LG Electronics เปิดตัวทีวีของปี 2023 ที่งาน CES 2023 นำโดยทีวีระดับเรือธงจอ OLED ได้แก่ซีรีส์ Z3, G3, C3 มีของใหม่ที่สำคัญคือหน่วยประมวลผล α9 AI Processor Gen 6 เพิ่มฟีเจอร์ด้าน AI ช่วยอัพสเกลภาพ และจำลองระบบเสียง 9.1.2 surround ให้สมจริง
ทีวีรุ่นปี 2023 ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่าน HDMI 2.1a เวอร์ชันใหม่ มีอัตรา response time 0.1ms สำหรับเกมมิ่ง, รองรับฟีเจอร์ Quick Media Switching VRR (QMS-VRR) แก้ปัญหาจอดำระหว่างการสลับ source ของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต HDMI ด้วย
LG OLED G3 ยังได้ฟีเจอร์ Brightness Booster Max ช่วยเพิ่มความสว่างภาพได้สูงสุด 70%, ดีไซน์แบบใหม่ One Wall Design แขวนผนังแล้วไม่เห็นช่องว่าง
ฝั่งซอฟต์แวร์ webOS เวอร์ชันใหม่ ปรับ UI ของหน้าโฮมใหม่, เพิ่ม Quick Cards เข้าถึงเนื้อหาได้รวดเร็วขึ้น, AI Concierge แนะนำเนื้อหาจากประวัติการใช้งาน
ที่มา - LG
หน้าตาตอนแขวนผนัง
Comments
สำหรับใครที่กำลังมองหา ทีวีจอสวย ไว้เป็นแค่จอจริง ๆ แนะนำเลยแบรนด์นี้ ผมใช้ตัวเร่ิมต้น serie A
สิ่งที่ชอบ คือ
- จอสวยมากกกกก (จริง ๆ Oled คงสวยทุกแบรนด์แหละ)
- WebOS เปิดเครื่องเร็วมาก บางครั้งเปิดเสร็จก่อน Apple TV เสียอีก น่าจะประมาณ 3 วิ หรือน้อยกว่านั้น (หลังถอดปลั๊กหรือปิดสวิช ไม่ใช่สแตนด์บายโหมด)
- ลำโพงก็ให้มาค่อนข้างดี และอาจดีกว่าแบรนด์อื่นในราคาที่เท่ากัน มีครั้งนึงเปิดทีวีแล้วผิดพลากตรงไหนไม่รู้เหมือนกัน ซาวด์บาร์ไม่ได้ติด หากแค่ฟังเพลงกับดูยูทูปแยกแทบไม่ออก รู้ตัวอีกทีตอนเปิด Netflix ว่าทำไมเสียงมันไปอยู่หน้าทีวี
- อันนี้ถูกใจมากเปิดเครื่องมาเข้าหน้าแหล่งข้อมูล HDMI ให้เลยไม่ต้องรอกดเลือก Source แบบ Android TV (แอนดรอรยด์จะเข้าหน้า HDMI ให้เลยหากยอมต่อลำโพงด้วยสาย Optical)
สิ่งที่ไม่ชอบคือ
- WebOS จากข้อดีที่เปิดเครื่องเร็วตัวระบบไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่ มีช้าบ้างมีหมุนเป็นวงกลมบ้าง
- มันคือทีวี๊ทีวีไม่ยอมเปิดหน้าแรกเป็นหน้าโฮมหลัก หากไม่ต่อ Settop box หรือสายอากาศทีวี พี่แกขึ้นไม่มีสัญญาณ อย่างแอนดรอยด์ทีวีเปิดมาคืออยู่หน้าโฮมแอนดรอยด์ ผมไม่ดูทีวีปกติมาเป็นชาติละอันนี้ขัดใจ และหากกดเข้าหน้าโฮมไว้แล้วยังไม่ได้กดเข้าแอปนั้นแอปนี้ สักพักนึงพี่แกเข้าหน้าแหล่งข้อมูลให้ทันที สรุปคือ ต้องมี Settop box หรือสายสัญญาณทีวี
- magic remote ไม่ได้เป็นมิตรกับคนมือสั่น และวัสดุดูก๊องแก๊งราคาถูกโดยเฉพาะลูกกลิ้ง และเป็นวัสดุแบบมันไม่น่าพิศวงลื่นและมัน
- เสียงหลังกดเปิด หรือ ปิดทีวี น่ากลัวมาก แกร๊ก! สมัยทีวีจอตู้ยังไม่ดังน่ากลัวแบบนี้ ในคู่มือบอกเป็นอาการปกติ
- บางครั้ง Soundbar หลุด เสียงไม่มี สักพักขึ้น xyz soundbar พร้อมใช้งาน
บนสุดเนื้อข่าว + เม้นท์แรกพรีวิว เข้ามาอ่านทีเดียวคุ้มเลยได้สองอย่าง
เสริมอีกนิดใครจะซื้อ LG C2 แนะนำให้ไปดูเว็บ Noc.. เมื่อเดือนก่อนกด 48" ได้มา 27K
ระบบสั่งการด้วยเสียง เชื่อมกับ Google Assistant หรือ Alexa ได้ไหมครับ?
