การนำหุ่นยนต์มาใช้ในภาคส่วนบริการและร้านอาหารเป็นวิธีที่ภาคบริการมองว่าจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและให้บริการได้เร็วขึ้น รวมทั้งช่วยให้พนักงานสามารถบริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่เพราะมีหุ่นยนต์ช่วยทำงานอื่น ๆ เช่น เสิร์ฟอาหาร เก็บโต๊ะ นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับร้านนั้น ๆ ว่าเป็นร้านที่ทันสมัยและเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้
ข้อมูลจากสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติเผยว่าหุ่นยนต์สำหรับส่วนการบริการขายได้ราว 121,000 เครื่องเมื่อปีที่แล้ว ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ชื่อว่า White Castle ที่ใช้หุ่นยนต์ Flippy 2 ส่งอาหารในร้านค้ากว่า 350 สาขาและวางแผนจะใช้เพิ่มอีก 100 แห่ง
อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทได้นำหุ่นยนต์มาใช้แต่ก็เลิกใช้ไปในภายหลัง เพราะมองว่าหุ่นยนต์ทำงานได้ไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่ต้องเสียไป รวมทั้งทำงานช้าและมีข้อจำกัดในการทำงาน เช่น Amazon ที่ยกเลิกหุ่นยนต์ Scout ที่ใช้ส่งของถึงบ้าน เพราะไม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือบริษัท FedEx ที่ยกเลิกการใช้หุ่นยนต์ส่งของที่ใช้ชื่อว่า Roxo
ธุรกิจหลายแห่งที่เปลี่ยนจากการลงทุนกับหุ่นยนต์ไปลงทุนทางด้านอื่น ๆ แทน เช่น McDonald ที่ลงทุนกับระบบจดจำเสียงอัตโนมัติที่สามารถรับออเดอร์ลูกค้าผ่านทาง Drive Thru หรือร้านอาหาร Chili’s Grill & Bar ที่เลิกใช้หุ่นยนต์ Rita และเปลี่ยนไปลงทุนกับการซื้อเครื่องครัวที่ช่วยทุ่นเวลาทำอาหารและทำให้ทำความสะอาดโต๊ะได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการทำให้หน้าเว็บไซต์ของร้านใช้งานง่ายมากขึ้น
ภาพหุ่นยนต์ Scout ของ Amazon
Matt Beane ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการจัดการเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียกล่าวว่าการที่บริษัทต่าง ๆ เลิกใช้หุ่นยนต์แสดงว่าร้านค้าต่าง ๆ ประสบปัญหาในการหาสมดุลระหว่างต้นทุนของหุ่นยนต์กับการใช้ประโยชน์จริง ๆ
