ย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว Spotify ประกาศในงานแถลงข่าว Spotify Stream On โดยบริษัทบอกว่าจะมีบริการ Spotify HiFi ที่ให้ฟังเพลงคุณภาพสูง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้บอกว่าแพ็คเกจจะเป็นอย่างไร และจะมีออกมาเมื่อใด
คนที่ใช้งาน Spotify ย่อมทราบดีว่าจนถึงตอนนี้ Spotify HiFi ก็ยังไม่มีออกมา
เรื่องราวของ Spotify HiFi นั้นก็ไม่ได้เงียบไปเสียทีเดียว เมื่อปีที่แล้วมีข่าวลือออกมาหลายครั้ง โดยจะใช้แพ็คเกจชื่อว่า Supremium แต่ถึงอย่างนั้น ระหว่างที่ปล่อยให้รอคอย คู่แข่งอื่นไม่ว่าจะเป็น Amazon Music หรือ Apple Music ก็มีระบบฟังเพลงคุณภาพสูงมาให้อยู่แล้ว โดยเฉพาะกรณีของ Apple Music นั้น ไม่ได้คิดค่าบริการเพิ่มเติมด้วย ความล่าช้านี้ก็อาจเป็นความเสี่ยงสำหรับ Spotify ได้เช่นกัน
ที่มา: The Verge
Comments
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เราจะพบกัน….
มัวแต่เอาเวลาไปทำ Podcast หลงทิศทางจนลืมทำ Lossless เหมือนเจ้าอื่นๆ ราคาเริ่มจะแพงขึ้น แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมเพลงสุ่มได้แย่กว่า YT Music ในยุคนี้อีก
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
+1 รู้สึกตอนนี้ฟังเพลงใน YT แล้วรู้สึกเพลงต่อไปมันถูกใจกว่า
+1 เลยหลัง ๆ สุ่มเพลงเริ่มแย่ละ
เพลงสุ่มแย่ลงจริงครับ ปนกันมั่วไปหมด คนละมู้ดเลย
คิดว่าไม่แย่เท่า Apple Music สุ่มอยู่เพลงซ้ำๆใน playlist เพลงมีเกือบร้อยแต่ดันสุ่มให้ฟังไม่กี่เพลง
ฝั่งนั้น ผมใช้วิธีเอาเพลงสุ่มจาก YT Music แล้วถูกจริต ไปฟังต่อใน Apple Music แทนครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
+1
best way
จริง เดี๋ยวนี้ทำplaylistใหม่ระบบแนะนำเพลงแย่ลงแบบรู้สึกได้ เอาplaylist radioออกด้วย ส่วนตัวที่แย่สุดคือขยายปกเพลงในPCแบบเมื่อก่อนไม่ได้ เวลาขยายขึ้นมาจะเป็นแถบขวาที่ขึ้นรูปปกพร้อมbio,credits,merchของศิลปิน รกสุดๆ
+1 เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีสุ่มเพลงใหม่ดีๆบ้างเลย
เห็นด้วย จริง ๆ ตอน spotify เข้าไทยผมก็รู้สึกว่ามันแนะนำเพลงห่วยกว่าตอนที่ใช้ของประเทศอื่น ทุกวันนี้คือห่วยแตกจริง
ตอนนี้สมัคร Apple Music คู่กับ Spotify แต่กำลังคิดว่าจะยกเลิก Spotify อยู่ เพราะระบบ Family ของ Spotify เริ่มเรื่องมาก
กำลังคิดว่าจะปิดบ้านที่เปิดมา 5 ปีกว่า
แต่เสียดายอุตส่าเป็นสมาชิกกันมา
สุดท้ายก็แค่ลมเท่านั้น
เราฟัง Spotify แต่ถ้าชอบเพลงไหนมากก็ซื้อเพลงนั้นกับ iTune เอ๊ะ!?
