บริษัทวิจัยตลาด Counterpoint รายงานข้อมูลยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล (EV) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ภาพรวมยอดขายเติบโต 35% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2021 และพบว่าประเทศไทยมีจำนวนรถยนต์ขายได้มากที่สุดในภูมิภาค คิดเป็นส่วนแบ่ง 60% ตามด้วยอินโดนีเซีย และสิงคโปร์
ในการสำรวจตลาดนี้ Counterpoint นับรถสองประเภทเป็น EV คือ Battery EV มียอดขายคิดเป็น 61% ของทั้งหมด ที่เหลือเป็นแบบ Plug-in Hybrid EV แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดอันดับ 1 คือ Wuling ตามด้วย Volvo, BMW, ORA และ Mercedes-Benz ในอันดับ 2-5
Abhilash Gupta นักวิเคราะห์ของ Counterpoint กล่าวว่าแม้ยอดขายรถ EV ในภูมิภาคนี้ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น แต่ความต้องการก็เพิ่มขึ้นสูง ปัจจุบันรถ EV มีส่วนแบ่ง 2% ของรถยนต์ทั้งหมด แต่นโยบายและการสนับสนุนต่าง ๆ ทำให้มีการลงทุนเพิ่มการผลิตรถยนต์ประเภทดังกล่าวมากขึ้น คาดว่ายอดขายในปี 2030 จะอยู่ที่ 3.5 ล้านคัน
ที่มา: Counterpoint
Comments
ผมอ่านหัวข้อเป็น Couterpain
จับมือ
sexual harassment
สิงค์โปร์รถแพงแต่ได้ตั้ง 11.8% แฮะ
จำกัดด้วยว่าซื้อรถต้องมีที่จอดด้วยนะ ไม่เหมือนไทยที่ปล่อยจอดถนนสาธารณะ
แพงค่า CoE ซึ่งคิดตามประเภทรถ ไม่ได้คิดตามราคา แถมประเทศเป็นเกาะไม่มีปัญหาเรื่องระยะทาง เต็มถังวิ่งได้รอบเกาะทุกคัน ก็น่าจะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะนะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
แล้วปีหน้ามาตรการภาษีมาแรงอีก เจ้าใหญ่ๆ ก็ลงมาเล่นเรื่อง charging point กันมากขึ้น น่าจะยิ่งกระฉูดไปอีกมั้งเนี่ย
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
เรื่องรถไฟฟ้าเราก็น่าจะเป็นหัวหอกของภูมิภาคแหละ อินโดความต้องการใช้รถไม่เหมือนชาติอื่นคงต้องรออีกหน่อยกว่าผู้ผลิตจะปรับไปผลิตให้ มาเลนี่เลิกคิดเลย น้ำมันถูกขนาดนั้นใครจะไปอยากเปลี่ยน
น้ำมันบ้านเขาถูกขนาดไหนกันนะครับ
https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=wUX9-0GTXS0
ขอนุญาติแปะลิ้งนี้ พอดีเมื่อวันก่อนเลื่อนผ่านเจอพอดี
เบนซิน 95 2 ริงกิต = 16 บาทไทย
เบนซิน 97 3.9 ริงกิต = 30 บาท
ดูจากหัวจ่าย หเมือนจะมีแค่สองตัวนี้แหะ ไม่มี 91 E10 E20 E85 โซฮอลไรไม่มีทั้งนั้น ไร้สาระ 555
ขอบคุณครับ
95 97 ราคาโดดต่างกันเยอะใครจะเติมเนี่ย
สิงคโปร์ 69.20
ไทย 34.75
เวียดนาม 31.57
มาเลเซีย 16.24
บรูไน 13.69
https://www.eppo.go.th/graph/main.php?mini=1
ขอบคุณครับ ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐเองเลย
ไทยที่ยอดevที่ว่าเยอะจริงๆยังหลักหน่วย% ของยอดขายรถน้ำมันทั้งประเทศนะ(ถ้านับแค่ปีนี่ไม่เอายอดจองก็ไม่ถึง 1%) ก็คงเพิ่มเรื่อยๆยิ่งถ้าประกอบในประเทศ
แต่ที่น่ากลัวกว่าคือปัญหาเรื่องที่ชาร์จนอกบ้าน ตามกลุ่มev มีดราม่าประจำ ระบบชาร์จก็เปลี่ยนกฎเพิ่มกฎหลายรอบแล้วมั๊ง จากดราม่า มีปากเสียง หรือถ่ายรูปมาลงในกลุ่ม เรื่องแย่งที่จอด หรือจอดคา ถอดสายชาร์จช้ากินเวลาคนจองคิว ฯลฯ
ซึ่งอนาคตคงมีการเก็บค่าจอดรถเป็นนาทีถ้าชาร์จแล้วไม่ถอดเกินเวลา แบบที่เคยเดาๆกันแน่ และก็น่าจะมีปัญหาทะเลาะวิวาทเพิ่ม เพราะไม่มีคนกลางคุมแบบเด็กปั๊ม ให้แอพคุมกันเองก็ทะเลาะกันเองตามไปด้วย ที่ชาร์จจำกัดคิวยาว เอาแค่หยุดปีใหม่นี้คนออกตจว.ก็คงเจอปัญหากันเพียบแน่ๆ
ใครจะใช้แล้วชาร์จในบ้านอย่างเดียวเลย ก็คงสบายไป แต่พวกอยู่คอนโดหรือวิ่งรถเยอะๆต้องวางแผนดีๆ
เรื่องรถไฟฟ้าปัญหาคือรบ.หน้าจะวางแผนยังไง เพราะรบ.นี้ทิ้งบอมบ์ไว้ คือลดภาษีสรรพสามิตแม้กับevที่ไม่ได้ผลิตในประเทศ ทำให้อย่างเทสล่า ใช้ช่องว่างมาทำราคารถนำเข้าจากจีนภาษีนำเข้า 0% ตีตลาดรถในประเทศได้โดยไม่ต้องลงทุนโรงงานใหม่เลย ซึ่งรถน้ำมันระดับราคาใกล้เคียงกันแต่ประกอบในประเทศต้องเสียภาษีสรรพสามิตแพงกว่าหลายแสนบาท(ย้ำว่าหลายแสน) คงต้องมีมาตรการใหม่เพื่อจำกัดให้มาตั้งโรงงานในประเทศ ไม่ใช่เอาช่องโหว่แบบนี้
ขนาดว่ายังไม่เป็นที่แพร่หลายแต่เจอปัญหาได้ค่อนข้างจะปกติ รัฐบาลยังต้องทำการบ้านให้หนัก ถ้าหวังพึ่งศักยภาพของเอกชนบ้านเราที่ถ้าไม่นับ...แล้วเรียกได้ว่าง่อยรับประทาน ได้เจอวิกฤตพลังงานกันแน่นอน
ผมว่าเดี๋ยวต้องมีเอกชนทำตู้ชาร์จหยอดเหรียญมาขายตามบ้านที่ติดถนน เจ้าของบ้านเดินไฟรอไว้ เดี๋ยวมีเจ้าหน้าที่ไปติดตั้งให้เสร็จ
ปัญหาจอดคาจอดแช่ตามจุดเติมไฟฟ้าจะลดน้อยลง แล้วจะไปแช่ตามบ้านแทน ... ใช่มั้ย
เขาให้ตั้งโรงงานผลิตรถคืนทดแทนภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าครบกำหนดไม่ผลิตก็ต้องจ่ายเงินภาษีนะ การทำอย่างนี้ช่วยให้ไทยที่ผลิตชิ้นส่วนรถก้าวไปสู่อุตสาหกรรมรถไฟฟ้า
เทสล่าไม่ได้เอาส่วนลดเพิ่มที่มีข้อผูกพันต้องตั้งโรงงานครับ แต่นำเข้า 0%(FTA จีน) และจ่ายภาษีสรรพสามิต 8%
ในขณะที่รถสันดาปผลิตในประเทศเสียภาษีสรรพสามิต 25-30% ตามปริมาณการปลดปล่อยCO2
ถ้าเทียบให้เห็นภาพชัดๆรถราคาสองล้าน เทสล่าเสียภาษีสรรพสามิตให้ไทย 1.6แสนบาท ส่วนรถสันดาปประกอบในประเทศเสีย 5-6แสนบาท
หลายคนก็บอกก็ให้บ.ที่ประกอบในประเทศ นำเข้ามาแข่งด้วยเยอะๆสิ เพราะอย่างBMW นำเข้าevบางรุ่นจากจีนเช่นกันแต่จำนวนจำกัดมากๆ ก็คือการทำลายฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศนั่นแหละครับ...
