บริษัทวิจัยตลาด HarrisX สำรวจความเห็นของประชากรสหรัฐอเมริกาวัยผู้ใหญ่ราว 1,000 คน ว่ามีพฤติกรรมการดูภาพยนตร์อย่างไร พบว่าราว 1/3 อยากดูในโรงภาพยนตร์ ส่วนที่เหลืออีก 2/3 รอดูผ่านสตรีมมิ่ง
กลุ่มที่ชอบดูในโรง ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะ "ประสบการณ์ดูหนังจอใหญ่" มากเป็นอันดับหนึ่ง 59% ตามด้วย "คุณภาพเสียงในโรง" และ "หนีจากสิ่งรบกวนในบ้าน"
กลุ่มที่รอดูสตรีมมิ่ง ให้เหตุผลเรื่อง "ค่าตั๋วหนังแพง" เป็นอันดับหนึ่ง 53% ตามด้วย "ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการไปดูหนัง" และ "ความสะดวกของการดูที่บ้าน"
ความแตกต่างของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสองกลุ่มยังมีเรื่องความถี่ โดยกลุ่มสตรีมมิ่งที่บอกว่าดูหนังเฉลี่ยสัปดาห์ละครั้ง มีจำนวนเกินครึ่ง ในขณะที่กลุ่มดูหนังในโรงสัปดาห์ละครั้ง มีสัดส่วนน้อยกว่ากัน 7 เท่า
Comments
อยู่ทีมรอตรีมมิ่ง OLED TV จอใหญ่ กับเครื่องเสียงดี ๆ ผมแค่ซาวด์บาร์ผมยังว่าดีกว่าโรงหนังเลย ลำโพงแสนล้านโรงหนังมันเสียงดังแต่มันไม่ค่อยเพราะ(เลือกตำแหน่งที่ดี ๆ ยาก) ลำโพงซาวด์บาร์ผมเสียงเพราะ แต่ไม่สมจริง ๆ ถัว ๆ กันไป
จอภาพแค่ LED TV ธรรมดา ตอนโตวิดไม่ได้เข้าโรงหนังมานาน พอโรงหนังเปิดไปดู่ James Bond ทำไมสีเป็นอย่างนั้นล่ะ คือ ติดสีแบบทีวีไปแล้ว
โรงหนังมีความเสี่ยงกับผีพากย์หนัง ผีแชท ผีโทรศัพท์
ดูอยู่บ้านเลือกของกินได้ตามอัทธยาศัย
ยังมีผีเด็กอีกนะครับ แบบร้องไห้หรือตะโกนลั่นโรงเลย (บางคนนี่ไม่ห้ามลูกเลย ปล่อยมันร้องทั้งเรื่อง)
ถ้าซาวด์บาร์ดีกว่าลำโพงโรงหนังจริง ป่านนี้โรงหนังคงเปลี่ยนไปใช้ซาวด์บาร์กันหมดแล้วครับ 55555
+1
+1024 หูพี่แกคงเลเวลตามซาวบาร
ผมว่าบางทีโรงหนังก็แค่มีลำโพงใหญ่ ๆ หลาย ๆ ตัว ตาม scale ห้องเฉย ๆ เคยเจอโรงมีเสียงจี่ด้วย
ผมไม่ใช่พวกหูเทพ แต่คิดว่าหลาย ๆ ครั้งชอบความ immersive ของ soundbar ที่บ้านมากกว่า 11.1.4 ถึงแม้ว่ามันจะมาแค่ 5.1 ก็เถอะแต่หลาย ๆ รอบเวลาดูหนังก็ตะสงสัยว่าเสียงจากหนังหรือเสียงข้างนอก คือมันสมจริงมาก หรือเสียงเบสแบบเบาะสั่น หลังคาสั่น sound bar ก็ทำได้ไม่ต่างกันกับการไปดูในโรง ใน scale ของห้องในบ้าน
ดู OLED ที่บ้านมันไม่ฟุ้งเหมือน projector ด้วย แต่ข้อเสีย LG OLED ก็มีคือจอมันสะท้อนแสงง่ายมาก
