พนักงานของ Twitter ที่สิงคโปร์ (ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) ได้รับคำสั่งให้เคลียร์โต๊ะทำงานที่ตึก CapitaGreen และย้ายไปนั่งทำงานที่บ้านโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ทำให้เกิดการคาดเดาว่า Twitter จะปิดสำนักงานสาขาสิงคโปร์ ตามแนวทางการไม่จ่ายค่าเช่าของ Elon Musk
เว็บไซต์ Business Insider ยังรายงานว่าสำนักงานสาขาในประเทศอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ อินเดีย จะถูกปิดในลักษณะเดียวกัน และให้พนักงานไปทำงานแบบรีโมทแทน
ที่มา - Bloomberg, Business Insider
I'm told Twitter employees were just walked out of its Singapore office — its Asia-Pacific headquarters — over nonpayment of rent. Landlords walked employees out of the building
— Casey Newton (@CaseyNewton) January 11, 2023
Comments
คนให้เช่ากุมขมับ อุตส่าห์ให้เช่าเพราะเห็นว่าเป็นบริษัทใหญ่โตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ดันมาค้างค่าเช่า
ปกติการเช่าพื้นที่ น่าจะมีสัญญา ยกเลิกดื้อๆไม่น่าได้ หรือว่าแกค่อยมาจ่ายค่าชดเชยทีเดียว ตอนนี้ไล่พนักงานให้เสร็จก่อนอะไรงี้รึเปล่า
..: เรื่อยไป
คิดว่าน่าจะไม่จ่ายเลย อยากได้ฟ้องศาลถึงชั้นศาลฎีกา
แม้ถึงศาลฎีกา ก็คาดว่าน่าจะยังไม่จ่าย
ไปถึงขั้นบังคับคดี ยึดทรัพย์ขายทอดตลาด
แต่ก็ไม่มีอะไรให้ยึดแล้ว
และกม. ประเทศใดๆก็มีผลเฉพาะประเทศนั้น
น่าจะมาแนวนี้ครับ
สุดท้ายผู้ให้เช่าก็กุมขมับ
แล้วตอนแรกบังคับเข้าออฟฟิศ....
ดูย้อนแย้งดี
ตอนแรกต้องการให้พนักงานกลับเข้า office แต่ตอนนี้ไม่มี office จะให้เข้าไปนั่ง สงสัยต้องไปนั่ง office supplier แทนหรือเปล่า 😅
เหมือนเฮียแกชอบลองหาว่าอันไหนไม่สำคัญ แบบพักร้อนแบบเลขาแกที่เป็นข่าว พอรู้ว่าไม่จำเป็นก็ค่อยๆ ตัดออกๆ
ดีครับ มนุษย์ควรใช้ศักยภาพที่มีให้สูงสุด ถ้าไม่ดี เปลี่ยนสายงานไปทำอย่างอื่นดีกว่า
แกเริ่มจาก เรียกทุกคนเข้าออฟิศ เป็นแอคชั่นไอเทมแรกเลย
สงสัยไม่รู้ว่าไม่ได้จ่ายค่าเช่ามานานแล้ว
อยากทำออฟฟิศแบบ Coinbase (Remote-first No physical headquarters)
ผมอ่านขีวประวัติมาตั้งแต่บริษัทแต่ละอย่างตั้งไข่
ข้อดีและข้อเสียของอีลอนคือมองทุกอย่างเป็นการทดลอง
แม้แต่ชีวิตมนุษย์แบบปัจเจกแกก็ไม่สนใจขนาดนั้น
ถ้าได้ผลก็ทำต่อไป
ถ้าไม่เวิร์คก็เปลี่ยนไม่สนสี่สนแปด
อย่างราคาเทสล่าขึ้นลงอิสระอย่างไม่มีค่ายรถเจ้าไหนเขาทำกัน
ที่ผ่านมาเพราะเริ่มจากเล็กๆเลยไม่มีใครแคร์นัก
แต่พอเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ทำอะไรก็เป็นข่าว
ส่วนตัวผมว่าไม่มีผลอะไรมากกับผู้ใช้งาน
แต่ได้พื้นที่สื่อตลอดเวลา เป็นผลดีกับเขามากกว่า
อย่าลืมว่าต่อให้ระหว่างทาง mess up แค่ไหน
ถ้ายังเป็นแพลตฟอร์มที่มีคนใช้งานแอคทีฟเพิ่มทุกวันๆ
ผลสุดท้ายก็หาทางทำกำไรจากมันได้เอง
ผมยกตัวอย่างเช่น Line ในไทยที่ผมสาปส่งทุกวัน
ต่อให้ไร้ประสิทธิภาพและมีเจ้าอื่นทำดีกว่าแค่ไหน
สุดทัาย Line ก็เป็นแพลตฟอร์มหลักในไทยอยู่ดี
ต่างกันหน่อย อันนี้ขาดทุน แถมพี่อีลอนต้องหาเงินคืนทุน กับ LINE ห่วยยังไงมคนใช้ทั้งประเทศ มีเงินเข้ามา ต่างกันอยู่
ผมคิดว่าพูดขัดเจนว่าผลสุดท้ายครับ
พิมพ์สั้นๆคงไม่พอ แต่ยาวไปก็เท่านั้น
ให้เวลานั้นมาถึงแล้วจะทราบเอง
ผมไม่ได้ถือหาวอีลอน แต่ผมถือหางทวิตเตอร์ ด้วยความที่ใช้แอพนี้มานาน ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นอะไรได้อีกมาก แต่ไม่ใช่ภายใต้การบริหารของทีมเดิม 4-5 ปีก่อนๆแน่ มันต้องมีคนบ้าสักคนที่หนังหนามาทุบมัน ถึงตอนนั้นคนบ้าคนนั้นเองเสียหายไปเยอะจนปล่อยมือ แต่ทวิตเตอร์จะเป็นอะไรที่มากกว่านี้สักวัน
เคสทั่วไป มี active user ยังไงโฆษณาก็เข้า
แต่เคสนี้แตกต่าง เพราะบริษัทจงใจถอนโฆษณาจากหลายๆสาเหตุ ที่ร้ายแรงคือ user ปลอม
ถึงจะแก้ปัญหาแล้ว ก็ใช่ว่าบริษัทจะกล้ากลับเข้ามาลงโฆษณาใหม่
กว่าจะทำกำไรได้ปานนั้นอีลอนก็โดนดอกท่วมละ ไม่รู้กี่ชาติจะคืนทุน
เผลอๆถ้ามีแพลตฟอร์มใหม่ที่มาแย่งพื้นที่ช่วงที่ยังไม่คืนทุนนี่ชิบหายหนัก