จดหมายข่าว Power On ของ Mark Gurman แห่ง Bloomberg ตอนล่าสุด ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเฮดเซต Mixed Reality ของแอปเปิล ที่คาดว่าจะเปิดตัวในงาน WWDC เดือนมิถุนายน โดยบนข้อมูลที่เขามีตอนนี้ มาพร้อมคำถามว่า ลูกค้าทั่วไปจะยังสนใจซื้อเฮดเซตที่ราคาอาจสูงถึง 3,000 ดอลลาร์นี้หรือไม่?
ข้อมูลแรกว่าด้วยเรื่องแอปที่รองรับ เขาบอกว่าแอปเปิลยังหาแอปหมัดเด็ดที่จะนำเสนอเพื่อเรียกความสนใจไม่ได้ ฉะนั้นแนวทางคือจัดทุกอย่างใส่ลงไปทั้ง เกม ออกกำลังกาย ไปจนถึงแอปอ่านหนังสือใน VR โดยหวังว่าต้องมีสักอย่างที่ดึงดูดได้ อย่างไรก็ตาม Gurman บอกว่าการนำเสนอแบบไล่เรียงฟีเจอร์มากมายนี้ ตอนเปิดตัว Apple Watch ก็เป็นแบบเดียวกัน แอปเปิลจึงหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปจะเจอแนวทางที่ตลาดต้องการ (ตอนนั้นมีกระทั่งฟีเจอร์ส่งอัตราเต้นหัวใจให้อีกฝ่าย)
ตัวอย่างฟีเจอร์ที่คาดว่าจะเปิดตัวในเฮดเซตนี้ เช่น แอปนั่งสมาธิแบบกราฟิกสวยงาม, ใช้งานแอปพื้นฐานใน iPad ได้แบบ VR, ดูถ่ายทอดสดกีฬาแบบ VR, Virtual Meeting Room และอื่น ๆ
ข้อมูลถัดมาคือดีไซน์ของเฮดเซต เขาบอกว่าแอปเปิลตัดสินใจทำให้ตัวเฮดเซตสวมศีรษะนั้นเบามากที่สุด จึงต้องใช้แบตเตอรี่เสริมต่อไว้ในการใช้งาน เฮดเซตจะมีสองพอร์ต USB-C อันหนึ่งสำหรับเชื่อมต่อข้อมูล อีกอันสำหรับแบตเตอรี่เสริม ผู้สวมใส่ต้องเก็บแบตเตอรี่ในกระเป๋าเสื้อ โดยสายเชื่อมต่อมีตัวล็อกแม่เหล็กเพื่อกันหลุดด้วย แบตเตอรี่ 1 ก้อน ใช้งานได้ประมาณ 2 ชั่วโมง
ที่มา: Bloomberg
หมายเหตุ: ภาพประกอบไม่ใช่เฮดเซตที่แอปเปิลจะผลิต
Comments
ถ้า Apple ทำแล้วยังออกมาไม่ปัง ก็บ๊ายบาย VR
เจอกันอีกทีสัก 15ปี ข้างหน้า
ผมเห็นด้วยเลยครับ ถ้า Apple ยังทำไม่รอด ผมว่าไม่มีใครทำได้แล้ว
แต่ก็อยากเห็นก่อนนะครับ อาจจะรอดก็ได้ ตอน Apple Watch บอกว่าต้องชาร์จทุกวัน มีแต่คนด่า สุดท้ายก็ยังขายถล่ม
จะรอดเหรอเนี่ย ได้หุ่นร่วงแน่ๆ
ชอบอนวทางนะ ไม่หนักดี คอไม่หัก
สำหรับผม เริ่มมีกลิ่นไม่ปังเมื่อบอกต้องผูกหรือต่อสายกับอะไรสักอย่างเพื่อใช้งาน รอดูความเป็นแบรน Apple จะพา vr ไปได้ไหม
ถ้ามันเป็นแว่นผมว่ามันไม่น่ากระทบอะไรเยอะนะครับ ดูอย่าง nreal ก็ได้ ไม่ได้รู้สึกเกะกะขนาดนั้น
ไหนๆก็ต่อสายแล้วแบตแล้ว
ทำไมพี๊ไม่ให้มันใช้งานานว่า 2 ชั่วโมงละท๊านนน
3000$ แบต 2 ชั่วโมงขอบ๊าย เพราะตอนนี้ยังใช้เครื่อง
หกพันกว่าบาทเลย 🤣 ก็คนมันจนแต่อยากรู้เรื่อง😁
มันหนักครับ อาจจะสลับแบตได้โดยไม่ดับหรือต่อแบตพ่วงกันเยอะๆ ได้ก็ได้
มันจะไม่ใช่ Apple ครับ 🤣
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
apple เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ux มากที่สุดในโลกแล้ว
ถ้าแว่นออกมาแล้วยังต้องต่อแบตแยก มันไม่มีความเป็นแอปเปิลจริง ๆ นะ
ได้ข่าวว่าภายในก็ตีกันพอสำควรว่ามันยังไม่พร้อมออกมา
แบบนี้กลิ่นค่อนข้างไม่ดี
ที่จริงมีความเป็น apple มากๆเลยครับ
มันคือการหมกมุ่นกับบางอย่าง จนยอมให้อย่างอื่นเป็นยังไงก็ได้
นึงถึง apple pencil รุ่นแรกที่ต้องเสียบตูด ipad ตอน charge แล้วก็เป็นแท่งแหลมๆออกมาแบบ
หรือ mouse ที่ต้องหงายไว้เวลา charge
มากที่สุดในโลกหรือไม่ผมไม่ออกความเห็น
แต่ส่วนตัวผมมองว่า Apple ยุคหลังๆมานี่เรื่อง UX ทำอะไรแปลกๆเยอะครับ โดยเฉพาะฝั่ง Hardware นี่ตัวดีเลย ดีว่า Software ทำออกมาได้ดีหลายคนถึงได้ใช้กัน
เพราะงั้นเรื่องต่อสายออกมาจากแว่น ผมไม่ได้รู้สึกแปลกจากความเป็น Apple เท่าไหร่ครับ กลับกัน เรื่อง Hardware ทำอะไรแปลกจากชาวบ้านผมว่านี่แหละสมเป็น Apple ด้วยซ้ำ (แถมทำให้มันกลายเป็น Iconic ได้อีกด้วย)
ก็บอกแล้วว่าต้องแยกแบตฯออกมาเพื่อให้แว่นเบาที่สุด โลกความเป็นจริงไม่มีใครชอบใส่แว่นหนักๆ
ฟังดูล้ำมาก แยกแบตออกมา ทำไมยี่ห้อที่ทำมาก่อนคิดไม่ได้นะ สมกับเป็นแอปเปิ้ลจริงๆ
ส่วนใหญ่คือแว่นมันมีน้ำหนักพอควร เอาแบตไว้ด้านหลังเพื่อถ่วงน้ำหนักให้สมดุล ถ้าแว่นไม่เบามากๆการเอาแบตออกอาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ถ้ามันหนักหน้าเวลาหันหัว
คิดว่าคงไม่ให้ USB-C มาสอง port หรอกมั้ง
ขึ้นชื่อว่า ของเอเปิลขายดีอยุ่แล้ว มีคนรอซื้ออยู่ทั่วโลกแน่นอน ฉะนั้นไม่ต้องกลัวหรอก
ขนาด Mouse , หรือ Pencil ตัวแรก ยังออกแบบวิธิชาร์ทไฟ แปลกๆ เอาแบตแยกก็ดีแต่สายเอาเหน็บเอวน่าจะดีกว่า
VR เรื่องราคานี่ทำให้มันบูมอยากจริงๆ
ราคา 3000$ กับการใช้งานที่จำกัดมาก RIP ล่วงหน้า
ถ้าโปรเจกต์นี้ยังไปรอด
อีกหน่อยคงทำเสื้อออกมาขาย เช่นหากซื้อเสื้อ จะใช้งานได้หนึ่งวันเต็ม พร้อมกับใช้พลังงานจากเสื้อได้เลย
เน้นเบาดีแล้ว ใช้เควสสอง เจ็บหน้ามาก
แค่สำนักรีวิวของแอปเปิล ทุกสำนัก ซื้อไปรีวิวกันหมด ก็คุ้มทุนละครับบ 55 (แซวๆ)
positivity