มองในแง่นึง คนใช้งาน lossless และ/หรือ hi-res มันก็ไม่น่าจะเยอะขนาดนั้น (เพราะหูฟังไร้สายปัจจุบันก็ไม่ได้รองรับซะเท่าไหร่) ก็เลยไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น
ผมคนนึงละที่ชอบใช้แบบไร้สายมากกว่าเพราะสะดวกดี ไม่ได้หูทองถึงขั้นต้องฟัง lossless ขนาดนั้น หลายคนยังฟังไฟล์ mp3 บีบอัดดีๆ (lossy) กับ lossless เปรียบเทียบกัน ยังแยกไม่ออกเลย นอกจากนี้ codec bluetooth ส่วนใหญ่ ก็ไม่รองรับ lossless ซะด้วย ต้องเสียบสายเท่านั้น เลยไม่เข้าใจคนที่บอกว่า lossless เสียงดีกว่า ทั้งๆที่ใช้ tws นี่เขาฟังกันยังไงนะ 555
คนที่ใช้ Android แล้วหูฟังมี LDAC หรือ Aptx / Snapdragon Sound ในมือถือที่รองรับ พวกนี้จะฟังกันออกครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ผมใช้ Bluetooth DAC ที่รอบรับเสียบสายเป็น USB DAC ด้วย เคยลองเอามาเทียบกันระหว่าง Bluetooth (LDAC) กับเสียบสาย (Bit Perfect) ผมพอจะรู้สึกได้ว่า USB DAC เสียงดีกว่านะครับ
แต่จะเป็นเพราะมัน Lossy หรือด้วยเหตุผลอื่นๆอันนี้ก็ขอละไว้ ไม่รู้เหมือนกัน 55+
ปล. หลายคนมักจะนึกว่ายิ่งอุปกรณ์ดี ก็จะยิ่งแยกออกได้ชัด แต่จริงๆแล้วมันตรงกันข้ามครับ สินค้าพวกนี้ออกแบบมาสำหรับคนชอบฟังเพลง ไม่ใช่สำหรับวิศวกร ซึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับคนชอบฟังเพลงคือ ฟังเพลงแล้วเพราะ ไม่ว่า Source จะคุณภาพแบบไหนก็ตาม เพราะงั้นอุปกรณ์พวกนี้มันมักจะมีเทคนิคหลายอย่างเพื่อช่วยให้แม้ Source จะไม่ดี แต่ก็ยังฟังเพลงได้เพราะอยู่ ดังนั้นยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาและยิ่งอุปกรณ์คุณภาพดี ก็ยิ่งออกแยกออกมากขึ้นไปเรื่อยๆครับ
ผมพอจะแยกออกนะระหว่างไฟล์losslessกับmp3 รู้ว่าต่างแต่ไม่ได้รู้สึกว่าอันไหนเสียงดีกว่ากันเป็นพิเศษทำให้แยกไม่ออกว่าไฟล์ไหนlosslessหรือmp3แต่แยกออกว่ามาจากคนละชนิดไฟล์ ผมว่าการฟังเพลงมันไม่มีตายตัวอยู่ที่ความชอบและความพึงพอใจล้วนๆ เวลาพวกaudiophileเค้าเปลี่ยนสายงูเหลือมเค้าถึงรู้สึกเพลงเพราะขึ้นเพราะการฟังเพลงมันคืออารมณ์ล้วนๆพอใจมันคิดว่าดีขึ้นเพลงก็ฟังแล้วเพราะขึ้น ลำโพงถ้าไม่กากเสียงอู้อี้เกินไป+เปิดดังแล้วเสียงไม่แตกก็คือดี ผมชอบฟังเพลงเปียโนบรรเลงเวลาจุดพีคๆเปิดดังแล้วเสียงชอบแตก ลองมาหลายลำโพงแล้วอาการเดียวกันหมด จะซื้อของแพงก็เกินงบไม่ไหว
ส่วนตัวผมใช้ DAP และฟังเพลงแบบโหลดไฟล์มาเก็บไว้ (อย่าถามนะว่าโหลดมาจากไหน แฮะๆ) ผมก็ยังแยก CD Quality กับ Hi-res ไม่ค่อยออกอยู่ดีครับ แต่ถ้าเป็น 320kbps หรือ Youtube เนี่ยพอรู้สึกได้อยู่
ส่วนตัวมองว่า ณ ปัจจุบัน Hi-Res อาจจะยังไม่จำเป็น แต่อย่างน้อยก็อยากให้เป็นระดับ CD Quality ครับ
ส่วนเรื่อง Lossless ผมมองว่าในยุคนี้มันเป็นแค่เรื่องของความรู้สึกมากกว่าคุณภาพครับ เพราะในยุคนี้ที่เรามี Generative AI ที่สร้างได้เกือบทุกอย่าง การที่ไม่ได้เป็น Lossless ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพแย่กว่าเสมอไป แค่มันไม่เหมือนต้นฉบับเท่านั้นเอง
ลองคิดดู ผมไม่เคยได้ยินใครรอบตัวบ่นเลยว่าอยากฟังเพลง lossless แต่ลองไปถามเรื่องนี้ 9 ใน 10 ถามว่า lossless คืออะไรเหรอ? แล้วก็ต้องมาอธิบายว่ามันคืออะไร ซึ่ง 10/10 พอรู้ราคาอุปกรณ์แล้วก็ตอบว่า ไม่ละ อย่าเลย
นี่เฉย ๆ 🤣
มันจะเหมือนกับที่เราปรับจูนเสียงเองมั๊ย
รู้สึกว่ามันไม่เหมือนกัน
แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดีกว่า แค่รู้สึกว่ามันต่าง
สุดท้ายเลยลงเอยที่ แบบไหนก็ได้
แต่ก่อนเป็นคนที่คลั่งหูฟังแพงๆ ไฟล์เพลงในเครื่องต้อง rip เป็น flac หลังๆ เลิกคลั่ง เน้นฟังออนไลน์ หูยังแยกเสียงระหว่างไร้สายกับมีสายได้อยู่ แต่เลือกที่จะใช้หูฟังแบบไร้สาย เพราะสะดวกกว่ามาก
นี่เคยเกือบกดหูฟังตัวแพงมากๆ เหมือนกันฮะ ไปฟังแล้วแบบเสียงมันดีจังเลย
ทุกวันนี้คือแบบเสียงไม่แหกเกินไปก็พอแล้ว แยกออกได้ก็จริงแต่ไม่ได้วิจิตรกับการฟังขนาดนั้น มีทำนองเบาๆ ให้รู้สึกก็พอ
แต่ถ้ามีเงินเหลือก็คงเอานะ 😂
จริงผมก็มองว่าการใช้งานที่สะดวกสำคัญกับการฟังเพลงมากกว่า ใช้อะไรลำบากๆแล้วฟังเพลงไม่สนุกทำเอาไม่อยากฟังเพลงเลย ขอแค่มีหูฟังดีๆสักตัวก็พอแล้ว ไม่ต้องต่อสายรุงรังdacอะไรเยอะแยะหรอก
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลงนะ ฟังทุกวัน แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่เล่นดนตรีอาชีพด้วย
ผมไม่ค่อยอะไรมากกับ Lossless นะ ขอแค่มีหูฟังที่ย่านเสียงค่อนข้างครบ หรือลำโพงดังทุ้มๆ นุ่มๆ สักตัวก็พอ
ส่วนเพลงก็ขอแค่เสียงมาเต็มไม่แตกก็โอเค ซึ่งเว็บสตรีมมิ่งเพลงทุกวันนี้ก็เสียงไม่แตกอยู่แล้ว (ยกเว้นเพลงใน Youtube บางเพลงที่ต้นไฟล์ทำมาไม่ดี)
อันนี้พูดในแง่ของการนั่งฟังเพลงแบบจริงจังนะ
ถ้าเปิดไว้เป็นเพื่อนเวลาทำงาน บางวันผมเปิดฟังวิทยุออนไลน์ด้วยซ้ำไป เพราะตอนนั้นเราไม่ได้สนใจแล้วว่ามันดังดีขนาดไหน แค่เอาไว้เป็นเพื่อนเฉยๆ ขอแค่เล่นเพลงต่อไปเรื่อยๆ ไม่เล่นซ้ำเมื่อเวลาเรากดออกจากหน้าเว็บก็พอ ซึ่งวิทยุออนไลน์มันก็ตอบโจทย์ตรงนี้
ผมเจอหลายเจ้าแล้ว ที่ตั้งสุ่มเอาไว้ แต่พอเวลาเราเลิกฟัง หรือเผลอกดออกจากหน้าเว็บ พอกดเข้าไปใหม่ ระบบมันก็จะดึงเอาเพลงที่เคยเปิดไปแล้วมาเปิดซ้ำ
ยิ่งถ้าเป็นพวกเพลงบรรเลง หรือเพลงคลาสสิค ผมไม่ฟังในเว็บสตรีมมิ่งเลย กดเข้าไปเปิดในวิทยุออนไลน์ BBC Radio 3 อย่างเดียว
ใครฟังไม่ออกถือเป็นผู้โชคดีครับ ที่ท่านไม่ต้องเสียเงินกับของเล่นกลุ่มนี้
ส่วนใครที่ฟังออกและมีกิเลส ก็ตอบสนองกิเลสตามกำลังทรัพย์กันไป อันนี้ความสุขใครก็ความสุขมัน
เท่าที่อยู่วงการหูฟังแบบจริงจังประมาณนึง ในระยะนึง
พบว่าก็เหมือนหลายๆ อย่างที่เป็น hobby ครับ
คือคนลอง พอรู้ว่ามันต่างก็จะอยากไปต่อ
แต่พอไปต่อจนถึงจุดนึง หมดงบ หมดความชอบ หรืออะไรก็แล้วแต่
สุดท้ายก็จะ back to basic ครับ เน้น"ความสะดวก" เป็นหลัก
ตัวอย่างเห็นท่านนึง เล่นตัวทอปสุด หูฟัง DAP สายอัพเกรด ไฟล์เพลง ฯ
สุดท้ายออกจากวงการ ก็กลับไปฟังเพลงผ่านมือถือด้วยหูบลูทูธ
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.