ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงสตาร์ทอัพชั้นแนวหน้าของไทย LINE MAN Wongnai น่าจะติดขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งปัจจุบัน LINE MAN Wongnai เติบโตจนมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความท้าทายในเชิงซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีมากมายที่กำลังรออยู่ ซึ่งจากการแถลงข่าวการระดมทุนซีรีส์บีรอบล่าสุดของบริษัท ก็มีการประกาศด้วยว่า จะรับทีมงานด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นให้ถึง 450 คนภายในสิ้นปี 2565
แต่ก่อนจะยื่นใบสมัคร ลองไปดูวิธีคิดและความเห็นในการคัดเลือกคนของทีม People ของ LINE MAN Wongnai ที่เป็นด่านแรกกันก่อน เพื่อที่จะได้เตรียม resume และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการคัดเลือก
แม้ใบสมัครที่ส่งเข้ามาในแต่ละวันจะมีจำนวนมาก แต่กระบวนการคัดกรองของทีม People จะค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียด เนื่องจากจำเป็นต้องหาคนที่เหมาะสมกับ product ของบริษัท อย่างเช่นตำแหน่งด้าน UX/UI ก็จะต้องมีผลงานหรือ portfolio ที่ไปในทิศทางเดียวกับแอปพลิเคชันของบริษัท รวมถึงดูประสบการณ์ว่าเคยทำแอปพลิเคชันในระดับที่มีผู้ใช้งานหลักล้านคน และมีจำนวนครั้งในการใช้งานต่อวันหลายๆ ครั้งแบบที่ LINE MAN เป็นหรือไม่ด้วย กล่าวอีกอย่างคือ LINE MAN Wongnai มองหาคนที่มีประสบการณ์และพร้อมทำงานได้ทันทีมากกว่า
ช่วงหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ใบสมัครที่ยื่นเข้ามามีจำนวนมากขึ้น วันหนึ่งอาจถึงหลายร้อยหรือไปถึงหลักพันใบ ทำให้เวลาพิจารณาใบสมัคร Talent Acquisition ของเราจะมีเวลาเพียงแค่ 1-3 นาทีต่อใบเท่านั้น ซึ่งรายละเอียดที่จะถูกพิจารณาคือ Storytelling น่าสนใจแค่ไหนในการเขียนเล่าประสบการณ์ทำงาน
ทีม People เลยแนะนำว่า การทำ resume ควรเอาประสบการณ์การทำงานขึ้นก่อนเสมอ ควรลงรายละเอียดและระบุให้ชัดเจนว่า มีส่วนรับผิดชอบอะไรในชิ้นงานนั้นๆ มีการสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง มีทักษะด้านไหนบ้าง มีใบ certificate รับรองไหม เพราะถ้าหากเขียนกว้างๆ แค่ว่า เคยทำอะไรมา มีความสามารถอะไร แล้วไม่ลงรายละเอียด ใบสมัครลักษณะนี้จะถูกปัดตกไปก่อน และหน้าตาความสวยงามไม่มีผล (ยกเว้นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับงาน design)
ส่วนคนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างน้องๆ จบใหม่ LINE MAN Wongnai ก็ใช่ว่าจะไม่รับ แต่จะเน้นไปที่การพิจารณาทักษะความสามารถ และโอกาสที่จะพัฒนาเพิ่มขึ้นได้เป็นหลัก ดังนั้นการเขียน resume ของน้องๆ จบใหม่ ควรเขียนเน้นไปที่ประสบการณ์ตอนเรียน และกิจกรรมนอกหลักสูตรว่าเคยทำอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะในรั้วมหาลัยหรือนอกมหาลัย
อีกประเด็นที่ทีม People จะพิจารณาจากทัศนคติของผู้สมัครว่าจะสามารถเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทได้มากน้อยแค่ไหน อย่างเช่น ผู้สมัครเป็นคนที่มี Growth Mindset แค่ไหน อย่างวัฒนธรรมย่อยของทีม developer ก็จะเน้นไปที่การเรียนรู้พัฒนาตัวเอง ถ้ามีอะไรที่ไม่รู้ก็สามารถเดินไปถามคนในทีมได้ เพราะที่ LINE MAN Wongnai จะอยู่กับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นคนที่เข้ามาทำงานก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัว พัฒนาตัวเองและมีความคิดต่อยอดเช่นกัน
และด้วยความที่บริษัทคัดเลือกคนที่มีลักษณะคล้ายๆ กันเข้ามาทำงานร่วมกัน ทำให้บรรยากาศการทำงานจะค่อนข้างกลมกลืน และเกิดการผลักดันให้เกิดการพัฒนาซึ่งกันและกัน
