สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างเอกสารภายในของ Tesla ว่าโรงงาน Gigafactory ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีพนักงานราว 20,000 คน และมีกำลังการผลิตประมาณ 50% ของทั้งบริษัท จะหยุดพักไลน์การผลิตชั่วคราว 2 ช่วง ได้แก่ 24 ธันวาคม-1 มกราคม และ 20-31 มกราคม ซึ่งตรงกับช่วงตรุษจีนปี 2023 แต่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ไลน์การผลิตในจีนต้องหยุดพักช่วงตรุษจีน
ข่าวนี้ทำให้นักลงทุนคาดกันว่า Tesla จำเป็นต้องหยุดพักไลน์เพราะมีกำลังการผลิตล้นเกิน มีจำนวนรถยนต์เกินความต้องการ ซึ่งตรงกับข่าวก่อนหน้านี้ว่า Tesla เตรียมปลดพนักงานออกอีกจำนวนหนึ่งในไตรมาส 1/2023 เพราะยอดขายรถยนต์ลดลง
ภาพโรงงาน Gigafactory ที่เซี่ยงไฮ้ จาก Tesla
ข่าวลือเชิงลบเหล่านี้ (ไม่มีข่าวจริงมาคาน เพราะทุกบริษัทของ Elon Musk ไม่มีฝ่าย PR มานานแล้ว) บวกกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลงเพราะมองว่า Elon Musk ไปเสียสมาธิกับ Twitter ทำให้หุ้นของ Tesla ตกลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยล่าสุดลดลงราว 11.4% ในวันเดียว
Comments
ยอดจองจากประเทศไทยไม่ช่วยอะไรเลยสินะ
เฉพาะเซี่ยงไฮ้ผลิตได้เดือนละแสนคัน แต่ไทยมียอดจองรวมหมื่นคัน
ยังเหลือ ประเทศ เมืองให้ไปขายอีกเยอะ แต่ตอนนี้เศรษฐกิจโลกไม่ดี
ไม่คิดว่าเป็นเพราะโควิดบ้างเหรอ? ผมติดต่อ supplier สัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ใกล้ๆเซี่ยงไฮ้ บอกปิดตรุษจีนตั้งแต่ 1 มกราถึง 6 กุมภา เพราะติดโควิดกันหมด วันละล้านคนเลยนะตอนนี้
นั่นสิ โรงงานผลิตสินค้ายี่ห้อบริษัท ก็ยืดเวลาการส่งออก ทั้งเรื่องโควิดที่จะติดทั้งโรงงานแล้ว ทั้งปีใหม่ ไหนจะตรุษจีนอีก กระทบกับงานติดตั้งหน้างานมากเลย
ติดโควิดเยอะกำลังอาจจะซื้อน้อยลง การผลิตล้นเกินความจำเป็นนี่ ก็ถูกแล้วรึเปล่านะ
ก่อนที่กำลังซื้อจะลด เอาของจากซัพต่างๆ เอาพนักงานมาทำงานเต็มกำลังให้ได้ก่อนครับ
ของ Tesla คือ 3-19 มกราคม ไลน์เปิดปกติไงครับ ไม่ได้ปิดยาวเลยทั้งเดือนมกราคม
วันละล้านคนนี่ข้อมูลจากที่ไหนนะครับพอจะแชร์ให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ
ลงข่าวไปทั่ว นิคเคอิ อัลจาซีร่า CNN การ์เดี้ยน ลงกันหมด
ถ้าไม่มีทีม PR แล้วฝ่ายไหนเป็นคนทำแทนละเนี่ย
ปรกติถ้าผู้นำบริษัทเป็นดาวเด่นอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องมีทีม PR ก็ได้ครับ ตัวผู้นำนั่นแหล่ะคือ PR แล้วก็เป็นหน้าที่หนึ่งของผู้นำด้วย เพราะยังไงภาพผู้นำมันจะกลบภาพบริษัท แต่ถ้าผู้นำบริษัทไหนรักสงบ ก็ต้องมีทีม PR เพื่อปั้นภาพลักษณ์บริษัทขึ้นมาแทนที่ ส่วน Musk มีก็เหมือนไม่มีแหล่ะครับ แกฟังใครซะที่ไหน 555
Tesla เหมือนจะเป็นเบอร์หนึ่ง
เป็น Icon เป็นตัวผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า เป็นตัว Disrupt วงการรถยนต์สันดาปภายใน แต่ต้องดูว่าในวันที่แบรนด์อื่นๆ แบรนด์จีนราคาถูกเริ่มทำลงแข่ง จะยืนระยะได้แค่ไหน เพราะลูกค้ามีตัวเลือกเยอะแล้ว ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ถ้าอยากได้รถไฟฟ้าดีๆ ยังไงก็ต้องเทสล่า
ผมมองว่า Entry Barrier ไม่ได้สูงขนาดนั้น
ไม่เหมือน Semi-Conductor อย่าง ASML, TSMC ที่พอขึ้นนำได้ก็ไม่มีใครตามทันได้ง่ายๆ (Intel ยังเหนื่อย) หน้าใหม่แทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ถ้าเป็นช่วง 5-6 ปีก่อน
ได้เห็นเทสล่า ได้นั่งครั้งแรก มันว๊าวมากเลย แต่ตอนนี้พอมันกลายเป็น Mainstream หน้าตาเหมือนๆ กันหมด ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นแล้ว Wow Factor มันหายไป หน้าตามัน Minimal มาก (ใจมันไม่สั่นเหมือนเดิม 555) มีช่วงที่ผมอยู่ US และต้องใช้ Uber, Lyft ดำรงชีพ ได้นั่ง Model 3 บ่อยมากเลย 555