ลองสำรวจมือถือของเรา ทุกวันนี้เก็บข้อมูลอะไรไว้บ้าง
คนทั่วไปก็คงใช้มือถือถ่ายรูปโมเมนต์สวยๆ ถ่ายคลิปแชร์ลงสตอรี่
แต่ยังมีคนอีกหลายประเภทที่ใช้มือถือมากกว่าแค่ถ่ายรูป แต่ใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เป็นบล็อกเกอร์ ยูทูเบอร์ นอกจากนี้ ยังมีคนจำนวนไม่น้อยทำงานผ่านมือถือ เปิดไฟล์ อ่านเอกสาร แชร์ไฟล์พรีเซนเทชั่นกันบนมือถือ
ดังนั้น มือถือเครื่องหนึ่งของเราจึงมีหน้าที่บันทึกข้อมูลมากกว่าที่ตาเห็น และเป็นไปไม่ได้ที่จะบันทึกข้อมูลทั้งหมดลงในเครื่อง แต่ละคนจึงใช้บริการคลาวด์อย่าง iCloud, Google Drive, One Drive เพื่อเก็บข้อมูลไม่ให้หนักเครื่องจนเกินไป
แต่ข้อจำกัดของบริการคลาวด์เหล่านี้ คือมันสามารถกินพื้นที่จนเต็มได้ ต้องจ่ายเงินซื้อพื้นที่เพิ่มทุกเดือน และถ้าข้อมูลเราเพิ่มขึ้น ก็ต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อให้มีพื้นที่จัดเก็บได้มากกว่า และไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายไปจนถึงเมื่อไร
อีกทางเลือกของผู้ใช้งานที่ต้องถือข้อมูลจำนวนมาก คือการใช้ศูนย์ข้อมูลส่วนบุคคล แบบจ่ายครั้งเดียวจบ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีทางเลือกหลากหลายแบรนด์ และหนึ่งในนั้นที่นิยมสำหรับผู้ใช้งานในบ้าน กลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์และกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กคือ Synology NAS แบรนด์ NAS เจ้าตลาดที่ทำให้คุณสามารถมีระบบคลาวด์ส่วนตัวของคุณเองได้ โดยไม่ต้องกังวลกับค่าบริการรายเดือน
หนึ่งในแอปพลิเคชันของ Synology NAS ที่สามารถตอบโจทย์การจัดเก็บไฟล์รูปภาพสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงคอนเทนต์ครีเอเตอร์และบล็อกเกอร์ได้ดีคือ Synology Photos
ทำไมถึงควรเปลี่ยนมาใช้ Synology Photos
Synology Photos เปรียบเสมือนศูนย์ข้อมูลส่วนตัวของคุณ ที่ใช้งานผ่านระบบคลาวด์ส่วนตัว และพร้อมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของข้อมูล 100% ซึ่งต่างจากคลาวด์สาธารณะ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านการโจมตีช่องโหว่ นอกจากนี้ ระบบคลาวด์สาธารณะ ยังสามารถอ่านและบันทึกข้อมูลของผู้ใช้ หรือแม้แต่ตรวจสอบรูปภาพที่อัปโหลดเพื่อปรับปรุงอัลกอริทึม
การใช้งาน Synology Photos ยังเป็นการลงทุนครั้งเดียวจบ ต่างจากคลาวด์สาธารณะ ที่ต้องจ่ายทุกเดือนไม่มีที่สิ้นสุด คลาวด์สาธารณะส่วนใหญ่ยังมีพื้นที่จำกัดสูงสุดแค่ 2TB เท่านั้น ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์งานสำหรับมืออาชีพที่ต้องใช้ไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น ไฟล์ footage 4K, ไฟล์ RAW
สำหรับการใช้งาน Synology Photos เพียงจ่ายค่าฮาร์ดแวร์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีค่าสมัครและไม่มีโฆษณาอนุญาตให้ใช้พื้นที่เก็บข้อมูลแบบกำหนดเองที่จัดสรรตามความต้องการของผู้ใช้ ตั้งแต่ 1TB ไปจนถึง 16TB ต่อ HDD 1 ลูก ซึ่งราคาของ NAS เริ่มต้นเพียง 4,000 - 5,000 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความจุและขยายขนาดได้ตามปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