เป็นเรื่องธรรมดาของคนทำงาน ที่เมื่อทำงานไปซักพัก อาจจะมีการ burnout หรือรู้สึกว่าอยากออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ ดังนั้นทีม People เลยจำเป็นต้องเช็คระดับความสุขในการทำงาน โดยในทุกๆ 6 เดือน บริษัทจะมีการสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน ชีวิตการทำงานเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไร รู้สึกอย่างไรและมีสาเหตุจากอะไรบ้าง เพื่อเอามาต่อยอด อาจจะเป็นกิจกรรมสำหรับพนักงาน หรือการวางแนวทางการแก้ปัญหาจากหัวหน้างาน
ที่สำคัญคือในช่วงโควิดที่ผ่านมา LINE MAN Wongnai "ไม่เคย" เลย์ออฟคนออกเลย เพราะผู้บริหารวางแผนอย่างดีและพนักงานก็พร้อมกับการปรับตัวอย่างรวดเร็ว หากการทำงานมีปัญหา หรือรู้สึกว่าอยากได้ความท้าทายใหม่ๆ ที่นี่ก็จะอาศัยการโยกย้ายคนทำงานไปยังส่วนอื่นๆ ตามความสามารถของพนักงานแทน
นอกจากนี้ บริษัทก็ยังมีอีกโปรแกรมที่ชื่อว่า WeCoach ที่ห้โอกาสพนักงานได้คุยแบบ 1-on-1 กับผู้บริหารระดับ C-Level หรือ Head ที่ไม่ได้เป็น Line Manager ของตัวเอง การพูดคุยก็เปิดกว้าง ไม่ได้จำกัดว่าจำต้องมีแต่เรื่องงาน อาจจะมีเรื่องการใช้ชีวิต คำแนะนำต่างๆ จากประสบการณ์ของพี่ๆ ซึ่งก็ช่วยให้พนักงานได้เรียนรู้ในแง่มุมอื่นๆ รวมถึงทำให้ช่องว่างระหว่างคนทำงานกับผู้บริหารน้อยลงไปด้วย
ถึงอย่างไรก็ตาม การลาออกก็ยังคงเป็นเรื่องปกติและบริษัทก็มีการคาดการณ์เป็นตัวเลขเอาไว้ด้วย เพราะหากไม่มีการ turnover ก็เหมือนกับว่าไม่มีบริษัทไหนอยากได้คนของ LINE MAN Wongnai เลย ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่พนักงานอยากเติบโตในเส้นทางที่แตกต่าง บริษัทก็ยินดีที่เสมอ และก่อนออกก็จะมีการทำ exit interview เพื่อขอฟีดแบ็คว่า ชอบหรือไม่ชอบอะไรกับการทำงานที่นี่ และอยากให้บริษัทพัฒนาในส่วนไหนด้วย
แม้จะเปิดรับกับการเติบโตในเส้นทางอื่นของพนักงาน แต่สิ่งหนึ่งที่ทีม People ยังใส่ใจเป็นพิเศษอยู่เสมอคือการ retain high performer หรือรักษาพนักงานเก่งๆ เอาไว้ให้ได้มากที่สุด และหากกางชีทออกมาเป็นตัวเลขก็จะพบว่า คนที่เป็น high performer นั้น มีเปอร์เซ็นในการลาออกที่น้อยมากๆ ซึ่งก็สะท้อนว่า บริษัทสามารถรักษาคนเก่งๆ ให้อยู่กับบริษัทไปได้นาน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องสวัสดิการ เป็นปัจจัยที่ผู้สมัครจะพิจารณาควบคู่ไปกับค่าตอบแทนเวลาย้ายงาน ซึ่งคำนิยามของสวัสดิการที่ดีของทีม People คือสวัสดิการที่ตอบโจทย์ชีวิตการทำงานของคนเก่งๆ ทำให้พนักงานทำงานง่าย มีความสุข และไม่ต้องพะวงกับอะไรหลายๆ อย่างที่อาจเป็นอุปสรรคหรือปัญหา
เรื่องสวัสดิการทีม people ก็มีการพูดคุย ปรับปรุงและพัฒนาอยู่ตลอด โดยจะอาศัยการรับฟังว่าพนักงานอยากได้อะไร ผู้บริหารอยากให้ไปทางไหน และนำมาประยุกต์ร่วมกัน อย่างในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา การทำงานจะเน้นไปที่ work from home เป็นหลัก เพราะพนักงานหลายคนก็อาจจะไม่สะดวกที่จะเข้าออฟฟิศทุกวันเหมือนเดิม สวัสดิการของบริษัทก็ต้องมีการปรับให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานที่เปลี่ยนไปด้วย
ที่ LINE MAN Wongnai ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่กำลังขยายตัว และมองหาคนที่ชอบความท้าทาย มีไอเดีย ที่พร้อมแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน มาทำงานด้วยในทุก ๆ ส่วน ไม่ว่าจะส่วนเทคโนโลยีหรือธุรกิจ หากใครที่คิดว่าตัวเองมีความพร้อม มีความสามารถและอยากมีส่วนในการขับเคลื่อนให้ยูนิคอร์นตัวนี้ไปไกลมากยิ่งขึ้น สามารถดูตำแหน่งงานที่ LMWN เปิดรับได้ที่ Blognone Jobs