ส่วน QLED ก็สว่างดี จุดสว่าง สว่างได้มากกว่า OLED จุดมืดถ้า micro led อยู่แล้ว ถ้าไม่จ้อง ภาพไว ๆ ก็ลืมสังเกตเหมือนกัน ก็ถือว่ายังมีความฟุ้งน้อยกว่า projector ในโรง
ถ้าใช้ลำโพงตรงยี่ห้อกันกับ TV ปีหลัง ๆ จะได้ feature เสียงออกทีวีพร้อม soundbar ด้วย เต็มอิ่มเข้าไปอีก
ข้อเสียของ soundbar ลำโพงตำแหน่งข้างหลังคนดู ถ้าตั้งไม่ดีก็อาจจะไม่ได้ยินบางเสียง
ข้อเสียของ soundbar คือ ถ้าเจอ atmos มันปิด EQ ไม่ให้ปรับ แต่ปกติผมก็ไม่ได้ปรับอะไรอยู่แล้ว นอกจากเพิ่มลดเสียง
แต่ทุกวันนี้ก็ยังดู imax บ้างเพราะภาพ scale imax มันไม่ทำลง streaming หรือแผ่น 4k ใด ๆ (ที่หาได้ในไทย)
ส่วนโรงจอ LED ยังไม่เคยเข้า ไม่รู้ว่ามันเป็นไง ผมว่าสีอาจจะดีกว่า imax laser, projector ก็ได้
ขอแวะเรื่อง streaming 4k กับแผ่นแท้ 4k ส่วนตัวมองเฉย ๆ มองไม่ออก ยกเว้นตั้งใจดู ในพื้นที่มืด ๆ 4k ดูผ่าน xbox, ps5 ให้รายละเอียดสูงกว่า
หนังบางเรื่องอยากดู แต่ก็ไม่ได่อยากดูในโรง อยากซื้อแผ่นแท้ 4k เก็บเช่น poor things แต่มันก็ยังไม่ออกแผ่น หรือเข้า streaming ใด ๆ แล้วเห็นว่าเอามาฉายซ้ำด้วย
XBox, PS5 ดูสตรีมมิ่งรายละเอียดภาพดีกว่าจริงๆ หรอครับ?
ผมนึกว่าเป็นมุกขำขันของคนซื้อคอนโซลแต่ไม่มีเวลาเล่นเสียอีก.
ดู streaming ดูผ่าน TV หรือ Apple TV ครับ
ถ้าแผ่น 4k ถึงใช้ console เล่น
ที่ไม่ได้ดูผ่าน console เพราะติด remote ไม่ชอบ joy
ส่วน streaming ผ่าน console ดีกว่ามั้ย ผมจำไม่ได้ 😅
ที่บอกครับถ้า 4k แผ่น กับ streaming แยกแทบไม่ออกถ้าไม่จ้อง แต่ถ้าโดน youtube ลดต่ำกว่า 1080 นี่รับรู้ได้เกือบจะทันที
+11.1.4
ถ้าตามที่ติดตั้งจริงๆ ด้วยราคาคงเทียบกันยากครับ
แต่ถ้าตามที่ "ได้ยินจริงๆ" นี่ผมว่าโดยเฉลี่ยสู้ได้เลย ในไทยนี่เจอเสียงเบา, เสียงดัง, เสียงแตก, รวมไปถึงพวกสภาพแวดล้อม ประเภทเจ้าหน้าที่โรงหนังเปิดประตูโรงก่อนหนังจบก็หลายเรื่อง
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าโรงหนังธรรมดาๆ ผมว่าก็ไม่แน่นะครับ ไม่มี Standard มาตรวจสอบ มีแค่ Sound Check ทิศทางเสียง เจอเรื่องภาพจอห่วย เลอะๆ เอียงก็มี
ไม่เหมือนโรง IMAX เสียง ภาพเต็ม ดัง ดังไปหน่อยบางที 55
