Hertz ผู้ให้บริการรถเช่ารายใหญ่ของโลก ประกาศนำรถยนต์ไฟฟ้าที่ตัวเองเป็นเจ้าของ และหมดอายุขัยการใช้งานแล้ว จำนวนประมาณ 20,000 คันในสหรัฐ (คิดเป็นราว 1/3 ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่ Hertz มีทั่วโลก) ออกมาประมูลขายตลอดทั้งปี 2024
รถยนต์ไฟฟ้าของ Hertz มีด้วยกันหลากหลายรุ่น แต่ส่วนใหญ่คือ Tesla Model 3 ที่ Hertz ซื้อมาล็อตใหญ่ 100,000 คันในปี 2021 โดย Hertz เปิดให้ดูข้อมูลและซื้อผ่านเว็บไซต์ได้ ราคาต่ำสุดเท่าที่มีรายงานคือ 17,700 ดอลลาร์ (ขณะที่เขียนข่าว ราคาต่ำสุดบนหน้าเว็บคือ 22,600 ดอลลาร์) ซึ่งถือว่าถูกกว่าราคารถมือหนึ่งบนหน้าเว็บ Tesla (ปัจจุบันคือ 35,900 ดอลลาร์) อยู่มาก
เว็บไซต์ Electrek ให้ความเห็นว่า Model 3 ที่ Hertz นำมาขายในราคานี้ เป็นเพราะผ่านการใช้งานมาเยอะ เลขไมล์สูง (ในเวลาแค่ 2 ปี) และสภาพไม่ค่อยดีนักเพราะเป็นรถเช่า ผู้เช่ามักไม่ค่อยระวังเท่ากับรถส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ถ้ารับได้ก็เป็นทางหนึ่งในการซื้อ Model 3 ราคาถูก
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Hertz ระบุในเอกสารที่แจ้งต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ ว่ารายได้บางส่วนจากการขายรถยนต์ไฟฟ้า จะนำกลับมาซื้อรถยนต์น้ำมันคันใหม่ เนื่องจากผู้บริโภคยังต้องการเช่าใช้งานอยู่ และการขายรถเก่าครั้งนี้จะช่วยปรับสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองให้เหมาะสมขึ้นกว่าเดิมในแง่ธุรกิจ
ที่มา - Electrek (1), Electrek (2)
Comments
แสวดงว่า ต้นทุนเอา EV มาให้เช่า ยังสูงกว่ารถน้ำมัน?
หรือดูเหมือนเป็นช่วงแข่งกันลดราคาของ EV
ซื้อตอนนี้คือจะเสียค่าเสื่อมสูง?
คุณไม่เข้าใจธุรกิจ
ในเมื่อลูกค้าต้องการเช่ารถน้ำมัน คุณก็ต้องมีรถสันดาปให้เขาเช่า หลักการง่ายๆ ในเมื่อลูกค้าต้องการเช่ารถน้ำมันแล้วจะไปซื้อรถไฟฟ้ามาทำไม
โอเค อ่านข้างล่างแล้ว ถึงรู้สาเหตุที่ลูกค้าไม่เอา
การชาร์ตมันยุ่งยากนี่เอง
ทำไมเขาถึงไม่ไปซื้อรถไฟฟ้าคันใหม่นะ อาจเป็นยี่ห้ออื่นก้ได้ หรือว่าค่าบำรุงรักษามันแพงกว่านำ้มัน
จุดชาร์ทบ้านเขาน้อยหรือเปล่าหว่า คนเลยมั่นใจรถน้ำมันมากกว่า
ผมว่าความสะดวกของรถ EV มันคือกลับถึงบ้านก็เสียบชาร์จ ไม่ต้องแวะปั๊มไม่ต้องแวะที่ชาร์จ กรณีเช่ารถคนก็คงไม่อยากวุ่นวายกับการลงทะเบียนใช้จุดชาร์จและที่บ้านก็คงไม่มีหัวชาร์จด้วยละมั้งครับ เข้าใจว่าจุดชาร์จก็ไม่ใช่เข้าไปชาร์จแล้วจ่ายเงินได้เลยแบบน้ำมัน
ออลืมคิดตอนชาร์ทเลยครับ ถ้าคนมีรถไฟฟ้าอยู่คงมีแอพพร้อมรอใช้
ว่าแต่ทำไมเขาไม่ทำให้ชาร์ทรถไฟฟ้าเป็นแบบน้ำมันใช้ง่ายๆ ดี หรือทำให้น้ำมันเป็นแบบของไฟฟ้าผูกแอพก่อนเติมงี้ฮ่าๆ
คงตอบยากเพราะ ยังไม่ได้มาทำตลาดในไทย
นั่นสิ น่าจะทำให้มันใช้งานง่ายเหมือนเติมน้ำมันจากตู้ขายน้ำมันข้างทาง มีทั้งแบบแตะบัตรเครดิต/เดบิต และจ่ายด้วยธนบัตร นอกจากสแกน QR กับจองผ่านแอพฯ
ผมเคยลองใช้งานแล้วตอนเช่ารถไฟฟ้ามาทดลองขับ โคตรยุ่งยากเลย และพอมีปัญหาไฟชาร์จไม่เข้าแล้วถอดปลั๊ก ก็ต้องมาทำขั้นตอนจองใหม่อีก
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว