วันนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการว่าด้วยมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สาระสำคัญคือการยกเว้นภาษีเงินได้ จากการทำกำไรจากโทเคน (เงินปันผล) หากมีการชำระภาษี ณ ที่จ่าย (15%) ไปเรียบร้อยแล้ว โดยจะต้องไม่มีการขอรับภาษีคืนหรือไม่ขอภาษีเครดิตที่ถูกหักไว้ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 (ปีนี้) เป็นต้นไป
เบื้องต้นกระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการนี้ จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีละประมาณ 50 ล้านบาท แต่มองว่ามาตรการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกในการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัล เพิ่มเติมจากวิธีเดิมๆ อย่างตราสารหนี้หรือตราสารทุนมากขึ้น
ขณะที่ กลต. และ SET คาดการณ์ว่า ในปี 2567 จะมีการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนถึง 18,500 ล้านบาท
ที่มา - รัฐบาลไทย
ภาพจาก shutterstock
Comments
จริงๆแล้ว เงินที่เราลงทุนไป และได้กำไร หรือปันผลกลับมา ไม่ควรเสียภาษีเลยด้วย
ทำไมรายได้จากการลงทุนจึงมีศักดิ์เหนือกว่ารายได้จากการทำงานที่ต้องไปลงแรงออกไปทำงานและเสียภาษีล่ะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ส่วนตัวผมมองว่า เพราะการทำงานคือถ้าคุณถูกจ้างเข้าไปแล้วคือการันตีเงินเดือนแน่ๆต่อเดือน ว่าง่ายๆคือเรียกว่ารายได้มั่นคง เงื่อนไขคือต้องเป็นลูกจ้างเขานะ ถึงจะโดนให้ออกก็รับค่าแรงล่วงหน้าได้อีกต่างหาก
แต่เงินลงทุนส่วนมากไม่เคยมีการันตีผลตอบแทน ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ต้นหายบ้าง หมดตัวบ้าง ตอนนี้ขนาดกองทุนยังไม่รอดเลย และส่วนมากเลยไม่ได้กำไรกันหรอก นักลงทุนในตลาดทุน(ไม่นับเงินปันผลที่หักคำนวนภาษีไปได้เลยไม่มีใครค้านหรอกเพราะรายได้ปันผลมันมั่นคงคนเลยไม่รู้สึกกัน) กลุ่มการได้กำไรส่วนต่างมีไม่น่าถึง 20% ของทั้งตลาด ที่เหลือมีซอมบี้ไม่โตแต่ไม่ตายด้วยเช่นกันครับ
ส่วนตัวนะครับควรจะเก็บหมดไม่ต้องยกเว้น
แต่ควรจะมี Upper limit เหมือนบัญชีเงินฝาก
ในการคิดคำนวณเก็บภาษี capital gain
เช่น มูลค่าต้นทุนในกระดาน 1 ล้านบาทขึ้นไป แล้วก็มาพิจารณาปรับทุก 3-5 ปี
ถ้าคุณกำไรคุณก็เสียภาษีทั้ง capital gain และปันผล
ยกเว้นพวกกองทุน infra เงี้ยอาจจะยกเว้น
ต่ำกว่านั้นก็ปันผลอย่างเดียว
มันก็จะส่งเสริมการออมแบบที่รายใหญ่ชอบมาพูดด้วย
ส่วนคนทำ market maker ก็ป่อยให้ บล. กับ บลจ.
ทำหน้าที่หลักไป หรือรัฐจะตั้งหน่วยงานมาสักหน่วยโยนไป 1000 ล้าน
ทำหน้าที่นี้ไปก็ว่ากันไป
สำหรับคนงงทำไมต้องมีก็เพราะว่าในกระดานมันเป็นย zero-sum-game
มันต้องมีคน bid+offer เพื่อให้เงินในกระดานมันหมุน
ปล.เอาจริงๆนะเอาเวลาไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเถอะ
การลงทุนทางไฟแนนซ์ในไทยมันจบไปแล้ว
จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างจริงๆ
ปล2. อย่ามาพ่วงกองทุนรวมกองทุนรวมมันแทบ
มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกมาให้สำหรับออมอยู่แล้ว
ผมยังเคยไปเถียงคนซิ่งกองทุนรวม ตปท.
นักลงทุน A : "ให้ดูกราฟ NAV คาดเดาทิศทางเอาแล้วหาจุดซื้อที่ย่อตัวลงมา"
ผม : "แต่ตอนนี้ FAANG ร่วงเกลี้้ยงเลยนะ มีเทสล่าขึ้นตัวเดียวคุณจะอธิบายว่าไง?