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ลูกค้ายังไม่ค่อยคุ้นชินกับหุ่นยนต์และต้องการพนักงานบริการมากกว่า ผลประเมินความพึงพอใจของลูกค้าของร้าน Chili’s Grill & Bar เผยว่าเกือบลูกค้าเกือบ 60% กล่าวว่าหุ่นยนต์ Rita ไม่ได้ช่วยให้ประสบการณ์ในการทานอาหารที่ร้านดีขึ้น ทั้งยังมีคอมเมนต์ในเพจร้านค้าใน Facebook ที่บอกให้เลิกเอาหุ่นยนต์มาทำงานแทนคน
ส่วนข้อจำกัดอื่น ๆ ก็อย่างเช่น หุ่นยนต์กีดขวางทางสำหรับผู้ที่นั่งเก้าอี้รถเข็นสำหรับคนป่วยหรือผู้พิการ อย่างกรณีเมืองโตรอนโตของแคนาดาที่แบนการใช้หุ่นยนต์เดลิเวอรี่จนกว่าจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการของเมืองเพื่อศึกษาผลกระทบของหุ่นยนต์ หรือเช่นกรณีที่หุ่นยนต์ของร้านอาหาร Rachel’s Kitchen ไม่สามารถเสิร์ฟอาหารให้โต๊ะส่วนด้านนอกตัวร้านได้เพราะแสงแดดรบกวนการทำงานของระบบระบุตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือหุ่นยนต์มีผลกับภาพลักษณ์ของร้าน เจ้าของร้าน Conan’s Pizza ในรัฐเท็กซัสเผยว่า หุ่นยนต์ส่งพิซซ่าของร้านส่งพิซซ่าได้ช้ากว่าคนส่งที่เป็นมนุษย์และมีปัญหาเรื่องการเดินทาง แต่ร้านยังคงใช้หุ่นยนต์อยู่เพราะช่วยเรื่องการโฆษณา ทำให้มีคนพูดถึงร้านมากขึ้น
ที่มา: Wall Street Journal
Comments
หลายร้านที่เอามาใช้บ้านเราดูวุ่นวายสุดๆ ยิ่งพอคนเยอะๆ กลายเป็นขวางทางไปเลย
เจอปัญหาลูกหลานชาวฟาโรห์ด้วยไหม
เคยเจอร้านอาหารในไทยใช้ พอหุ่นแบตหมด เปลี่ยนแบต รอบูท เสียเวลาหลายนาทีกว่าจะ start จนใช้งานได้ เสียจังหวะ แถมร้านก็ไม่ใช้คนเสริฟอาหารด้วย คนแค่รอหุ่นมาแล้วหยิบส่งให้บ้างหรือเก็บจาน เติมน้ำงี้ซุปน้ำจิ้ม
แต่หุ่นในไทย ผมว่าภาพรวมดูโอเคนะครับ
สำหรับผม ไม่ค่อยโอเคกับหุ่นในร้านอาหารเลย
อย่างแรกคือช้า สองเวลาหุ่นมาส่งจะสั่งของเพิ่มก็ไม่ได้
สามตอนร้านคนเยอะๆ กลายเป็นเกะกะไปซะงั้น😂
หุ่นยนต์ร้านตี๋น้อยยังทะเลาะกับรถเข็นเก็บจานอยู่เลย ไม่มีใครหลบใคร หุ่นยนก็ยืนบ่นอยู่นั่นแหละ ถ้าเป็นคนก็คือเดินผ่านไปละ 555
"แะล" สะกดผิดอยู่นะครับ
ปัญหาที่ผมเจอคือ ผมไม่รู้ว่ามันมาส่งอาหารให้ผมหรือเปล่า
มันพูด ก็ฟังไม่ทัน
จะหยิบก็กลัวเป็นคนโต๊ะอื่น
แถมต้องลุกขึ้นหยิบอีกต่างหาก นั่งรับไม่ได้
ถ้าต้องส่งอาหารแบบจานเล็กจานน้อยทีละเยอะๆ
ผมคิดว่าระบบสายพาน (สายบน) ของ sushiro มันดีและเหมาะสมสุด ในยุคนี้แล้ว
ปัญหาของคน แก้ด้วยหุ่นยากหน่อย แม้หุ่นจะไปโต๊ะถูกเสมอ แต่อีคนกดคำสั่งให้หุ่นนี่สิ เคยโดนให้ไปส่งผิดโต๊ะ โมโหลมออกหูเพราะรอเกินครึ่งชม.