ยังดีที่ค่ายevจีนยังต้องการแข่งขันเรื่องราคา เลยวางแผนสร้างโรงงานในประเทศด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจเลียนแบบเทสล่าหรือเปล่า แต่อาจจะทำราคาให้ดึงดูดใจแบบต่ำล้านไม่ได้
ผมว่าถ้าอยากให้ประกอบในประเทศ ก็ต้องกำหนดกำแพงภาษีที่มีประสิทธิภาพกว่านี้
จริง ๆ ไม่ควรเทียบกับรถสันดาปนะครับ
ควรเทียบกับรถไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศด้วยกัน
เพราะมันต้องเปลี่ยนจากสันดาปมาเป็นพลังงานสะอาดให้ได้
ถ้ายังยึกยัก ไม่เด็ดขาดพอ มันจะไปได้ช้า
แล้วคนอื่นจะเอาอนาคตทั้งหมดไป
อารมณ์ เราต้องยอมตัดขาสักข้าง เพื่อไม่ให้คนอื่นมาตัดหัวเรา
ตอนนี้เรายังได้เปรียบเรื่องตลาดที่ผู้คนพร้อมที่จะเปลี่ยนสูงกว่าคนอื่นมาก
แล้วก็โครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่าคนอื่นมาก
แต่อย่างอื่น เราเสียเปรียบหมดเลย ทั้งค่าแรง ปริมาณแรงงาน
และทรัพยากรณ์ธรรมชาติ
ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานกับตลาด คนอื่นพัฒนาได้เร็วมาก ๆ
โดยเฉพาะ เวียดนาม กับ อินโด
ผมเห็นด้วยกับรถev นะครับ ตกใจกับดีใจมากด้วยที่เทสล่าเปิดตัวราคาดีสุดๆ
แต่ผมเห็นว่ามาตรการส่งเสริมปัจจุบันมันมีช่องโหว่ของระบบภาษี ที่แม้จะแค่นำเข้าจากจีน ก็สามารถทำราคาได้ดี โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนประกอบโรงงานในประเทศ เพราะส่วนลดเพิ่มมันน้อย เมื่อเทียบกับราคารถ เช่นev ระดับสองล้านขึ้น คุณจะลดเพิ่มอีก1-1.5แสนตามมาตรการส่งเสริมการผลิต ก็แทบไม่แตกต่างกัน ผิดกับรถราคาล้านต้นๆ แถมขายได้ถูกกว่ารถสันดาปเดิมๆที่เป็นคู่แข่งโดยตรงเยอะเลย เพราะเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่า4-5แสนบาท
แต่ทว่าอุตสาหกรรมยานยนต์คือGDP อันดับหนึ่งของประเทศไทยในตอนนี้ครับ คุณจะทำลายฐานการผลิตโดยไม่มีแผนอะไรรองรับเลย ก็เหมือนรายได้ประเทศหายไป20-30% ทันที และคนตกงานอีกนับแสนหรืออาจถึงล้านคน ถ้านับsupply chain
ผมก็อยากได้ของถูกครับ แต่เห็นแผนโดยรวมแล้วมันมีผลกระทบที่น่ากลัวมากกว่านั้น ยังไม่นับว่าค่าไฟอยู่ขาขึ้น อนาคตคงแยกราคาไฟฟ้า ev ออกจากราคาตามบ้านแน่ๆ (เรื่องลักลอบชาร์จก็อีกประเด็น)ถึงcapacity ยังเหลือแต่ FT ขึ้นตามปริมาณการใช้ด้วยนะครับ
คุณคิดจริงๆหรือว่าการส่งเสริมev โดยเปิดช่องให้การนำเข้าแต่ไม่กดดันให้ผลิตในประเทศ มันจะส่งผลดีอะไรจริงๆ นอกจากคำว่ารักษ์โลกลอยๆ?
เราอยากก้าวไปข้างหน้า ก็ต้องไปให้ถูกทางครับ ไม่ใช่บอกอยากใช้ ev แม้จะทำลายอุตฯในประเทศจนราบคาบแล้วไปนำเข้าจากจีนโดยมองว่าคุ้มแล้วเพราะถูกดี?