(กองนั้น มันถือ FAANG+tesla)"
นักลงทุน A : ......
ผม : ราคาอัพเดททุก 2-4 วันคุณจะดูยังไง ถ้าดูให้เร็วต้องไปดู ETF Master Fund
แต่คุณก็ไม่รู้ ผจก.กองทุนจะเปลี่ยนนโยบบาย Hedge กองทุนเมื่อไหร่แล้วคุณไปสอนมือใหม่ดูกราฟ
์NAV มันถูกไหมละ
นักลงทุน A : ......เออดูกราฟไม่ได้ (แล้วก็่หายไป)
จริง ๆ เงินที่ได้จากการลงทุน ควรเก็บภาษีหนักกว่าด้วยซ้ำครับ
ณ ปัจจุบัน ผู้คนก็วิ่งหาการลงทุน เพื่อ เงิน ๆ ๆ ๆ
ส่วนคนที่พยายามทำงานหนัก เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
แทบไม่มีหลงเหลือในสังคมไทยแล้ว
เห็นด้วยครับ เพราะว่าการเอาเงินไปลงทุนในอะไรที่ความเสี่ยงสูง เงินต้นมีสิทธิหายมาก
รัฐไม่ได้มาช่วยดูแลตอนเงินต้นหาย ก็ไม่น่ามาเก็บภาษี ซื้อ BTC แล้วรัฐคุ้มครองเงินต้น
สัก 1M มั้ยอะ
ถ้างั้นก็ต้องยกเว้นหมดสิ ธุรกิจอื่นเขาก็ขาดทุนกันได้หมดนั่นแหละ เปิดร้านอาหารจะกำไรทุกวัน? ความเสี่ยงต่ำ? ลงทุนต่ำ?
ภาษีตัวนี้ถ้าปันผลเป็นโทเคน คิดว่าหัก ณ ที่จ่ายไม่แฟร์ซักเท่าไหร่ ในเมือยังไงตอนขายมันก็ต้องแจ้งที่มา และเสียภาษีอยู่ดี
สมมุติถ้าปันผลบนเว็ปเทรดถ้าหัก 15% เป็นเงินบาท ตามมูลค่าตาม coin market cap จ่ายภาษี 15% หน่วยบาท
ปีที่สองเหรียญโดนเท มูลค่า -90% สรุปคือจ่ายภาษีมากกว่ามูลค่า ณ เวลาขายเหรียญ ซึ่งปัญหาคือ ขอลดหย่อนข้ามปีไม่ได้ เป็นเคสที่จ่ายภาษีมากกว่ารายได้
เงินปันผลก็ส่วนเงินปันผลสิครับ จะมารวมกับต้นทุนทำไม ถ้าถือกินปันผล 100 ปีโดยไม่ขาย คุณจะไม่เสียภาษีเลยหรือ
ถ้าเสียภาษตามสกุลที่ออกไปเลย แบบแทนที่จะได้ 100 เหรียญหักแล้วเหลือ 85เหรียญ น่ะใช่ครับ
แต่ปัญหาคือถ้าไปหักข้ามสกุลเป็นเงินบาท ณ ช่วงเวลาที่ออก token จะเป็นอีกเรื่องนึง เพราะพวกนี้ pump & dump กันไว
ควรอธิบายว่า มันคือกำหนดให้เป็น Final Tax ได้ น่าจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ
เพราะแค่ทำให้สิทธิเท่ากับกลุ่มดอกเบี้ยและเงินปันผลหลักทรัพย์ชนิดอื่นๆ
ผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ • บุคคลธรรมดา
สิทธิประโยชน์ทางภาษี • ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินส่วนแบ่งของกำไร (เงินปันผล) หรือประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน และได้หักภาษี ณ ที่จ่าย (ในอัตราร้อยละ 15) ไว้แล้วไม่ต้องนำเงินได้ส่วนดังกล่าวไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ดังกล่าวไม่ขอรับเงินภาษีที่ถูกหักไว้นั้นคืนหรือไม่ขอเครดิตภาษีที่ถูกหักไว้นั้นไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน
ระยะเวลาบังคับใช้ • ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
เจอความเห็นนี้เข้าใจเลยครับ
คือ คิดเหมือนได้ดอกเบี้ย ไม่ว่าจะฝาก ธ หรือ พันธบัตร
ข้อดีของไอ้ระดมทุนด้วยโทเคนคืออะไร เห็นมีแต่ความวุ่นวายยุ่งยาก