ดูเหมือนว่าการที่ Canva ประกาศซื้อกิจการ Affinity จะทำให้ผู้ใช้งาน Affinity เดิมกังวลกันเป็นจำนวนมากว่า จากนี้ Affinity น่าจะเปลี่ยนมาคิดเงินการใช้งานแบบรายเดือน Subscription เหมือน Canva จากที่ปัจจุบันเป็นแบบขายขาด แม้ทาง Affinity จะบอกเบื้องต้นว่ารูปแบบการขายซอฟต์แวร์แบบจ่ายครั้งเดียวจะมีอยู่ในตอนนี้ แต่น่าจะทำให้ผู้ใช้งานไม่ค่อยมั่นใจ
ล่าสุด Affinity และ Canva เลยออกมาประกาศคำสัญญา (Pledge) ต่อชุมชนผู้ใช้งาน Affinity ทั้งหมด 4 ข้อดังนี้
- ไลเซนส์แบบจ่ายครั้งเดียวขายขาด (Perpetual) จะมีอยู่ต่อไปในอนาคต หากอนาคตมีการทำ Subscription ก็จะเป็นตัวเลือกเสริมไปกับซอฟต์แวร์ขายขาด ให้กับคนที่ต้องการใช้งาน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางที่ต้องการให้คนใช้ Canva หรือ Affinity มาใช้ซอฟต์แวร์อีกฝั่งด้วย
- Affinity จะยังมีอยู่ต่อไป และ Canva จะลงทุนมากขึ้นเพื่อสร้างฟีเจอร์ใหม่ ให้เป็นซอฟต์แวร์สแตนด์อโลนที่มีคุณภาพสูงสำหรับมืออาชีพ
- Affinity จะใช้งานได้ฟรี สำหรับกลุ่มสถาบันการศึกษาและหน่วยงานไม่แสวงหากำไร ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ Canva ทำตอนนี้
- ทั้ง Affinity และ Canva จะยังคงแนวทางเปิดรับความเห็นจากชุมชนผู้ใช้งาน เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการ
ที่มา: Affinity
Comments
ให้เต็มที่ 1-2 ปีครับ ยังไง Canva ก็กระหายอยู่ดี
จริง คนที่ไม่เคยถูก canva หักหลังมาก่อน อาจจะยังไม่เข้าใจ
WE ARE THE 99%
ขอสอบถามหน่อยครับว่า Canva เคยหักหลังอะไรที่หนักหน่วงบ้างครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
คนที่แล้วก็พูดแบบนี้
งานนี้ยอดคนใช้ Adobe Creative Cloud สำหรับสายมืออาชีพ คงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแหง ซึ่งคนที่เกลียด Adobe เพราะมาแนวทางนี้ อาจจะเกลียด Canva/Affinity ไปอีกรายแหง
ภาษาไทยใน Affinity ไม่รู้ว่าเวอร์ชั่นล่าสุดแก้ให้ดีขึ้นรึยัง ก่อนหน้านี้ตอนเวอร์ชั่น 1.5 วรรณยุกต์ลอยเยอะ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
บางฟอนต์ต้องเปิด Typographic Script เป็น Thai ด้วยครับ ไม่งั้น OpenType มันไม่ทำงาน
edit: อธิบายเพิ่ม คือ OpenType มันไม่ได้มี algorithm เดียวที่ใช้ได้กับทุกภาษา (อันนี้จะต่างกับฝั่ง Graphite) แต่ว่าจะต้องไปบอกมันนิดนึงว่าเป็นภาษาอะไร script อะไร
แอพบางตัวจะใช้วิธีเดา script จาก codepoint ไปเลยซึ่งก็มีโอกาสไม่ถูกอยู่บ้าง เช่นแบบ พวกจีน simplified กับจีน traditional นี่ codepoint เดียวกันแต่จริง ๆ เป็นคนละ script แต่อันนี้มันใช้ algorithm เดียวกันเลยไม่มีปัญหา
บางโปรแกรมที่ทำ font substitution แยกตามภาษา (เช่น Office) ก็จะปวดหัวหนักหน่อย เพราะต้องเดาจาก IME เลยล่ะมั้ง ผมเดาว่านะ
ส่วนโปรแกรมที่แบบคนทำไม่ได้เชี่ยวชาญด้าน Unicode มากก็มักจะใช้วิธีปลอดภัยที่สุด คือ เลือก default เป็นออโต้แหละแต่คนใช้เลือกได้
ทั้งนี้ผมว่า Affinity น่าจะใช้วิธี textblock เดียว 1 script ไปเลย ซึ่งก็ไม่น่าจะได้ผลลัพท์ที่ถูกต้องเป๊ะหรอก แต่มันก็ใช้ได้แหละ
ทำ affinity ลง tablet android ทีเถอะ (แบบขายขาดนะ)