ดูโรง ฉากระเบิดเสียงมันสะใจกว่า ตอนทรานฟอเมอร์ฉาย ฉากดิเซ็ปติคอนตกลงกลางทะเลทราย เสียงเบสนี่ตูดสั่นเลย
แต่ถ้าทำโฮมเทียร์เตอร์เอง หากไปกั้นห้องจริงจัง แทบไม่สามารถหาฟิลลิ่งแบบนี้ได้
ชอบทั้งคู่แหะ
เวลาอยู่บ้านไม่ค่อยอยากดูหนังเท่าไหร่ อยากดู anime มากกว่า
ส่วนในโรง เข้าห้องน้ำแล้วมันขาดตอน
แต่ก่อนอยู่บ้านไม่มีจอดีๆ
ทีวีจออ้วน หรือ Monitor 14-17 นิ้ว
แต่ยุคนี้จอดีๆ เข้าถึงได้
จอ OLED ต่างๆ แว่น XReal, Meta Quest, Apple Vison Pro ไหนจะหูฟังระดับพระกาฬอีก ถ้าได้ไฟล์ดีๆ (เช่น ดูจากแผ่น Blu-Ray) ผมว่าประสบการณ์ดีไม่แพ้โรงหนัง (ยกเว้นดูพวก 3D 4DX) แต่ราคาก็อาจจะแพงกว่าดูโรงได้ (ค่าแผ่น) สตรีมมิ่งเดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นเยอะ ข้อดีคือ ไม่ต้องออกนอกบ้าน ไม่ต้องจองแย่งที่ และโอกาสเจอคนที่มารยาทไม่ดี
ถึงที่บ้านจะมีจอOLED TV ราคาหลักแสน และ ชุดเครื่องเสียง
แต่ปกติจะ โดดงาน ไปดูหนังที่ฉายรอบแรกของวัน
เลยไม่เจอปัญหา เพื่อนร่วมโรงหนัง
555
ปัญหาส่วนตัวเลย คือ ปวดเยี่ยว กับ นั่งนานๆแล้วปวดก้น ดูหนังที่บ้านมันตอบโจทย์กว่า
ปวดเยี่ยวก็หยุดหนังไว้ก่อนได้ ปวดก้นหรืออยากหยุดดูแล้ว ก็หยุดแล้วเอาไว้ดูต่อคราวหลังได้
ขนาดดูที่บ้านมีโซฟา ทั้งเอน ทั้งนอน สบายกว่าเก้าอี้โรงหนังเยอะ ยังนั่งดูนานๆไม่ได้เลย ฮา
นั่งดูในโรงฟินกว่าเยอะ
ไปดูหนังเจอพวกไร้มารยาท
ยังติดหนังโรงอยู่ ตอนนี้ก็ใช้วิธีดูวันพุธ (ที่ว่าง) แทน 555
บอกได้เลย บ้านไม่มีทางดีเท่าโรงหนัง Top Gun Maverick IMAX เสียงนี่เก้าอี้สะเทือนครับ
top gunสุดจริงครับดูไอแมกซ์ตั๋ว 350 คุ้มค่ามาก
ฉากเด็ดโชว์มุมกล้อง ภาพ เสียงเยอะ เอาแค่สัดส่วนจออย่างเดียว
ดูที่บ้านหมดไปกี่ล้านก็ให้อรรถรสแบบนี้ไม่ได้
จริง ดู Top Gun IMAX นี่คือสุดยอดมาก
Top Gun อย่าว่าแต่ IMAX เลยครับ ผมดูโรงท้องถิ่นบ้านๆ มือยังจิกเบาะเลย
เป็นเรื่องที่ถ้าไม่ดูจอใหญ่ๆ มันไม่ฟินจริงๆ อย่างกับนั่งไปกับป๋าทอม
เสพหนังดีๆ ที่ต้องใช้สมาธิ ในโรงฟินกว่าเยอะครับ
แต่โอกาสเข้าโรงก็ไม่ได้มากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
แถมมีช่องทาง streaming มาทดแทน
ก็ประมาณนี้แหละครับ
เรื่องราคาไม่ค่อยใช่ปัญหา ถ้าใจอยากจะ day 1 ถถถ