เสียใจ ตอนนั้นไม่น่าใจร้อนรีบจัด X95J มาเลย ถ้ารู้ว่าสามารถสั่งปิดไฟได้เหมือนกันจะได้ช้ำใจอีกข้อครับ. 🥹
ได้ทั้งคู่ แต่...
ต้องตั้งเครื่องเป็นภูมิภาคสิงคโปร์ ถึงจะใช้ Alexa ได้ google assistant จะใช้ไม่ได้(แก้ได้ด้วยการเปลี่ยนภาษาเป็น อังกฤษ - สิงคโปร์ ถึงจะใช้ได้ทั้งคู่)
และตัว assistant ของ LG เอง จะเป็นภาษาอังกฤษ เปลี่ยนไม่ได้ ใช้2ภาษา แบบ google assistant ไม่ได้ และถ้าถามสภาพอากาศ จะตอบเป็นสิงคโปร์(ยกเว้น google assistant น่าจะดึง ip)
ส่วนความฉลาด เท่าที่ใช้ google assistant มา จะสู้บนโทรศัพท์ แท็บเล็ต และ android tv ไม่ได้ มัน google assistant เหมือนกันก็จริง แต่มันยังเอ๋อๆ ไม่ค่อยฉลาด ถามอะไรก็จะค้น YouTube เหมือนของ LG เอง(Samsung ก็เป็นเหมือนกัน) สั่งให้เปิดไฟ มันไปหาวิธีเปิดใน YouTube ซะงั้น ปกติสั่งบนที่อื่น ไม่เคยเจอแบบนี้เลย มันจะต้องเปิดไฟ
เชื่อมกับ Google Assistant กับ Alexa ได้ครับ ต้องเชื่อมผ่าน LG ThinQ (ส่วนตัวเคยลองเชื่อม Google Home เข้ากับ LG NanoCell แล้วยังเชื่อมไม่ได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร)
ตอนนี้เลยใช้เชื่อมผ่าน HomeKit ไปก่อน (ซึ่งก็สะดวกไปอีกแบบ)
ป.ล. ผมใช้ทั้ง iPhone+iPad และ Android ครับ เลยไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไร
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ส่วนตัวผมนะครับ webOS ถือว่า decent ในแง่ของ UI (แม้ส่วนตัวผมชอบ Android TV/Google TV มากกว่าก็เหอะ) แต่มีบางส่วนที่ผมรู้สึกขัดใจหน่อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น
แต่ที่ชอบคือเรื่อง device switching ที่ทำได้เร็วมาก (ถ้าอุปกรณ์รองรับ HDMI-CEC ด้วย)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
จริงครับ พวกนี้ทั้งหมดคือปัญหา แต่ผมไม่ได้ใช้เลย เลยไม่สนใจเพราะใช้ AppleTV มันสะดวก มันเร็วกว่า ฟ้อนต์อ่านง่าย ตั้งค่าเล็กใหญ่ได้จากส่วนกลางแบบไม่แคร์แอบ
แต่ขอแก้นิดนึง ปุ่ม Disney+ กดแล้วเข้า App Disney+ แล้วนะครับ ลองอัปเดทล่าสุดดู ผมลองเล่น webOS อยู่ไม่ถึง ชม. ไม่ไหว ขอกลับไปซบ Apple TV เหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่ไม่มี iPhone ด้วย ว่าจะไปหามือสองถูก ๆ มาทำรีโมทอยู่