หากใครคิดว่าการเก็บไฟล์รูปภาพไว้บน Synology Photos จะมีการใช้งานที่ยากกว่าคลาวด์สาธารณะอย่าง Google Photos หรือ iCloud ต้องบอกว่าคิดผิด เพราะหน้าตา UI ของแอปพลิเคชั่นจัดการรูปภาพ Synology Photos นั้นใช้งานง่าย และมี UI ที่ทุกคนคุ้นเคยจากการใช้งานคลาวด์สาธารณะเจ้าตลาดมาอยู่แล้ว
จากมุมมองของผู้ใช้งาน Synology Photos มีวิธีการเรียกดูไฟล์ที่หลากหลาย เช่น เลือกดูตามลำดับเวลาหรือในโหมดไฟล์ก็ได้
นอกจากนี้ยังมีตัวกรองข้อมูล เลือกดูข้อมูลจากคีย์เวิร์ด เช่น ชนิดกล้องที่ถ่าย เลนส์ ตำแหน่ง ใบหน้า และอื่นๆ เพื่อรองรับความต้องการระดับมืออาชีพ
นอกจากนี้ Synology Photos ยังรองรับการดูผ่าน Apple TV และ Android TV อินเทอร์เฟซใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อน เพื่อให้การทำงานเป็นทีมนั้นง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในแง่ความปลอดภัย Synology Photos ช่วยลดความเสี่ยงของระบบคลาวด์สาธารณะล่ม ที่พักหลังเริ่มเกิดบ่อยขึ้น เพราะ Synology Photos มีแพ็กเกจการสำรองข้อมูลฟรีในตัว Hyper Backup ผู้ใช้เลือกทำการสำรองไฟล์และการตั้งค่าทั้งหมดไปยังปลายทางได้ตามที่กำหนด เช่น ไดร์ฟภายนอก, NAS อีกเครื่อง, บริการคลาวด์อื่นๆ และอีกมากมาย เพื่อการป้องกันอีกชั้น อัตราความเสียหายของ NAS ยังต่ำมากๆ อีกด้วย
สรุปเป็นข้อๆ ทำไมถึงควรเปลี่ยนมาใช้ Synology Photos
- ลงทุนครั้งเดียวจบ
- ไม่ได้เป็นเพียงที่จัดเก็บ แต่ยังจัดการข้อมูลได้หลากหลายตามความถนัดของผู้ใช้งาน
- มีความปลอดภัยสูงกว่าคลาวด์สาธารณะ ลดความเสี่ยงการถูกโจมตีช่องโหว่
- การใช้งานง่าย
Synology Photos เหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมาก ระดับเทราไบต์ สำหรับใครที่ไฟล์รูปภาพปริมาณมากจากการถ่ายภาพในชีว หรือเป็นมืออาชีพในด้านการถ่ายภาพ ธุรกิจขนาดเล็ก ทีมโปรดักชั่นและครีเอเตอร์ ที่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่าย ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และต้องการตัวช่วยที่ดีกว่าในการจัดเก็บและจัดการไฟล์รูปภาพ ถือว่า Synology Photos เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากทีเดียว
NAS คืออะไร: https://sy.to/j3hsf
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Synology Photos: https://sy.to/ooxss
แหล่งจำหน่าย: https://sy.to/e1qdp
Comments
ใช้ iCloud, Google Drive ก็มั่นใจได้พอสมควรว่าอีกสิบปีก็ยังใช้ได้ แต่ถ้าใช้แบบนี้อีกไม่กี่ปีพอหมด support หรือยกเลิกบริการแล้วจะทำอย่างไง
"แต่ถ้าใช้แบบนี้อีกไม่กี่ปีพอหมด support หรือยกเลิกบริการแล้วจะทำอย่างไง" มันอยู่เป็นไฟล์ใน HDD ครับ จะไม่ support รูปก็ยังอยู่ ถ้าลงทุนได้ก็เป็นทางเลือกสำรองอีกทีจาก Cloud อื่น อย่างทุก Cloud สมุมติถ้าโดนปิดบัญชีมาก็หายหมดอยู่ดี
ผมว่าเน็ตตามบ้านที่เอามาต่อตัวนี้ล่มบ่อยกว่า Cloud อื่นๆที่ใช้กันมากกว่านะ
Availability ของไฟฟ้า น่าจะน้อยกว่ากว่าพวก Cloud service ชั้นนำ
ถ้าอยู่หมู่บ้านลูกเมียน้อยไฟดับนาน UPS ร่วง
ซื้อ Hardware ไม่ครบ หรือดูแลไม่ดี หรือ Config ไม่ถูกก็บรรลัยได้
