Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

หลังเลยเส้นตายช่วงยื่นขอไลเซนส์ Virtual Bank จากแบงค์ชาติไปเมื่อเดือนที่แล้ว รายชื่อกลุ่มทุนที่ยื่นขอไลเซนส์ส่วนใหญ่เราอาจคุ้นชื่อกันอยู่แล้ว แต่อาจจะยกเว้นกลุ่ม Lightnet Group ที่จับมือกับ WeLab ที่คนไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักมากนัก

No Description

Lightnet Group เป็นสตาร์ทอัพฟินเทคสัญชาติไทย แต่ไปโตในหลายประเทศ โดยให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ, Payment Service Provider, Virtual Account, บริการชำระเงิน

คุณหิรัญกฤษฎิ์ อรุณานนท์ชัย ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Lightnet Group ระบุว่าบริษัทมีใบอนุญาตกว่า 20 ใบรวมกันทั่วโลกและในไทย มั่นใจว่าสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าคนไทยกว่า 46 ล้านรายจากพาร์ทเนอร์ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การเกษตร, ขนส่งมวลชน, กระจายสินค้า ฯลฯ และทัชพ้อยต์กว่า 150,000 จุดทั่วประเทศ

ขณะที่ WeLab เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มทางการเงินจากฮ่องกง มี 3 ธุรกิจหลักคือ ธนาคารดิจิทัล, โซลูชันการเงินแบบ B2B และแพลตฟอร์มปล่อยสินเชื่อดิจิทัล ให้บริการแล้วในฮ่องกง จีนและอินโดนีเซีย

ภายในความร่วมมือนี้ทางกลุ่มพันธมิตรระบุว่า พร้อมตั้ง Virtual Bank ให้เสร็จภายใน 12 เดือนหลังได้รับใบอนุญาต โดยจะอาศัยเทคโนโลยี ตั้งแต่ Core Bank, แอปคอนซูมเมอร์ ไปจนถึงอัลกอริทึมป้องกัน fraud มาจาก WeLab เป็นหลัก

No Descriptionซ้าย ไซมอน หลุง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ WeLab | ขวา หิรัญกฤษฎิ์ อรุณานนท์ชัย ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Lightnet

WeLab บอกว่า Core Bank น่าจะใช้เวลาจริงๆ ไม่ถึง 6 เดือน เพราะมีประสบการณ์จากการไปเริ่มให้บริการที่อินโดนีเซียมาแล้ว แค่จะใช้เวลาไปกับการ localization เสียเยอะ เช่นเรื่องการเชื่อมโยงข้อมูล, ระบบหรือภาษาเป็นหลัก เช่นเดียวกับแก๊งดูดเงินหรือการโกงต่างๆ ที่ WeLab ค่อนข้างมั่นใจในแนวทางป้องกันและอัลกอริทึมของตัวเองที่มีอยู่ปัจจุบัน

ในเชิงกลยุทธการให้บริการ ทางกลุ่มค่อนข้างมั่นใจกับประสบการณ์และความสำเร็จจากการให้บริการที่ผ่านมาในต่างประเทศ รวมถึงการมีเทคโนโลยีและโซลูชันด้านการเงินที่เพียบพร้อมอยู่แล้ว ในการให้บริการ Virtual Bank ในไทย

No Description

Get latest news from Blognone