เพิ่มข้อเสียให้อีกข้อ ไม่สามารถเปิดแอปเพลงไว้แบ็คกราวด์ขณะข้ามไปหน้าโฮมหรือแอปอื่นนะครับ กดโฮมปุ๊บเพลงหยุดทันที
รอดู C3 ตัวจริงว่าจะสู้ QD-OLED ได้ไหม?ปี2023ข่าวแว่วว่า samsung ไทยจะเอา QD-OLED มาขายแล้ว แต่ไม่รู้ราคาจะแพงเว่อไหม(ราคาเมกาแพงมาก) ปกติไทยขายทีวีถูกกว่าเมกาอยู่แล้วทั้งสองค่าย ก็อาจจะพอคาดหวังได้ แต่LG ไทยมักเอารุ่นใหม่มาขายตอนเดือน5-6นู่น รอกันนานหน่อย
แต่ถ้านับเรื่องราคา LGคุ้มทุกรุ่น
ข้อเสียอย่างเดียวของOLED ที่ผมเจอคือต่อpcแล้วfontไม่คม เพราะการจัดเรียงpixelไม่เหมือนจอแบบเก่านี่แหละ แต่ถ้าดูหนังเล่นเกม อันนี้เหนือกว่าจอชนิดอื่นแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย(เหนือกว่า miniLEDแบบคนละชั้น) ยกเว้นแค่เรื่องสู้แสง ซึ่งถ้าไม่ได้ใช้ในห้องรับแขกแบบหน้าต่างรับแสงสามทิศทาง ก็คงไม่เป็นปัญหาเท่าไร
ราคาบ้านเราน่าจะถูกกว่าครึ่ง อย่าง Soundbar Samsung ผมได้มาจากเว็บซัมซุงเองเลย หมื่นสี่ ราคาในแอมะซอนคือ สามหมื่นหก
ปัญหาที่เจอแล้วยังหาที่แก้ไขด้วยตัวทีวีเองไม่ได้คือ web browser crash หรือ freeze จาก ram ไม่พอ ซึ่งตอนนี้ต้องใช้ mini pc ต่อเอาไว้เวลาต้องใช้ browser
ปล. รุ่น 55 NANO
ใช้ C1 48 นิ้วอยู่ตอบโจทย์สาย Console ดีครับ ลำโพงให้มาดีพอสมควรสำหรับเล่นเกมและเนื้อหาทั่วไป
แต่ไม่เหมาะกับห้องที่แสงจ้ามากๆ จะสู้ฝั่ง miniLED/LED ไม่ได้ (สำหรับรุ่น C1 แต่ C2 สว่างขึ้นกว่าเดิมครับ)
ฐานตั้งจอน่าจะออกแบบใหม่สวยขึ้นแล้วนะ
ข้อเสียของ OLED ถ้าผมจำไม่ผิดคือ gamut มันจะไม่สูง ความสว่างจอไม่มากพอที่จะดูตอนกลางวันแบบเปิดม่าน และมีปัญหาเรื่องจอ burn ถ้าเปิดหน้าจอเดิมซ้ำ ๆ
That is the way things are.
ผมไม่ชัวร์ว่า ตัวล่าสุดของ LG ยังใช้ W-OLED อยู่หรือเปล่า (แต่คิดว่ายังใช้อยู่) ถ้าเป็นตัว QD-OLED น่าจะแก้ปัญหา burn-in ได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่คิดว่าไม่น่าจะแก้ได้ทั้งหมด
ตอนนี้ซัมซุงเองก็เริ่มทำออกมาแล้ว แต่ของซัมซุงเองน่าจะยังไม่ได้ออกมา (ต้องรอดูตอน CES อีกที)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ข้อเสียที่พิมพ์กันมาด้านบนทั้งเรื่องเมนูและ Google Assistant ปัจจุบันถูกแก้ไขหมดแล้วนะครับ!
