หลังวีดีโอที่นำเสนอข้อมูลทางการแพทย์แบบผิด ๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วง COVID YouTube จึงประกาศปรับปรุงนโยบายด้านสุขภาพ แบนเนื้อหาเกี่ยวกับสภาวะสุขภาพ การรักษา และสารต่าง ๆ ที่ขัดแย้งกับข้อมูลจากหน่วยงานด้านสุขภาพในท้องถิ่นหรือองค์การอนามัยโลก (WHO)
ภายใต้นโยบายนี้ YouTube จะพิจารณาเนื้อหาจากแนวทางการรักษาของหน่วยงานด้านสุขภาพทั่วโลก และประเมินว่า ข้อมูลดังกล่าวมีความเสี่ยงด้านสาธารณสุขสูงหรือไม่, ขัดแย้งกับข้อมูลที่ถูกต้องเผยแพร่อยู่แล้วหรือไม่ รวมถึงแนวโน้มที่จะเป็นข้อมูลปลอมข้อมูลเท็จมากน้อยแค่ไหนโดย YouTube จะจำแนกเนื้อหาที่ให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้องออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่
นอกจากนี้ YouTube ยังเริ่มทยอยแบนเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็งแล้ว เช่น วิดีโอที่อ้างว่า กระเทียมสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ หรือ การกินวิตามินซีสามารถแทนการฉายรังสี
ที่มา : YouTube
Comments
เสรีภาพในการพูดระดับ
คนพูด พูดโกหกยังไงก็ได้
คนฟัง ต้องไปพิสูจน์เอาเอง
มันไม่เวิร์ก
ทำไมจะไม่เวิร์ก เมื่อถึงจุดนึงคนก็จะสามารถแยกแยะได้เอง และจะไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ ตรงกันข้าม หากสังคมไม่เคยเห็นไม่เคยสัมผัสไม่เคยชินการโกหกในลักษณะนี้ แล้วมีใครบางคนปลอมเป็นสื่อของรัฐแล้วปล่อยข่าวได้สำเร็จ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนถูกจับได้ ก็พอที่จะทำให้ประเทศนั้น*บหายหรือล่มสลายไปเลยก็ได้
ถึงจุดนึงนี่จุดไหนอ่ะครับ ใช้เวลาประมาณกี่ปี แล้วเราควรมีขอบเขตมั้ยครับว่าควรรอถึงเมื่อไร
ตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมสงสัยว่าคนเชื่อสูตรยาผีบอกที่เอาไปโปรยตามบ้านคนอื่นได้ยังไง คือมันโง่มากที่มาคอยส่งจดหมายให้คนอื่นอีกร้อยคน แถมบางคนเชื่อสูตรยาอีก เท่าที่ผมเข้าใจเรื่องแบบนี้มีก่อนผมเกิดหลายสิบปี
ตอนนี้อายุผมจะเข้าเลข 5 แล้วเรื่องแบบนี้ก็แค่เปลี่ยนมาอยู่บนเน็ต นอกจากจำนวนคนที่เชื่อเรื่องแบบนี้จะไม่ลดลง ผมว่ามันเพิ่มขึ้นตามจำนวนปรากรด้วย
เราควรต้องรอให้ประชาชนมีความตระหนักรู้ไปอีกกี่ปีถึงจะเริ่มควบคุมอ่ะครับ
ตรรกะเพี้ยนสุดๆ เสรีภาพในการพูดมันควรจะมีพื้นฐานจากความเป็นจริง ยิ่งเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกคนธรรมดาจะออกมาพูดกันได้
เหมือนคนปวดท้องแล้วบอกให้ไปกินยาแก้ปวด มันจะหายไหม
แล้วกว่าจะถึงจุดนั้นจะเกิดความเสียหายขึ้นแค่ไหนละ?
ลองดูอย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในไทยก็ได้ คุณคิดว่าตอนนี้ความเสียหายมันเกิดขึ้นเท่าไหร่แล้ว แล้วคิดว่าอีกนานแค่ไหนมันจะไปถึงจุดที่ทุกคนไม่ถูกหลอกอีกต่อไป แล้วคุณคิดว่าการปล่อยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไปโดยไม่ทำอะไรมันจะเวิร์คจริงๆเหรอ
นอกจากนี้ เรายังมีสิ่งที่เรียกว่า "การศึกษา" อยู่นะครับ บางอย่างไม่จำเป็นต้องลงไปเจ็บตัวเองก็สามารถเรียนรู้ได้
เสรีภาพในการพูด ก็ไม่ใช่ปล่อยเสรีให้เผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อตั้งใจให้คนอื่นเข้าใจผิดนะครับ
มันต่างกับประเทศที่รัฐบาลไม่เปิดเสรีการพูดเพราะความมั่นคงของตัวเอง คนพูดเรื่องจริงแต่กระทบระดับบนๆก็ทำไม่ได้
หูทองบางคนยังบอกว่าไฟล์ .wav เป็นไฟล์ loseless เลย สีงสัยไม่รู้จักไฟล์ wave
แสดงว่า ไม่เข้าใจว่าตอนนี้มันเกิด dilemma ขึ้นในแนวคิด
ระหว่าง เสรีภาพระดับพูดอะไรก็ได้ ไม่ควรมีใครปิดปากใคร ไม่ว่ารัฐหรือเอกชน
กับ การควบคุมการพูดเมื่อเห็นว่าอันตราย ไม่ว่ารัฐหรือเอกชน
ถ้าคุณเห็นด้วยกับข่าวนี้
จริงๆแล้วคือ คุณเห็นด้วยกับการควบคุมการพูดโดยเอกชน
ซึ่งลึกๆแล้ว มันไม่ต่างกับการควบคุมการพูดโดยรัฐ
และตามทฤษฏีอำนาจ ใครที่ได้อำนาจก็จะใช้มันเพื่อประโยชน์ของตน
จึงควรจะต้านการควบคุมทั้งรัฐและเอกชน
ไม่ใช่ต้านการควบคุมโดยรัฐ แต่เห็นด้วยกับเอกชน แบบนี้
ถ้าอยู่ตามเน็ต แบบไร้ตัวตน ก็มักอยากจะพูดอะไรก็ได้
แต่ถ้าบอกว่า คุณจะพูดอะไรก็ได้ แต่คุณต้องแสดงตัวตน ชื่อ ที่อยู่ หน้าตา
ก็มักจะไม่ยอมพูด ก็เพราะความกลัว
เล่น facebook ครับ ต้องใช้ชื่อนามสกุลจริงเล่น ส่วนจะหาที่อยู่บ้านผม โทรถาม true ก็ได้ครับ ผมไม่เคยปลอม ip แล้วเรื่องหน้าตาเกี่ยวอะไรด้วยหรือ หรือคุณสวยแบบ hyde วงลาร์ต
กินฉี่ ?
กินแล้วเห็นทักษิณเป็นพวกพ้อง
การนำเสนองานวิจัยใหม่ๆ AI มันจะถือว่าเป็นข้อมูลผิดๆไหม