ป.ล. ผมเห็นด้วยถ้าจะสนับสนุนให้ผลิตev ในประเทศนะครับ แต่อยากให้ตั้งกำแพงภาษีสำหรับรถevนำเข้าที่ไม่ได้มีแผนผลิตในประเทศเลย ไม่งั้นก็จะเกิดช่องโหว่เรื่อยๆ และแม้แต่ค่ายจีน ถ้าเห็นว่าทำได้ง่ายๆก็อาจจะเปลี่ยนใจไม่ผลิตในไทยแล้ว ส่งตรงมาดีกว่า ทำลายอุตฯในประเทศแบบสุดๆ
+1 ขึ้นภาษีรถน้ำมันไปอีกครับ 😅
ผมก็เห็นด้วยนะครับ ที่ต้องทำมาตรการมารองรับ
เพื่อให้เกิดการสร้างงานจริง ๆ ไม่ใช่แค่นำเข้ารถมาขาย
เรื่องค่าไฟ อันนี้ผมก็เห็นด้วยนะ
เป็นไปไม่ได้ที่พอถึงวันที่ทุกคนมาใช้รถไฟฟ้า
แล้วทุกอย่างจะเหมือนเดิม
จริง ๆ ปัญหามันไม่ได้มีแค่เรื่องฐานการผลิตเดิม
มันยังมีอีกเยอะมาก ตลาดรถมือสอง ราคาแบตเตอรรี่ที่ต้องใช้แร่หายาก ฯลฯ
ตอนนี้ทุกอย่างมันอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เป็นการเริ่มต้นที่ต้องไปแบบก้าวกระโดด
เพราะฉะนั้น ผมไม่เห็นด้วยที่จะให้มา ขึ้นภาษีกีดกันการเปลี่ยนผ่านในช่วงแรก
เพื่ออ้อยอิ่งรอของเดิมค่อย ๆ พัฒนาไปแบบช้า ๆ
มันต้องมีการฟันสักครั้ง สองครั้ง
เพื่อเร่งให้เกิดปฏิกิริยาการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว
แล้วการที่มียอดซื้อรถไฟฟ้าแบบก้าวกระโดดมันก็เป็นการกระตุ้นให้เขากล้าที่จะลงทุนเพิ่ม
แล้วผมก็ไม่เชื่อเรืองการทำครั้งเดียวแล้วครอบคลุมทุกอย่าง
ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง และ ดีขึ้นกับทุกฝ่าย
ประโยชน์รถไฟฟ้าคือ มลภาวะในเมืองที่ลดลงมากซึ่งจีนทำได้แล้ว คนไม่มีรถก็ได้ประโยชน์ เรื่องภาษีก็งั้นๆมั๊ง เพราะมันขึ้นกับประสิทธิภาพ :D
เป็นคอมเม้นท์ที่น่าสนใจมากครับ
เรื่องภาษีรถยนต์ไฟฟ้า FTA อาเซียนจีน น่าจะทำเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วนะครับ แต่เพิ่งมีผลใช้บังคับ 2561 เป็นข้อตกลงอาเซียนกับจีนเลย ไม่ใช่แค่ไทยจีน
แล้วเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ไม่มีใครคิดว่ารถไฟฟ้ามันจะบูมแบบนี้
จำได้ว่าตอนช่วงที่จะมีผลใช้บังคับนิสสันก็ออกมาโวยภาครัฐ กรมศุลกากรก็ออกข่าวบ่อยว่าต้องหามาตรการรับมือ แต่ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะถ้าไทยถอนตัวแต่อาเซียนที่เหลือยังอยู่เราก็จะเสียเปรียบมากขึ้น แต่ถ้ายังอยู่ก็มีผลให้รถไฟฟ้าตีนเข้าตีตลาดไทยง่ายขึ้น
A smooth sea never made a skillful sailor.
มีภาษีอื่นๆให้เล่นได้อีกครับ
เช่นภาษีสรรพสามิต แยกระหว่างรถผลิตในประเทศกับรถผลิตนอกประเทศก็ได้
ตอนนี้รวมพิกัด เพราะสนับสนุนevแบบรวมๆ ลดสรรพสามิตให้อีก
ก็ได้แต่หวังรบ.หน้าล่ะครับว่าจะมารื้อโครงสร้างตรงนี้ด้วย
สรรพสามิต 2 เรท ในประเทศกับต่างประเทศ อันนี้น่าสนใจนะครับ ผมก็คิดแบบนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าทำแล้วจะมีประเด็นอะไรมั้ย (เช่น กีดกันทางการค้า) หรือเค้าทำกันเป็นปกติก็ไม่รู้
แต่ผมว่ารัฐบาลใหม่มาช่วงแรกก็อยากให้สนับสนุนให้นำเข้าจนพ้นช่วงนี้ไปก่อนครับ จนกว่าโรงงานในประเทศจะพร้อมกันหลายเจ้า เพื่อให้กระตุ้นให้มีการใช้รถ ev เยอะขึ้น โครงสร้างพื้นฐานจะได้ตามมาเยอะ ๆ เร็ว ๆ ตัดปัญหาสถานีชาร์จกับรถอะไรจะมาก่อนกัน
A smooth sea never made a skillful sailor.