ซัมซุงเปิดตัวเซ็นเซอร์กล้อง ISOCELL HP2 ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล ขนาด 1/1.3 นิ้ว มีขนาดพิกเซลที่ 0.6 ไมโครเมตร (μm) (มีอีกรุ่นคือ HP3 ความละเอียดเท่ากัน แต่ขนาดพิกเซลและขนาดเซ็นเซอร์เล็กกว่าเล็กน้อย)
ในแง่ฟีเจอร์ HP2 แทบไม่ต่างจาก HP3 เช่น Tetra2pixel การนำพิกเซล 4 เม็ดมารวมแสงกัน หรือ Super QPD เม็ดพิกเซลทุกเม็ดช่วยทำออโต้โฟกัสได้
คาดว่า ISOCELL HP2 อาจทำมาสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงที่เป็นตัวรอง
ที่มา - Samsung
Comments
การที่เซ็นเซอร์ 200px แต่เวลาใช้งานก็เอา 4px มารวมเป็น 1หน่วย
vs
สู้ทำ 50px แล้วตัวรับแสง 1หน่วย ใหญ่เท่าตัวที่รวม 4px ก่อนหน้า
ตามทฤษฎีแล้ว อันไหนได้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีกว่ากันหรอครับ?
ผมว่า 200 ดีกว่าเพราะมีข้อมูลโยนไปให้ AI มันทำ computational photography เยอะกว่า
ปัญหาอาจไม่ใช่แบบไหนดีกว่ามั้งครับปัญหาน่าจะอยู่ตรงพื้นที่ในมือถือมันจำกัด การรวมพิกเซลมันประหยัดพื้นที่กว่าเพิ่มหน่วยรับแสง ก็เลยไปเพิ่มพิกเซลแทนจะได้ไม่ติดปัญหาเรื่องพื้นที่ทางกายภาพ
ข้อดีของการรวม 4 เป็น 1 พิกเซลคือจะได้ 1 พิกเซลที่มีสีครบในตัวเองครับ
เซนเซอร์กล้องปกติ 1 พิกเซลจะมีแค่ 1 สีเท่านั้น (โดยทั่วไปก็ RGB) แต่มันจะเอาสีอื่นจากพิกเซลรอบๆมาคำนวณเป็นสีของตัวเอง ซึ่งบางครั้งมันอาจจะคลาดเคลื่อน อาจจะทำให้สีเพี้ยนหรือไม่สามารถเก็บรายละเอียด texture ที่ละเอียดระดับพิกเซลต่อพิกเซลได้ละเอียดเพียงพอ (เช่น texture ก้อนเมฆ) ทำให้เมื่อเราซูมไปที่รายละเอียดมากๆภาพจะไปเป็นปื้นๆแทน
ผมเคยเห็นภาพถ่ายจากกล้องเซนเซอร์ Foveon อยู่ ถึงหลักการจะต่าง แต่จุดประสงค์ก็คือการให้ 1 พิกเซลมีสีครบทุกสีเหมือนกัน ซึ่งภาพที่ออกมาค่อนข้างคม และเก็บรายละเอียดได้ระดับพิกเซลต่อพิกเซลเลย แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่ากล้องมือถือจะทำได้ถึงระดับนี้ไหม
นอกจากนี้การรวมพิกเซลกันยังสามารถช่วยลด Noise ได้ด้วย ถ้าเป็น 1:1 เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอันไหนมันเป็น Noise แต่ถ้า 4:1 หรือมากกว่านั้นก็อาจจะยังพอคำนวณแยกแยะได้บ้าง ประมาณนี้ครับ
แต่อย่างไรก็ตาม การแยกจาก 1 บ่อเป็น 4 บ่อ ผมเชื่อว่ายังไงมันก็ต้องมี loss บ้างแหละ เพราะงั้นนอกเหนือจากที่กล่าวด้านบ่น คุณภาพด้านอื่นๆก็อาจจะด้อยกว่าแทน เพราะงั้นถ้าถามว่าอันไหนดีกว่าก็คงตอบยากอยู่ครับ
ใหญ่เกิน เอามาวางในมือถือ มันจะไม่ใหญ่เกินไปเหรอ
เล็กกว่าของ Sony ที่ใส่ Xiaomi 12S Ultra ครับ ซึ่งอาจจะพอเทียบเคียงได้ว่าใหญ่ไปหรือไม่ครับ บางท่านก็อาจจะบอกว่าใหญ่ไป
ชีวิตนี้มีแต่กล้อง กล้อง กล้อง จริง
ก็มันขายได้ คนทั่วไปเข้าถึง และเข้าใจได้ง่ายนี่ครับ ฟีเจอร์อื่นถึงมันจะดู Wow แต่มันก็แค่ช่วงแรกๆ ไม่ได้ใช้ประจำอะไร เอาไปโฆษณาที คนก็ตื่นเต้นเฉพาะช่วงแรกๆ พอไปกลางๆ ปลายๆ รุ่นยอดขายก็แผ่ว แต่กล้องมันโฆษณาได้ตลอด อีกอย่างนึงคือ สมองมนุษย์เราอ่อนไหวกับข้อมูลที่เป็นภาพ การได้เห็นภาพสวยๆ ทางโฆษณามันทำให้สมองเราค่อยๆ ปรับโหมดจากการใช้เหตุผลในการตัดสินใจซื้อ เป็นสมองอัตโนมัติ ซึ่งอารมณ์เป็นตัวตัดสินใจในการซื้อสินค้า หรือที่เราเรียกว่าหน้ามืด นั่นแหล่ะ ไม่มีเงินก็จะซื้อเพราะมันอยากได้
อนาคตแนวโน้มการค้นหาข้อมูลเขาก็พยายามผลักดันกันมาทางการค้นหาจากภาพ ก็คงต้องพัฒนาเซ็นเซอร์กันเรื่อยๆ พอพิกเซลมันไปสุดแล้ว เดี๋ยวก็พยายามย่อวงจรให้เล็กลงเพื่อให้ใช้กับอุปกรณ์ขนาดเล็กได้ หนีไม่พ้นกล้องหรอกครับ มันยังพัฒนาได้อีกเยอะ
มันใช้ง่าย คลิกเดียวก็ได้ผลงาน