Sam Bankman-Fried หรือ SBF ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ FTX โผล่มาให้สัมภาษณ์กับ Kelsey Piper ผู้สื่อข่าวของ Vox (ผ่านทาง Twitter DM) มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
- SBF ไม่ได้บอกว่าเขาอยู่ที่ไหน (เชื่อกันว่ายังอยู่ในบาฮามาส)
- เขาบอกว่าสาเหตุของปัญหาเกิดจากระบบบัญชีที่ซับซ้อนระหว่าง FTX และ Alameda Research โดยยืนยัน FTX ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุน แต่ให้ Alameda ยืมเงินไปลงทุน โดยเขาคิดว่าฝั่ง Alameda มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (collateral) มากพอ ซึ่งภายหลังมาพบว่าไม่จริง
- เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความตั้งใจของใคร (it was never the intention) แต่เป็นปัญหาเรื่องการลงบัญชี (messy accounting) ซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นเรื่องใหญ่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กระบวนการแต่ละขั้นตอนสมเหตุสมผลในตัวมันเอง แต่พอนำมารวมกันเป็นภาพใหญ่แล้วเกิดปัญหา
- เขาบอกว่าตัดสินใจผิดที่เลือกนำ FTX ล้มละลายตามกฎหมาย chapter 11 และบอกว่าถ้าไม่ล้มละลาย ลูกค้าน่าจะกลับมาถอนเงินคืนได้ภายใน 1 เดือน
- แม้บริษัทล้มละลายและเขาลาออกจากตำแหน่งซีอีโอไปแล้ว แต่เขายืนยันว่ากำลังหาเงินอีก 8 พันล้านดอลลาร์ภายในกรอบเวลา 2 สัปดาห์
- ประเด็นเรื่องการแฮ็ก FTX เป็นการแฮ็กจริงๆ โดยอาจเป็นอดีตพนักงานหรือมัลแวร์ในเครื่องพนักงาน
- เขาบอกว่าที่ผ่านมาพูดเรื่องจริยธรรม (ethics) หรือการกำกับดูแล มันเป็นเรื่อง PR ล้วนๆ โลกเราชอบคำอะไรเท่ๆ ดูดี ซึ่งเขาพูดแล้วทั้งโลกก็ชอบคำเหล่านี้ เลยเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา
ที่มา - Vox
Comments
แล้วของเราก็น่าจะ pr ล้วนๆ
ประโยคสุดท้ายนี่คือรับสารภาพเหรอ
ระบบบัญชีมันไม่ซับซ้อนหรอกถ้าจะทำให้มันมีมาตรฐาน
แต่ที่ไม่ทำ เพราะไม่มีข้อบังคับ ไม่มีการกำกับดูแล ก็ลงตามใจชอบนั่นแหละ เผลอๆมีหลายเล่มอีกตะหาก...
แต่ที่บอกว่าถ้าไม่ยื่นล้มฯจะหาเงินมาคืนได้นี่โม้สุดๆ
"FTX ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุน แต่ให้ Alameda ยืมเงินไปลงทุน"
ไหวไหมพี่
อันนี้คือ fraud แบบชัดเจนเลยนะ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
เชี้ยกว่าลงทุนเองอีก
ข้อแก้ตัวฟังไม่ขึ้นนะ
สุดท้ายคือ PR ล้วนๆงั้นเหรอ
ไม่รับผิดชอบอะไรเลย