ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา วงการเกมมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นจากกระแสที่กลับมาของ Handheld Console หรือเครื่องเล่นเกมพกพา ที่ได้ประโยชน์จากพัฒนาการด้านฮาร์ดแวร์ ที่แรงมากขึ้นระดับหนึ่ง จนสามารถนำสโตร์เกมอันดับ 1 อย่าง Steam มาอยู่ในขนาดที่พกพาได้

ROG เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ดูจริงจังกับตลาดนี้ค่อนข้างมาก หลังจากออก ROG Ally มาแล้ว 2 รุ่น Blognone เลยนำรุ่นล่าสุดอย่าง ROG Ally X มารีวิวเทียบกับรุ่นแรก (ROG Ally) ที่ถูกวางตัวให้เป็นรุ่นล่างกลายๆ ว่าสุดท้ายแล้ว คุ้มค่าที่จะจ่ายเงินเพิ่มมากแค่ไหน เมื่อเทียบกับรุ่นเก่า ที่ถูกกว่าเกือบๆ 1 หมื่นบาท

ภายนอกนั้น ROG Ally X ปรับปรุงจากข้อด้อยของ Ally เป็นหลัก (ไม่นับเรื่องเปลี่ยนสีเครื่องเป็นสีดำ) ตั้งแต่ขยายด้ามจับหลังเครื่องให้จับถนัดขึ้น, การย้ายช่องเสียบ Micro SD Card ให้ห่างจากรูระบายความร้อน, เปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อจากพอร์ต ROG XG Mobile (สำหรับต่อ GPU แยก) กับ USB-C เป็น USB-C จำนวน 2 ช่อง (มี 1 ช่องเป็น Thunderbolt 4) แทน

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเป็นข้อดีทั้งสิ้น เพราะใน ROG Ally นั้นจุดดังกล่าวมักเป็นปัญหามากกว่าข้อได้เปรียบเหนือเครื่องเกมพกพาเจ้าอื่น ไม่ว่าจะเป็นช่องเสียบ Micro SD Card ที่อยู่ใกล้รูระบายความร้อนมากเกินไป จนทำให้บางครั้งเครื่องไม่สามารอ่าน Micro SD Card ที่เสียบอยู่ได้

ส่วนพอร์ต ROG XG Mobile นั้นเดิมทีเอาไว้ใช้กับ External GPU ของ ROG เองการที่ปรับมาเป็น USB-C อีกช่องนั้นทำให้ตัวเครื่องมีความยืดหยุนมากกว่าเดิมเพราะสามารถใช้ Thunderbolt 4 เชื่อมต่อกับ External GPU ของค่ายอื่นได้แล้ว ตรงจุดนี้ก็ต้องชื่นชม ASUS ที่มองเห็นปัญหา และปรับปรุงให้ ROG Ally X ดูเป็นเครื่องเกมพีซีพกพาที่ครบเครื่องมากขึ้น

ขณะที่ภายใน แม้ ROG Ally X จะยังคงใช้ชิป AMD Z1 Extreme เหมือนเดิมแต่ตัวเครื่องก็มีอัปเกรดหลายส่วน ทั้งแรมที่ให้มาเป็น 24GB แบบ LPDDR5X บนแบนด์วิธ 7500 MHz, ความจุสตอเรจ SSD ที่เพิ่มขึ้นเป็น 1TB และแบตเตอรี่ที่เพิ่มเป็น 80WHrs มองผ่าน ๆ อาจจะดูเปลี่ยนไม่เยอะ แต่เอาเข้าจริงมีผลกับการใช้งานจริงค่อนข้างมากเลยทีเดียว

ส่วนเกมที่ลองเล่นคือ STAR WARS Jedi: Survivor ทั้งบน Ally และ Ally X เพื่อเปรียบเทียบความต่างกัน ก่อนจะพบว่า Ally X สามารถเล่นเกมนี้ได้เสถียร และเล่นได้นานกว่าอย่างมีนัย กล่าวคือในแง่ประสิทธิภาพนั้น Ally X เล่นได้ในระดับ Medium ที่ 40-55fps ส่วน Ally จะอยู่ที่ 25-35fps โดย Ally เล่นได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแบตก็เหลือ 30% แล้ว ในขณะที่ Ally X นั้นเล่นไปชั่วโมงครึ่งแบตถึงจะเหลือ 30% ถ้ามาแกะทีละจุดส่วนที่ทำให้ Ally X เล่นได้ดีกว่า Ally นั้นมีอยู่ 2 ลำดับได้แก่

• แบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นทำให้เครื่องแบตอึดกว่าเดิม และใช้พลังงานได้มากขึ้น ลดข้อจำกัดของพลังงานที่ใช้ได้ลงไป ทำให้ Ally X เล่นเกมได้ดีขึ้นตามไปด้วย
• แรมที่เพิ่มขึ้นส่งผลโดยตรงกับการเล่นเกมยุคใหม่ ๆ การที่ Ally X เพิ่มแรมเป็น 24GB นั้นช่วยให้เกมกระตุกน้อยลง ในขณะที่ตัว Ally ตัวเกมจะเฟรมกระชากเป็นระยะเนื่องจากแรมไม่พอ

โดยรวม Ally X ถือเป็นเครื่องเกมที่ออกมาแก้จุดอ่อนที่เคยมีของ Ally ตัวแรกไปหลายจุด รองรับเกม AAA ที่ออกในช่วงปี 2023 เป็นต้นมาได้ดีมากขึ้น แต่ดีในระดับพอเล่นได้ไม่ใช่ระดับเล่นได้ลื่นทดแทนพีซีได้หมดจด ตามข้อจำกัดของเครื่องเกมพกพา ที่จุดประสงค์หลักคือการพกพาไปเล่นได้ทุกที ไม่ใช่การนั่งแช่ให้เครื่องกินไฟเท่าไหนก็ยอมเพื่อแลกกับความแรง

ส่วนตัวของผู้รีวิวเองในแง่ของผู้ใช้งานที่มี ROG Ally อยู่แล้ว ถามว่าจะยอมเสียเงินซื้อ ROG Ally X มาใช้งานแทนตัวเก่าไหม ก็ต้องขอตอบว่ายังไม่คุ้มที่จะซื้อเท่าไหร่ คือในแง่การใช้งานนั้น Ally ยังคงตอบโจทย์ผู้รีวิวอยู่ เนื่องจากเอามาใช้เล่นเกมเล็ก ๆ น้อย เคลียร์เกมเก่าที่ดองไว้ใน Steam เป็นหลัก เอาแค่นี้ Ally ก็ยังใช้งานได้สบายไปอีกนาน แต่หากเป็นคนที่ไม่มีเครื่องเกมพีซีพกพาใด ๆ เลย ROG Ally X ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายแน่นอน