(แต่ถ้าเวอร์ชั่นที่มากับทีวีเก่าก็จะไม่สามารถอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นใหม่ได้นะครับ)
ใช้งานได้ทั้ง Assistant ของตัวระบบเองเป็นภาษาไทยและ Google Assistant ก็ใช้งานได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนประเทศหรือภาษาให้ยุ่งยาก และยังรองรับทั้งสองระบบคือทั้ง Google และ iOS รองรับ Apple AirPlay+Google Cast และตัว TV เองก็มองเห็นเป็นอุปกรณ์ HomeKit ตัวนึง สามารถตั้งค่าสั่งงานได้ปกติจากแอพ Home เลย
เมนูหรือหน้าตาต่างๆรวมถึงการแจ้งเตือนแก้ไขได้จากการเซ็ตติ้ง เช่นการแจ้งเตือนกีฬาก็เข้าไปเลือกประเภทกีฬาที่เราสนใจหรือทีมที่เราสนใจได้ด้วยอันไหนไม่สนใจก็ติ๊กออก *ตรงส่วนนี้ทำได้นานแล้วนะครับ หรือหน้าตาเมนูตอนเปิดเครื่องก็ตั้งค่าได้เช่นเดียวกันครับ
ส่วนการแคลชจากแรมไม่พอ อยู่ที่ชีรี่ย์ของตัวทีวีครับ ถ้าซีรีย์สูงๆไม่มีปัญหานั้นแน่นอนครับ
ส่วน UI โดยส่วนตัวผมชอบนะครับใช้งานง่ายคล้าย macOS **แต่มีบางเวอร์ชั่นที่เปลี่ยนหน้าตาคล้ายแอนดรอยด์ อย่างปี 2021 เวอร์ชั่นนี้คล้ายแอนดรอยด์มากซึ่งผมไม่ค่อยชอบ *แต่คิดว่าน่าจะเป็นที่ความคุ้นเคยของแต่ละคนมากกว่านะครับ
*เวลาซื้อก็เลือกดูปีให้ดีนะครับ ชอบหน้าตาแบบไหนก็เลือกให้ดีครับ เพราะเวอร์ชั่นและหน้าตาต่างกันและไม่สามารถอัพเดทข้ามเวอร์ชั่นใหญ่ได้ครับ
ไม่ได้มาเชียร์ทีวียี่ห้อนี้นะครับ แต่เห็นเขียนข้อเสียเก่าๆกันไว้ เลยอยากอัพเดทว่ามันถูกแก้หมดแล้วเท่านั้นครับ กลัวคนที่มาอ่านคอมเม้นต์จะเข้าใจผิดว่าปัญหาพวกนี้ยังมีอยู่ในทีวีรุ่นปัจจุบันครับ
ขอถามนอกเรื่องหน่อยนะครับ SONY XR-55X90K ณ เวลานี้น่าซื้อไหมครับ คืออยากได้ Google TV ก็เลยไม่ค่อยสนใจ LG กับ Samsung เท่าไหร่
ซื้อ lg กับ android tv พร้อมๆกันไว้ในสองห้อง คิดว่ายังไงยุคนี้ก็ต้อง android ครับ
ถ้าดูapp streaming ลิขสิทธิ์เป็นหลัก LG webOS ก็มีเกือบครบทุกเจ้าแล้วนะdisney+, viu ก็มี ที่ชอบคือบูทไวกว่าandroid TV มากๆ
ผมยังใช้pcต่อเพราะดูไฟล์ BDISO (แผ่นจริงripเองแล้วเก็บลงกล่องกลัวเป็นรอย) แล้วอีกอย่างใช้pc upscale ภาพเหมือนจะดีกว่าด้วย แถมพวกandroid box ปัจจุบันยังไม่มีตัวไหนที่ขายไทยไป 4k 120Hz/8k 60Hz ได้ซะอีก