ผมเคยเจอแบบไปส่งโต๊ะก่อนหน้าแล้วเค้าหยิบผิดไปลงโต๊ะเค้าแล้วเหมือนเค้านึกออกเลยเอากลับมาวางคืน ถึงเค้าจะยังไม่ได้กินแต่ก็รู้สึกยังไงๆกับอนามัยอยู่ดี
อันนี้ก็เคยเจอครับ แต่ผมคิดน้อยมั้ง
จะว่าไป human error มันเยอะอยู่นะ ทั้งลูกค้า ทั้งพนักงาน ยังไม่รวมเด็กที่ชอบไปแกล้งขวางทางอีก
ผมเคยได้ถาดเปล่ามาเสริฟ เพราะโต๊ะก่อนหน้ากวาดเรียบไปหมดเลยทุกชั้น 555
โต๊ะก่อนหน้าเป็นพนักงานทำความสะอาด ผ่ามพ้าม
ที่เจอ จากที่ไปกิน ก็ถือว่าผ่านอยู่นะการจะมีสักตัวไว้ร้าน
ผมว่าหลักๆ experience ที่ได้จากหุ่นยนต์ ยังไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้ ถ้ามีหุ่นยนต์เหมือนในหนัง iRobot ก็ไม่แน่
ถ้าหุ่ยนต์ทำงานสองทางได้แบบคน (ทั้งขาส่งให้ลูกค้าแบบที่เป็นอยู่ กับขารับของจากลูกค้ากลับไป) อ่ะน่าสน
ทุกวันนี้แม้แต่จะหา alternative routes ยังทำกันแทบไม่ได้เล้ย 😑
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
เคยได้ยินในเชิงจิตวิทยาว่า ในบางเรื่องมนุษย์เราจะรู้สึกสบายใจกว่าถ้าได้คุยหรือโต้ตอบกับมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งมันไม่ใช่แค่เรื่องของค่านิยมในสังคมแต่เป็นเรื่องของสัญชาตญาณหรือจิตใต้สำนึกของคนเราเลย (น่าจะเพราะมั่นใจว่าสามารถสื่อสารกันรู้เรื่องได้มั้ง?)
เพราะงั้นผมมองว่าหุ่นยนต์ที่เลียนแบบงานหรือพฤติกรรมของมนุษย์ มันไม่มีทางที่จะแทนที่มนุษย์ได้ในแง่ของความรู้สึก แม้ว่ามันจะทำงานได้เพอร์เฟคแค่ไหนก็ตาม ตราบใดที่เรารู้ตัวว่านั่นไม่ใช่มนุษย์ก็ยากที่จะสบายใจได้เท่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ไม่ได้บอกว่าหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรจะทำงานแทนที่มนุษย์ไม่ได้นะครับ แค่มองว่าการทำงานโดยการเลียนแบบมนุษย์มันไม่เวิร์คเท่านั้นเอง ถ้าออกแบบให้มันทำงานโดยไม่มุ่งเน้นไปที่การเลียนแบบมนุษย์ (เช่น สายพานส่งอาหาร) ผมว่ามันก็แทนที่มนุษย์ได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารที่เลียนแบบมนุษย์ครับ
+1 เห็นด้วยนะ ถ้าต้องการลดคน ออกแบบใหม่ไปเลย อย่างร้านหลาย ๆ ร้านที่ญี่ปุ่นก็ใช้วิธีหลากหลายวิธีที่เอามาลดคนได้ ซูชิสายพาน ราเมนข้อสอบ หรือร้านซูชิ โอมาคาเสะที่เป็นเค้าเตอร์ ทำเสร็จเสริฟเลยในคนเดียว ใช้คนไม่กี่คนในการ Operate ร้าน
แต่จะเอาหุ่นยนต์มาใช้แทนที่ Workflow ที่เคยเป็นคนยังงี้คือไม่น่าไหว นอกจากจะเอามาโชวว์เฉย ๆ (ลูกชายชอบไปร้าน MK เพราะชอบดูพี่โรบอท)