ส่วนตัว ถ้าได้ดูโรง IMAX ก็จะไปดู IMAX ครับ แต่ถ้าไม่ได้ดู ก็คงไม่ได้ดูยาว ๆ ยกเว้นอยากดูจริง ๆ (ซึ่งน้อยมาก)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
คือต่อให้ที่บ้านสร้างห้องดูหนังโดยเฉพาะ มีระบบฉายดี ระบบจอดี มีเครื่องเสียงดี ก็จะยังขาดองค์ประกอบบางอย่างไปอยู่ดีนั่นแหละ สำหรับผมคือการไปดูที่โรงหนังนั้นมันมีลักษณะของการเฝ้ารออะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ของที่เราต้องการ มันเพิ่มความลำบาก (ที่ไม่มากนัก) ให้กับเรา แล้วก็อย่างที่รู้กันคืออะไรที่ได้มายากกว่านั้นมีคุณค่ากว่าเสมอ ยังไม่นับว่าถ้าไปดูกันหลายคนก็มีลักษณะของการรวมตัวกันของคนรู้จักด้วย รวมถึงมันเป็นลักษณะของการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ซึ่งก็แน่นอนว่าการดูหนังอยู่บ้านนั้นมันให้เราไม่ได้แน่ ๆ
พูดมายาวเหมือนคนเกลียดสตรีมมิง แต่ก็ไม่ใช่หรอก ความสะดวกก็คือความสะดวก อันนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน
ปัญหาจริงๆคือมีเวลาให้กับสื่อบันเทิงแบบการไปดูหนังน้อยลง
การเดินทางไปโรงหนัง ทั้งค่าตั๋วแพง เรื่องดีๆมีจ่ายครึ่งพัน มีต้นทุนการเดินทาง เวลาเดินทาง รวมๆแล้วทำให้รู้สึกขี้เกียจไปดูหนังในโรง รวมๆจะไปดูหนังยาวสองชั่วโมงครึ่ง อาจต้องรวมเวลาเดินทางไปกลับ+เวลารอ+เวลาเดินในห้างรวมๆแล้วไม่ต่ำกว่า 4-5ชั่วโมง อาจจะยกเว้นคนบ้านอยู่ข้างโรงหนังหรืออยู่ตจว.เดินทางไม่กี่นาทีถึงแบบซื้อตั๋วหน้าโรงแล้ววิ่งเข้าเลย แต่ในกทม.มันไม่ใช่แบบนั้นไง
ในบ้านมันด้อยกว่าหมดแหละ จะทีวีOLED หรือ8k หรือเครื่องเสียงยังไงก็สู้โรงหนังไม่ได้หรอก แต่มันง่าย เข้าถึงง่าย อยากดูเมื่อว่าง ใช้เวลาเดินไปที่หน้าทีวีไม่กี่วินาทีเปิดได้แล้ว ราคาต้นทุนโดยรวมหารออกมาก็ถูกกว่าเยอะ และมีสื่อให้คุณเลือกมากกว่าที่โรงหนังมีให้เลือก หนังอาจจะไม่ใหม่เท่าก็รอได้
อีกอย่างคงเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ตอนเด็กๆวัยรุ่นว่างก็นัดเพื่อนไปดูหนังไปเที่ยวด้วย พอโตมามันไม่มีเวลาทำแบบนั้นแล้ว แค่ไปกับครอบครัวตัวเองก็เหนื่อยแล้ว นัดเพื่อนก็กินข้าวหรือกิจกรรมอื่นที่ได้พูดคุยมากกว่าแทน
ตามนี้เลยคร๊าบ +10
WE ARE THE 99%
ดูในโรงยังไงก็ฟินกว่า
แต่สุดท้ายส่วนใหญ่ดูเลือกสตรีมมิ่งมากกว่ายกเว้นเรื่องที่คิดว่าต้องดูในโรงจริงๆ หลักๆเพราะความสะดวกกับไม่อยากลุ้นว่าต้องเจอเพื่อนร่วมโรงแบบไหน