ถ้าเน้นเก็บรูปอย่างเดียว ผมว่าก็ ok นะ
ผมเป็นคนหนึ่งที่ย้ายมา ก่อนย้ายก็ตัดสินใจนานพอควรครับ
ส่วนตัวคิดว่า ถ้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องความเป็นส่วนตัว ไม่ได้เก็บรูปปริมาณเยอะมากระดับเกิน 1tb (ส่วนใหญ่ราคา cloud จะเริ่มดีดตอนเกิน 1tb) และมีการเรียกดูรูปบ่อยๆ เอาไปฝาก cloud คุ้มกว่าครับ เรื่องฟีเจอร์ต่างๆอย่างการค้นรูปหรือการอัพโหลดจากมือถือก็ทำได้ดีกว่าเยอะ (Synology Photo ตัวใหม่เอา object recognition ออกทำไมไม่รู้ ก็เลยค้นด้วย keyword ไม่ได้แล้ว)
ส่วนตัวผมเก็บวิดิโอด้วยและเกิน 1tb แถมตอนนี้ลง docker เปิดนู่นนี่เต็มไปหมด ก็ถือว่าคุ้มอยู่ครับ
ตอนนี้ใช้ Synology เก็บรูป 4TB บน RAID1 แล้วทำ cloud backup กลับมา syno ด้วยก็คุ้มค่าดี (พื้นที่มี 12TB)
โดยรวมคุ้มค่าพอสมควรกับการลงทุน 50,000 บาทกับระยะเวลา 3-5 ปี
เสียดาย syno มัน backup iCloud โดยตรงไม่ได้เนี่ยแหละ
คำตอบสำหรับคนเก็บรูปผิดกฎ (รูปเด็ก)🤣
Solution ในการเก็บ Media ของผมตอนนี้คือ
ว่าง ๆ ก็ก็เอาไฟล์ VDO มาร้อยรวมกันแล้วอัพขึ้น YouTube เก็บไว้อีกชุดแบบ Unlisted
ส่วนใหญ่ก็รูปลูกเนี่ยแหละ คนมันเห่อ
เหนื่อยอ่ะ - -* แต่ทำไงได้ ทุนมันน้อย 555
ถ้าจะแย้งในบทความคงมีแค่
ถ้าจะเก็บรักษาไฟล์ระยะยาวให้ปลอดภัยมันไม่ได้ลงทุนครั้งเดียวจบแน่นอน ประมาณ 2-3 ปีต้องเปลี่ยนฮาร์ดดิสถ้าใครโชคดีก็อาจจะลากยาวได้นานกว่านั้น ยิ่งถ้ามือใหม่ซื้อเครื่องมาตอนแรกก็มันจะจัดเต็มเลือกแบบขนาดความจุมาแบบเกินต้องการโดยลืมนึกว่าเดี๋ยวมันก็ต้องเปลี่ยน
การใช้งานง่าย มันไม่ง่ายเลยถ้าต้องการให้ไฟล์มันคงอยู่ตลอดไป ถ้าใช้แบบไม่ศึกษาอะไรเลยเปอร์เซ็นต์ที่ไฟล์จะหายอันเนื่องมาจากสาเหตุต่างๆ สูงมาก เครื่องพังย้ายเครื่องจะกู้ยังไง ฮาร์ดดิสเสีย เป็นต้น
สรุปจากที่ผมก็ใช้งานมานานพังไปก็หลายเครื่อง ซื้อเถอะถ้าต้องการใช้งานพื้นที่เยอะๆ ต้องการความเป็นส่วนตัว แล้วยิ่งได้เอาไปใช้งานด้านอื่นด้วย คุ้ม แต่ถ้าใช้พื้นที่นิดเดียว Google Drive, One Drive จ่ายเงินไป ชีวิตสบายกว่าเยอะ
อย่างน้อยก็ Battery UPS ทุกๆ 2 ปี
ดิสก์พัง ฟ้าผ่า ไฟตก รวมๆแล้วไม่คุ้มสำหรับผมนะ ลงเทปก็ว่าไปอย่าง
แนวๆ ลงเทป ผมว่ามันออกไปทาง Cold Storage มากกว่านะ ซึ้งเอาจริง ๆ ซื้อไดรฟ์มาเก็บข้อมูลแล้วถอดยัดเข้ากรุก็ไม่น่าจะต่างกัน แต่คลาวด์เราคาดหวังให้มัน Active ตลอดเวลา และตอนนี้ยังไม่มีเจ้าไหนที่ offer การทำ Cold Storage ระดับฮาร์ดแวร์เลย ซึ่งมันช่วยในเรื่อง reliability ได้มาก ๆ
NAS ไม่ใช่ next gen technology
แต่มันคือ legacy ต่างหาก
ข้อดีน่าจะหากใช้พื้นที่เยอะมันถูกกว่าเช่าคลาวน์
แต่เรื่องลงทุนครั้งเดียวจบคิดว่าไม่นะ HDD จากหมุนมันพังง่ายเจอไฟกระชากมอเตอร์เสี่ยงขิดล่ะ ยังไงก็ต้องมีระบบสำรองข้อมูลอย่างน้อยอีกตัวที่คอยก็อปสำเนาเรื่อยๆ แล้วต้องมี UPS ด้วย วันดีคืนดีขิดมาไม่มี backup ล่ะดูไม่จืด
สรุปถ้าข้อมูลไม่มากขี้เกียจยุ่งยากก็เช่าคลวาน์เอาเถอะง่ายสะดวกกว่า
ผมเลือกเก็บไว้บน Local + คลาวด์ 2-3 ที่
หนึ่งคือผมต้องการใช้ระบบ AI ในการหารูปภาพหรือไฟล์ที่ต้องการ
นี่เป็นหนึ่งในการเก็บแบบ Local ให้ไม่ได้
เพราะไม่มีพลังประมวลผลจำนวนมากขนาดนั้น