หุ่นยนต์มาส่งถึงโต๊ะ แต่ พนง เดินตามมาเปิดแล้วหยิบของส่งให้อยู่ดี
หุ่นยนต์มาส่งถึงโต๊ะ อาหารวางเต็มทุกชั้น แล้วหน้าจอไม่ได้อธิบายเลยว่าอาหารของโต๊ะนี้ วางอยู่ชั้นไหน รายการอาหารคืออะไร
ส่งด้วยหุ่นยนต์ไม่ว่า แต่ช่วยเขียน GUI ให้ User เข้าใจง่ายหน่อย
แบบนี้เกะกะมาก รอหุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ผมว่าเกิด
ใช้หุ่นแล้วยังต้องใช้คนเป็นพี่เลี้ยง
ส่วนผมชอบไปร้านซูชิสายพานที่ไม่ต้องคุยกับคนครับ
เวิร์คกว่าเร็วกว่าหุ่นยนต์เดินส่งเยอะเลย
ความเห็นส่วนตัวก็คือหุ่นยนต์ในรูปแบบนึง ที่ปรับได้ลงตัวกับ function
ไม่ชอบหุ่นยนต์ตรงที่ต้องเอื้อมมือหรือลุกไปหยิบอาหารเองนี่แหละ
นอกจากนี้หุ่นยนต์ยังเดินเกะกะขวางทางอีกด้วย
ถึงจะแสดงหน้าตาน่ารักๆ อย่าง >.< ก็ไม่ได้ทำให้ User Experience ดีขึ้นหรอก
ที่ร้าน Luckey ชาบู โอเคเลย ใช้งานง่าย ส่งเร็วดี
เอาคนมาเสิร์ฟ-ส่ง-บริการ เหมือนเดิมดีแล้ว ไปลงทุนกับหุ่นยนต์ในงานหลังบ้าน หรือทุ่นแรงอื่นๆ ในโกดัง ในครัว ให้มีประสิทธิภาพดีมากกว่าปัจจุบันดีกว่า เช่น เตรียมวัตถุดิบได้รวดเร็วและแม่นยำ ล้างจาน ภาชนะต่างๆ ได้สะอาดรวดเร็ว งานหลังบ้านให้พึ่งพาหุ่นยนต์ส่วนใหญ่ไปเลย
WE ARE THE 99%
เห็นด้วย ผมคิดว่าหุ่นยนต์(หรือAI) มันควรจะมาช่วยงานที่ซ้ำๆ ซากๆ แบบ tedious ที่ไม่ต้องพลิกแพลง ไม่ต้องคิด
แต่งานบริการเนี่ย มันก็คือ art อย่างนึง ที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอด มนุษย์ทำได้ดีกว่า
ยกเว้นออกแบบทั้งกระบวนการให้เปลี่ยนไปเลย ตามที่หลายท่านว่าซูชิสายพาน
เคยเจอที่ mk ไม่ค่อยชอบนัก แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ลดพนักงานไปได้สักเท่าไหร่ เอาคนมาทำเหมือนเดิมเหอะ
เคยวิ่งตามหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารเพราะกำลังหยิบของออกยังไม่หมดแล้วมันไปเลย นึกกลับไปตอนนั้นแล้วก็อายคนในร้านตอนนั้นพอสมควร
ถ้าคุณจะเอามาใช้แทนคนจริงๆ แปลว่า สิ่งที่ได้มันควานจะดีกว่า หรือ เหมือนเดิม แต่ที่เคยเจอมา มันไม่เหมือนเดิม และไม่ได้ดีกว่า มันแบบ คนละอย่างกับที่คนทำให้เรา
The Dream hacker..
หุ่น M* กับ Yayo* สุดท้ายต้องให้พนักงานเดินตามมาหยิบออกจากถาด วางบนโต๊ะอาหาร แล้วกดที่หน้าจอว่ารับอาหารแล้วให้
นึกถึงหุ่นยนต์ที่โดนทิ้งร้างที่ญี่ปุ่นเลย
ปัญหาใหญ่น่าจะเป็นที่ หุ่นยนต์จบงานไม่ได้จริง
สุดท้ายต้องให้คนไปเก็บงานอยู่ดี
กลายเป็นต้องจ่ายทั้งคนทั้งหุ่นยนต์ ต้นทุนกระฉูด