ว รวมถึงพัฒนาตัว AI ตรงนี้ด้วย
เหมือนบริษัทมันดูเฉื่อยๆ นักลงทุนก็ปล่อยให้ขาดทุนอยู่ได้ตั้งนาน คงเห็นว่านักการเมืองหรือองค์กรในสหรัฐใช้กันหมด เลยคิดว่ามันมีอนาคตแน่ๆ บริษัทเลยเหมือนอยู่แบบสบายๆเรื่อยมา
คนจะซื้อบริษัททั้งบริษัท แปลว่าแกยอมแลกและรู้อะไรบางอย่างแน่ๆ ถึงเร่งแบบนี้กดดันรัวๆ
แต่ถ้าแกพลาดที่ซื้อในช่วงขาลงละ คงไม่มั้งระดับพี่อีลอนปั้น paypal มาแล้ว