หลังๆ ชอบดูอยู่บ้านมากกว่าครับ เพราะไม่อยากเข้าไปเจอโฆษณายาว 20-30 นาทีก่อนฉาย เคยไปดูที่โรงหนังที่อเมริกา โฆษณาน้อยมาก แต่ดันเจอคนข้างหลังเอาเท้ามาพาดเบาะเรา คือแบบ อิหยังวะ
เหมือนเช่าบ้านถูกๆ ก็มักจะเจอพวกตลาดล่างสินะ
ถ้าราคาแพงหน่อย ก็จะกรองไปได้เยอะ
ตอนนี้พยายามดูแต่ IMAX ละ โรงแบบเดียวที่มี Standard คุมตรงจากเมืองนอก โรงธรรมดาเคยดูภาพเอียง จอเน่าๆ ก็มี
พอเป็นเรื่องดูหนังฟังเพลง ผมเกิดมาสบายที่ไม่ชอบคนเยอะ ไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบเสียงที่มันมีแรงสั่นสะเทือนสูงๆ หูไม่เทพ ตาไม่ทอง
ดูหนังฟังเพลงในจอคอมลำโพงก็ built in จอคอมได้สบายๆ
ของผมง่ายๆ เลยครับ ดูคนเดียว หรือดูกับครอบครัวก็ที่บ้าน
ถ้าไปดูกันหลายคน ไปดูกับเพื่อนก็โรงภาพยนตร์
แต่ถ้าจะเอารายละเอียดเสียงกันจริงจัง สำหรับคนตาบอดแบบผม ส่วนตัวผมว่าใส่หูฟังเปิดฟังที่บ้านเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า เพราะไม่มีเสียงรบกวน และแยกรายละเอียดซ้ายขวา และเสียงในมิติต่างๆ ได้ดีกว่า
เสียงในโรงหนัง หรือแม้แต่การต่อลำโพง มันดังกระหึ่มซะใจก็จริง แต่ก็มีมิติเสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่คนตาบอดเก็บไม่ได้ ยิ่งมีพวกเสียงมุมห้อง เสียงนั่นนี่มากวนด้วยยิ่งแล้วใหญ่
ถ้าเป็นคนตาดีหลายคนอาจจะไม่สนใจตรงนี้ เพราะเห็นภาพ แต่ตาบอดจะเข้าถึงรายละเอียดของหนังได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่เสียงล้วนๆ
โดยเฉพาะหนังแอคชันฟอร์มใหญ่ของฝั่งตะวันตกหลายๆ เรื่องนี่ ทำเสียงออกมามีมิติมากๆ ราวกับไปอยู่ในสนามรบด้วยตัวเองกันเลย
ถ้าดูพากย์ไทยนั้น มิติหายไปหมดเลย
จริงครับ
เห็นพยายามทำเสียงพากย์ให้มีมิติคล้ายต้นฉบับอยู่ก็คือพันธมิตรกับอีกไม่กี่ทีม
ส่วนที่เหลือถ้าจะเอาพากย์ไทยก็ต้องทำใจเรื่องเสียงคนพากย์
ฉากวิ่ง ต่อสู้ ขับรถ อื่น ๆ คนพากย์ไม่นั่งก็ยืนพากย์ ไม่ได้ออก action ตาม ไม่ได้ร้องไห้จริง ๆ ไม่ได้จัดมิติตามตำแหน่งของไมค์ตามต้นฉบับ
ก็ยากเหมือนกัน ถ้าจะเอาทั้งหมด
แต่ตลาดมันก็มี อย่างเช่นถ้าผมดูหนังอินเดีย จีน ผมฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว ก็เลือกฟังพากย์อังกฤษ ไทยมากกว่า